จากกรณีน้องปาล์ม ถูกกะเทยหลอกไปดูไบไปทำงานนวดก่อนจะบังคับไปค้าประเวณีและเสียชีวิต 13 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยก่อนไปทำงานที่ดูไบน้องปาล์มอยากหางานหาเงินมาเลี้ยงดูแม่ และไถ่บ้านคืนจากการที่แม่โดนโกง น้องปาล์มดิ้นรนหางานหาเงินทราบว่ามีกะเทยเพื่อนน้องมาชักชวนน้องไปทำงานนวดแผนไทยที่ดูไบ บอกกับแม่ว่า “แม่ไม่ต้องเป็นห่วง น้องปาล์มสบายดี อยู่ที่ดูไบ หนูจะกลับบ้านพร้อมน้องและจะไปไหว้แม่ด้วย” ซึ่ง มันต่างจากที่ น้องปาล์มบอกแม่ไว้ ว่า อยู่ที่นี่ไม่มีงาน ไม่มีเงิน โดนหลอกมา และต้องหาเงินใช้หนี้แท็กอีก 7 หมี่น
เรณูเพื่อนสนิทแม่เปิดข้อมูล น้องปาล์มโดนหลอกไปขายตัว
ทีมข่าวช่อง 8 ได้มีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.เรณู อายุ 57 ปี เป็นเพื่อนสนิทของแม่ผู้ตายและเป็นคนที่ติดต่อกับผู้ตายตลอด เปิดเผยว่า ตอนที่ปาล์ม คิดจะเดินทางไปทำงาน ยืนยันว่าปาล์ม ไม่เคยปรึกษาใครในครอบครัว เพราะตัวปาล์มเอง เป็นคนเก่งและเคยทำงานนวดมาแล้วหลายประเทศ ซึ่งคำสุดท้ายก่อนที่ปาล์มจะตัดสินใจเดินทางไปที่ประเทศดูไบ ปาล์มพูดกับตนเองแค่ว่า อยากจะไปทำงานหาเงินให้แม่เพราะไม่อยากเห็นแม่ลำบาก
จนกระทั่งเมื่อปาล์มเดินทางไปถึงดูไบ ในวันที่ 29 มกราคม 2566 ปาล์มก็แชร์โลเคชั่นมาให้ แต่ยังไม่ได้บอกว่าไปทำงานอะไร กระทั่งเมื่อปาล์มได้งาน ปาล์มก็แจ้งกับตนเองมาว่าได้งานนวดนะ นวดแผนไทย ซึ่งระหว่างที่ปาล์มทำงาน ปาล์มจะอัพเดทมาตลอดว่าตอนนี้ได้เงินใช้หนี้แท็กไปแล้วเท่าไหร่ แต่ไม่ให้บอกกับแม่ของเขาว่าต้องทำงานใช้หนี้ จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 2 - 3 เดือน ปรากฎว่าปาล์มไลน์มาบอกว่างานที่ทำอยู่ไม่ได้เป็นอย่างที่วาดฝันเอาไว้ หนูต้องขายตัว ซึ่งตนเองก็ตกใจ แล้วก็ยังพูดกับปาล์มไปว่า ถ้าต้องขายตัวก็กลับมา จะอยู่ทำไม หนีออกเลย
แต่ปาล์มก็บอกว่าหนีไม่ได้ ถ้าหนีเท่ากับตาย หนูจะสู้เผื่อแม่ เพราะถ้าหากหนี ก็ต้องกลับมาใช้หนี้แท็กค่าเดินทางไปอยู่ดี จากนั้นปาล์ม ก็อัพเดทเงินค่าแท็กมาว่าเหลือใช้หนี้แค่ 3,000 บาท หากใช้หมดก็จะเก็บเงินสักก้อนกลับบ้านในเดือนตุลาคม กระทั่งวันที่ 12 สิงหาคม ก่อนปาล์มจะตายหนึ่งวัน ปาล์มได้โอนเงินมาฝากให้แม่ 4,500 บาท และฝากบอกแม่ว่าคิดถึง แต่ห้ามไปบอกแม่นะว่าหนูไม่ค่อยสบาย หนูทำงานหนัก สุดท้ายปาล์มก็จากไปในวันที่ 13 สิงหาคม ซึ่งถึงวันนี้แม่ของปาล์มก็ยังทำใจไม่ได้ เพ้อพูดแต่คำว่า ปาล์มกลับมาหาแม่นะ คิดถึงลูกและกังวลเรื่องที่จะไม่มีเงินค่าทำศพส่งกระดูกของปาล์มกลับมาบำเพ็ญกุศล
