จากกรณีเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้แถลงข่าวที่โรงแรมเดอะเดวิส ย่านสุขุมวิท กรณีบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซื้อที่ดินย่านทองหล่อ สร้างคอนโดหรู ระหว่างการแถลงนายชูวิทย์ได้เหน็บแนมนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ (MGR) โดยได้นำแก้วใส่น้ำสีเหลืองที่ตั้งชื่อว่า "มินต์ฉี่" ไปล้อเลียนกับภาพของนายสนธิ แล้วบอกกับนักข่าว MGR ว่าฝากให้เจ้านายด้วย และพูดท้าทายทำนองว่า ถ้าแน่จริงให้มาเอง อย่าส่งลูกกระจ๊อกมา
ทำให้นักข่าว MGR ที่มาทำข่าวไม่พอใจ พูดกับนายชูวิทย์ว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเรียกตนเองเช่นนั้น เพราะตนมาทำหน้าที่ในฐานะนักข่าว ถ้านายชูวิทย์มีปัญหากับนายสนธิก็ว่าไป อย่ามายุ่งกับตน ทำให้เกิดการโต้เถียงกันไปมา ก่อนที่นายชูวิทย์จะไล่ผู้สื่อข่าวออกจากห้องแถลงข่าว ทำให้นักข่าว MGR ได้เดินออกจากห้องแถลงข่าว และซึ่งนายชูวิทย์ยังพูดต่ออีกว่า "ไสหัวออกไป" ทำให้มีมีปากเสียงกันต่อเนื่องก่อนออกจากห้องแถลง
ทีมข่าวช่อง 8 พบนายวัชรินทร์ กลิ่นมะลิ ผู้สื่อข่าวพิเศษไทยเวิลด์มีเดีย ที่มีปากเสียงโต้เถียงกับนายชูวิทย์ เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่าตนเป็นผู้สื่อข่าวพิเศษของรายการสนธิทอล์ค ไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบในส่วนของสำนักข่าวเมเนเจอร์ โดยปกติจะไปทำงานตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการ
ซึ่งเมื่อวานนี้จะไปถามนายชูวิทย์ในประเด็นที่รายการของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้นำเสนอเรื่องนายชูวิทย์เลี่ยงภาษีที่ดินในโรงแรมเดวิสว่าจริงหรือไม่ ก่อนหน้านี้ตนก็เคยไปทำข่าวนายชูวิทย์มาแล้วหนึ่งครั้ง หลังแถลงก็ไปแนะนำตัวเพื่อให้การไปสัมภาษณ์ครั้งต่อไปไม่มีปัญหา เมื่อวานก็ได้ปล่อยให้นายชูวิทย์แถลงข่าวตามปกติ เนื่องจากตนจะไปสอบถามในประเด็นที่นอกเหนือจากเรื่องที่มีการแถลงข่าว
แต่ตลอดเวลาที่นายชูวิทย์แถลงข่าว ได้เอ่ยชื่อตนตลอด และมีการพาดพิงถึงนายสนธิ ตนก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร รับฟังไปเรื่อยๆ แต่เมื่อถูกพูดถึงมากเข้าจนถึงตอนที่ถือแก้วน้ำสีเหลืองลักษณะเหมือนการล้อเลียนนายสนธิ และบอกว่าให้ตนนำไปฝากในสนธิ จากนั้นก็มีการหลุดคำเรียกว่า “ลูกกระจ๊อก” ซึ่งตนรับไม่ได้ มองว่าเป็นการเหยียดกันเกินไป เพราะตนมาทำหน้าที่ตามหมายงานที่นายชูวิทย์แจ้ง ตนมีหน้าที่ทำข่าว จากนั้นเหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่ปรากฏตามคลิปเลย ยอมรับว่าตนเป็นคนเสียงดังแต่ไม่ได้หยาบคาย
นายวัชรินทร์ ยืนยันว่าเป็นนักข่าวมีบัตร ไม่ได้เป็นไปตามคำกล่าวอ้างว่าไม่มีบัตร ซึ่งเมื่อวานก็เป็นวันครบรอบทำงาน 20 ปีของตน ตนได้ทิ้งคำถามไปว่าหากไม่แฮปปี้กับการที่สื่อเมเนเจอร์นำเสนอก็ไม่ต้องเชิญมาก็ได้ หรือทิ้งท้ายไว้ในหมายก็ได้ว่าไม่ต้องการให้สื่อนี้เข้าร่วม จากนั้นนายชูวิทย์ก็ไล่ตนให้ไสหัวไป และให้เอาฉี่ไปฝากนายด้วย ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการปกป้องตัวเอง
ตนทำงานมา 20 ปี ไม่เคยเห็นแหล่งข่าวเหยียดผู้สื่อข่าว ทั้งที่หมายงานนั้น เป็นหมายที่มีการเชิญนักข่าวไป แต่ถ้าคิดว่ารายการสนธิทอล์คเป็นภัยอันตรายต่อนายชูวิทย์ หลังจากนี้ก็วงเล็บท้ายหมายว่าไม่อยากให้ร่วมทำข่าว
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าโกรธแน่นอน เพราะเราก็เป็นมนุษย์ แต่รู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ขอให้เปรียบเทียบอากัปกิริยาระหว่างตนกับนายชูวิทย์ในขณะนั้น ตนเข้าใจว่าสื่อต้องเป็นกลาง แต่ก็ขอให้ทำความเข้าใจว่าข่าวทุกข่าวไม่ได้จบที่นักข่าว มีกระบวนการผลิตอีกหลายขั้นตอน ตนไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือ มีปัญหาอะไรกับเจ้านายตนก็ไปจัดการกันแบบผู้ใหญ่
ทั้งนี้ ได้แจ้งผู้บังคับบัญชาหมดแล้ว และให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลต่างๆ ทั้งกรณีของนายชูวิทย์และคนอื่นๆ ที่แสดงความเห็นที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย