วันที่ 16 ส.ค. 2566 กรณีนายนันทจักรษ์ หรือเจ๊นัน อายุ 43 ปี ลักเด็กทารกแรกเกิดในโรงพยาบาลบางเลน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2566 กระทั่งตำรวจตามไปจัดตัวได้ที่บ้าน ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านน้องต่อวัย 8 เดือนที่หายตัวไป โดยตำรวจได้ส่งตัวเจ๊นันฝากขังไปแล้วเมื่อวานนี้

วันนี้ ทีมข่าวเดินช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดก่อนและหลังเกิดเหตุมาเพิ่มเติม โดยเป็นภาพเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2566 เวลา 18.16 น. จับภาพเจ๊นัน ทาแป้งแต่งตัวให้หลานสาวอยู่ภายในบ้าน วันรุ่งขึ้น 11 สิงหาคม เวลา 18.02 น. เจ๊นันถูกบ้านทำความสะอาดบ้านตามปกติ และภาพก่อนก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง เวลา 01.02 น. วันที่ 13 สิงหาคม ครอบครัวของเจ๊นันส่งภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้ทีมข่าวดู พบว่า เจ๊นันมีท่าทีแปลกๆ คล้ายกับเดินย่องอยู่ในบ้าน ก่อนจะออกไปก่อเหตุขโมยเด็กที่โรงพยาบาล

และกล้องวงจรปิดริมถนน เมื่อเวลา 11.28 วันที่ 13 สิงหาคม จับภาพรถเก๋งสีดำที่เจ๊นันและแม่นั่งอยู่ข้างใน ขับไปพร้อมกับรถตำรวจ และได้ขับมาจอดที่ข้างทาง ก่อนมีรถกระบะของตำรวจขับมาจอดด้านหลัง เพื่อพูดคุยตกลงกันเรื่องจะนำเด็กไปคืนที่โรงพยาบาล

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางลัดดา แม่ของเจ๊นัน ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่เจ๊นันมีสมุดบัญชีกว่า 10 เล่มนั้น ตัวเองคิดว่าลูกน่าจะพูดมั่ว พูดเพ้อเจ้อไปเท่านั้นเอง เพราะสังเกตว่า ระยะ 1-2 ปีหลังมานี้ ลูกจะมีนิสัยพูดเพ้อเจ้อเรื่องเงินอยู่เป็นประจำ ไม่ได้มีเงินเป็นล้านแต่อย่างใด

ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน ซึ่งเป็นวันแม่ 12 สิงหาคม ครอบครัวได้ไปทานข้าวในตัวอำเภอ แต่เจ๊นันไม่ขอไปด้วย แล้วก็ได้นั่งดื่มเบียร์ 1 ขวดอยู่ในบ้าน จากนั้นก็เข้าไปนอนในห้องนอนปกติ จนมาทราบอีกทีในวันที่ 13 สิงหาคม 2566 ว่า ไปก่อเหตุดังกล่าว

ส่วนเรื่องคดีน้องต่อ ตัวเองก็คิดว่าลูกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน เพราะตอนที่น้องต่อหายตัวไป เจ๊นันและตัวเองก็ยังช่วยตามหาน้องต่ออยู่เลย

เมื่อเช้าวันนี้ ตัวเองก็เดินทางไปที่ศาล และเรือนจำ เพื่อจะขอเยี่ยมลูก แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่อนุญาตให้เยี่ยมเป็นเวลา 20 วัน ยอมรับว่ากลัวลูกเครียดมาก

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้มาเจอกับนางแดง นามสมมติ เพื่อนสนิทของเจ๊นัน บอกว่า ตัวเองรู้จักและสนิทกับเจ๊นันมาตั้งแต่เขายังเด็ก โดยช่วงโควิด เจ๊นันได้มาเปิดบริษัทส่งพัสดุและขายกล่องพัสดุในพื้นที่ตลาดสดแห่งหนึ่ง โดยเช่าพื้นที่ตลาดเพื่อเปิดร้านทั้งหมด 3 ห้องด้วยกัน แต่จำไม่ได้ว่าเช่าห้องละกี่บาท ซึ่งตอนนั้นก็เห็นว่าธุรกิจส่งพัสดุของเจ๊นันดำเนินการไปได้ดีมาก มีรถลูกค้ามารอรับของวันละประมาณ 10 คัน แต่เจ๊นันเปิดกิจการได้ไม่ถึงปี ก็ต้องปิดกิจการไป คาดว่าเพราะปัญหาเรื่องหนี้สินหรือไม่ เนื่องจากเห็นแก๊งหมวกกันน็อกมารอเก็บหนี้กับเจ๊นันในเวลา 3-4 ทุ่มทุกวัน คาดว่าเจ๊นันคงแบกรับหนี้ไม่ไหว แล้วก็ปิดบริษัทไป

ครั้งหนึ่งเจ๊นันได้ไปกู้เจ้าหนี้รายหนึ่งจำนวน 60,000 บาท แล้วให้ตัวเองเป็นผู้ค้ำให้ แต่เวลาผ่านไปเจ๊นันก็ไม่ใช้หนี้เขา เจ้าหนี้ไปทวงเงินที่บ้านเจ๊นันก็ไม่ยอมให้ เอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้าน ทำให้ตัวเองต้องมารับผิดชอบชดใช้หนี้ดังกล่าวแทน แต่โชคดีที่เจ้าหนี้เห็นใจ จึงคิดกับตัวเองแค่ 15,000 บาท

หากจะถามว่าคดีของเจ๊นันจะเชื่อมโยงกับกรณีการหายตัวของน้องต่อหรือไม่ ยอมรับว่า ตัวเองก็เคยมีฉุกคิด เพราะบ้านเขาอยู่ตรงข้ามกัน แต่เท่าที่สนิทกับเจ๊นันก็คงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับคดีน้องต่อ

แม่เจ๊นันยันไม่เกี่ยวต่อหาย เพื่อนแฉติดหนี้หลายเจ้า จับโป๊ะเด็กหายช่วงจ่ายหนี้