แฉแชทไลน์หลอกสาวไทยไปทำงานดูไบ
ขณะที่คุณตุ๊กตา เปิดเผยแชทข้อความที่นางกะเทย ส่งไปหาเวลาที่จะชวนคนไปทำงานมาให้กับทีมข่าว โดยข้อความดังกล่าว นางกะเทย จะพิมพ์ว่า
มาคะสาวๆงานดูไบบินก่อนผ่อนที่หลังฟังทางนี้ย้ำบินก่อนผ่อนที่หลังไม่ต้องจ่ายสักบาท
ไม่มีพาสทางเราพาไปทำแล้วจ่ายเงินให้ ที่พักฟรีอาหารฟรี3เมื่อระหว่างรอบิน รับส่งฟรีสนามบินพร้อมเทรนและทำเอกสารให้ มีเงินให้เบิกก่อนบิน2000บาทตอนวีซ่าออก รอเอกสารวีซ่าไวสุด3วันช้าสุด7วันได้บิน ที่ร้านมีแต่คนไทยทั้งร้าน ไม่เก่งภาษามีคนแปลให้ ขอคนพร้อมและวัคชีน2เข็ม ลายละเอียดร้านตอนถึงดูไบที่ร้านทำงาน1ซ๊อต80ดีแร่มตริปต่างหาก ทางร้านจะหัก80ทริปให้เด็กๆเอาไว้จ่ายถ้าเราทำงาน1ซ๊อต80ดีทริป60ก็เป็น140ดีร้านเอา80เด็กเก็บ60ค่าทริปใว้จ่ายใว้ซื้อของทำงานไวต่อรอบบางคนได้7-8รอบแล้วแต่ความขยัน
สาวเคยไปทำงานดูไบ ยอมรับเคยคุยกับน้องปาล์ม
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปพบกับ นางตุ๊กตา (นามสมมติ) อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นคนไทยที่เดินทางไปทำงานที่ดูไบ และเป็นคนที่ได้เจอกับปาล์มในระหว่างไปใช้ชีวิตอยู่ที่ดูไบ เปิดใจกับช่อง 8 ว่า ตนเองมีโอกาสได้ไปเจอกับปาล์มในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งตอนนั้นปาล์มดีใจมากที่เห็นตนเอง เนื่องจากเป็นคนไทยด้วยกัน แต่ตอนนั้นปาล์มยังไม่รู้ตัวว่างานที่กำลังจะได้ทำเป็นงานขายบริการ เนื่องจากก่อนหน้านี้ช่วงที่ปาล์มใช้ชีวิตอยู่ที่ดูไบ เขาทำงานนวดแผนโบราณ กระทั่งตนเองได้คุยกับปาล์มว่าใครเป็นคนไปรับมาอยู่ที่นี่และใครเป็นคนแนะนำมา
ปรากฏว่าคนๆนั้นคือมาดามชาวจีนคนเดียวกันที่ไปรับตนเองมาจากสนามบิน ตนเองก็เลยบอกความจริงกับปาล์มไปว่า งานที่กำลังจะต้องทำคืองานขายบริการ ซึ่งเมื่อปาล์มได้ยินก็ตกใจรับไม่ได้ที่ต้องขายตัว ตนเองจึงอธิบายให้ปาล์มฟังว่า ก่อนหน้านี้ตนเองก็มาทำงานนวดแผนโบราณเหมือนกัน ซึ่งที่ต้องถูกส่งตัวมาอยู่ที่เดียวกันกับปาล์ม เป็นเพราะว่านางมาดามต้องการส่งมาขายตัวเพื่อเร่งหาเงินคืนค่าแท็ก แล้วตนเองก็บอกกับปาล์มไปว่า ถ้าไม่อยากเริ่มงานขายตัวในตอนเช้า ให้ทำแบบตนเองคือให้ญาติโอนเงินมาคืนค่าแท็กแล้วก็เดินทางกลับไทย ซึ่งปาล์มก็เงียบไป กระทั่งช่วงเช้าตอนร้านเปิด ปาล์มก็เริ่มงานวันแรกเหมือนคนอื่นโดยการออกมายืนให้ลูกค้าเลือกไปใช้บริการ ซึ่งวันนั้นเป็นวันแรกที่ปาล์มทำงานใช้หนี้ค่าแท็ก
ซึ่งตนเองยืนยันว่า ในระหว่างที่เห็นและอาศัยอยู่กับปาล์ม 3 วันเต็มๆ คนในร้านไม่มีใครบังคับให้ปาล์มขายบริการ แต่ขังเอาไว้ในห้องเพื่อไม่ให้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันจนกว่าจะใช้หนี้แท็กหมด ซึ่งการใช้ชีวิตอยู่ที่นั้น ไม่ต่างอะไรกับซ่อง
ส่วนการขายบริการ 1 ครั้ง ทุกคนจะได้เงิน 80 ดีแรห์ม หรือ 800 บาทต่อครั้ง ซึ่งเงิน 80 ดีแรห์มที่ได้มาจะต้องถูกนางมาดามหักค่ากินค่าห้องครั้งละ 10 ดีแรห์ม คงเหลือต่อครั้งที่ต้องนำเงินมาหักค่าแท็ก ก็คือครั้งละ 70 ดีแรห์ม มาหักจนกว่าจะใช้หนี้แท็กจำนวน 9,600 ดีแรห์ม หรือคิดเป็นเงินไทยก็คือ 96,000 บาทจนหมด และถ้าหากใครคิดจะหนีก็จะถูกนางมาดามส่งตัวไปขายบริการต่อบนเรือ ซึ่งเมื่อไปแล้ว หากอยู่ไม่ได้หรือไม่ทำตามที่คนบนเรือสั่ง ก็จะถูกคนบนเรือโยนทิ้งทะเล
โดยวันสุดท้ายก่อนที่ตนเองจะเดินทางกลับไทย ปาล์มไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากตนเองนอกจากเรื่องที่ให้กลับไปบอกกับแม่ว่าอยู่สบาย ซึ่งปาล์มย้ำตลอดว่า อย่าเล่าเรื่องความเป็นอยู่ให้แม่ของเขาฟัง แต่ให้บอกว่าทำงานอยู่กินสบายดีเพื่อให้แม่ไม่เป็นห่วง
ส่วนเอเจนซี่ กะเทยที่เป็นคนติดต่อปาล์มเพื่อไปทำงาน เท่าที่รู้ กะเทยคนนั้นก็เป็นคนที่ถูกหลอกไปขายตัวมาก่อน แต่เมื่อไปถึงพอมีพรรคมีพวกก็ผันตัวเองเป็นนายหน้าหาคนมาให้มาดามเจ้าของร้าน ซึ่งการหาคนไปให้มาดาม นางกะเทยที่เป็นเอเจนซี่จะได้ค่าตอบแทนต่อหัวคือ 1,000 - 1,500 ดีแรห์ม หรือคิดเป็นเงินไทยคือ 10,000 - 15,00 บาทต่อหัว ซึ่งนางกะเทยคนดังกล่าว มีความสามารถหลอกให้คนต่างจังหวัดเชื่อง่ายๆคือ โพสต์หรือส่งข้อความไลน์ วาดความฝันไว้อย่างสวยหรู เช่นเรื่องเงินค่าตอบแทน, ฟรีการเดินทางโดยการไปรับจากบ้านมาขึ้นเครื่องบิน มีอาหารมีที่พักหรูๆฟรีจนถึงประเทศดูไบ
อย่างไรก็ตามสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวเชื่อว่าปาล์มน่าจะถูกทำร้ายจนเสียชีวิตมากกว่าเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว เนื่องจากครั้งสุดท้ายที่ตนเองได้โทรศัพท์คุยกับปาล์ม ปาล์มแจ้งกับตนเองว่าต้องการจะหนีออกจากมาดาม ซึ่งคำว่าจะหนี น่าจะเป็นสาเหตุที่ปาล์มเสียชีวิตเนื่องจากหนีไม่พ้น โดยการคิดหนีเท่ากับตาย เพราะนางมาดาม หากเปรียบเทียบกับคนไทยคือมาเฟียที่มีอิทธิพลในประเทศดูไบ