แรงงานโคราช สั่งนายจ้างให้ข้อมูลเรื่องไม่ให้ลูกน้องลางานหลังแม่ป่วยหนัก ล่าสุดพบสั่งย้าย พี่กบ และไม่อนุมัติลาออก

จากกรณีที่ผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ “Kodchakorn Tongbangprong” ได้โพสต์ข้อความแชตไลน์ระหว่างพนักงานกับหัวหน้างานฝ่ายบุคคล โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อขอลาไปดูแลแม่ที่ป่วยหนักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่หัวหน้างานไม่อนุญาตให้ลา จนท้ายที่สุดแม่ที่ป่ายก็เสียชีวิต และหัวหน้างานถามต่อว่าจะลาออกใช่หรือไม่ พร้อมให้มาเขียนในลาออกหากทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ผู้โพสต์จะเขียนข้อความว่า “แล้วฉันผิดอะไร เรื่องแบบนี้ พี่ควรเห็นใจหรือเข้าใจหรือเปล่า เกินไปไหม” จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกโซเชี่ยลอยู่ในขณะนี้นั้น

ล่าสุดวันนี้ (17 ส.ค. 2566) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อสอบถามถึงกรณีดังกล่าว โดยนายนิสัย สุขระ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ทราบเรื่องนี้จากสื่อต่างๆ ตนเองก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจแรงงานเดินทางไปตรวจสอบที่โรงแรมดังกล่าว ในพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แต่ไม่พบผู้บริหารของโรงแรมซึ่งเป็นนายจ้าง พบเพียงหัวหน้า รปภ.เท่านั้น

โดยหัวหน้า รปภ.แจ้งว่าผู้บริหารได้เดินทางไปร่วมงานศพของแม่พนักงานคนดังกล่าวที่ จ.บุรีรัมย์กันหมด ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ต้องอยู่ที่ผู้บริหารเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตรวจแรงงานจึงได้มีหนังสือเชิญนายจ้างให้มาพบในวันจันทร์ที่ 21 ส.ค.นี้ ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องของกฎระเบียบเรื่องของการลากิจที่โรงแรมกำหนดไว้ แต่ถ้าดูตามกฎหมายแรงงานนั้น ให้นายจ้างกำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิ์ในการลากิจธุระอันจำเป็นได้ปีละไม่น้อยกว่า 3 วันทำงาน โดยให้นายจ้างจ่ายเงินค่าจ้างให้กับลูกจ้างในวันที่ลากิจธุระ เท่ากับวันทำงานปกติได้ปีละไม่เกิน 3 วันทำงาน ซึ่งทางสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครราชสีมา ก็จะดูว่ากรณีที่ลูกจ้างลากิจธุระไปดูแลแม่ที่ป่วยและต่อมาแม่ก็เสียชีวิตลงนั้น ลูกจ้างได้ใช้สิทธิ์ในการลากิจธุระอันจำเป็นอะไรไปบ้างแล้วหรือไม่

นายนิสัย กล่าวอีกว่า กรณีของการเลิกจ้างนั้น เรื่องของการจ้างและการเลิกจ้าง ก็เป็นสิทธิ์ของนายจ้าง แต่ก็ต้องดูเหตุว่าเข้าข่ายข้อยกเว้นที่นายจ้างจะต้องจ่ายเงินชดเชยด้วยหรือไม่ ถ้าไม่เข้าข่ายข้อยกเว้นนายจ้างก็สามารถเลิกจ้างเมื่อใดก็ได้ โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย แต่หากเข้าข่ายข้อยกเว้นนายจ้างก็ต้องจ่ายเงินชดเชยให้ลูกจ้างตามอายุงาน และตามข้อกฎหมายที่กำหนด

ถ้าเข้าข่ายข้อยกเว้น และมีลูกจ้างมายื่นคำร้องกับสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครราชสีมา ก็จะเข้าสู่กระบวนการวินิจฉัยคำร้อง พร้อมกับเชิญฝ่ายนายจ้างเข้าพบเพื่อให้ได้ข้อมูลทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายมีการตกลงกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการยินยอมรับเข้าทำงานตามปกติ หรือหากไม่รับเข้าทำงานแต่มีการจ่ายเงินชดเชยให้ตามที่กฎหมายกำหนด การยื่นคำร้องก็จะเป็นอันยุติลง แต่หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ พนักงานตรวจแรงงานก็จะมีคำสั่งเป็นหนังสือภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ลูกจ้างมายื่นคำร้อง โดยประมวลตามข้อมูลเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน แล้ววินิจฉัยออกมาว่าลูกจ้างมีสิทธิ์ได้รับเงินค่าชดเชยหรือไม่ โดยเมื่อทั้งสองฝ่ายได้รับหนังสือคำสั่งไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหนังสือคำสั่งให้ลูกจ้างได้รับเงินค่าชดเชยก็ตาม หรือหนังสือคำสั่งลูกจ้างไม่ได้รับเงินค่าชดเชยก็ตาม ทั้งสองฝ่ายก็สามารถนำหนังสือคำสั่งนี้ไปยื่นอุทธรณ์ที่ศาลแรงงานภาค 3 ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมาได้ภายใน 30 วัน หลังจากที่ได้รับหนังสือคำสั่ง โดยถ้าหากนายจ้างเป็นฝ่ายอุทธรณ์ กรณีพนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งให้จ่ายเงินชดเชย นายจ้างก็ต้องนำเงินตามจำนวนในคำสั่งนั้นไปวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันที่ศาลก่อน จึงจะสามารถขอยื่นอุทธรณ์ได้ แต่ถ้าหากภายใน 60 วัน เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้ครบถ้วน ก็มีสิทธิ์ขอขยายเวลาต่อได้อีก 30 วัน ซึ่งกรณีการขอขยายเวลาก็จะเป็นดุลพินิจของผู้ว่าราชการจังหวัด จะพิจารณาอนุญาตให้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม กรณีลูกจ้างรายนี้ที่เป็นข่าว ขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลว่านายจ้างได้เลิกจ้างลูกจ้างรายนี้ไปแล้วหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องรอนายจ้างมาชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง ในวันจันทร์ที่ 21 ส.ค.ที่จะถึงนี้ก่อน

ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า มีสั่งย้ายงาน พี่กบ ให้ไปทำหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานเดิมในการลางานของพนักงาน

ขณะที่ผู้บริหารโรงแรมยังไม่อนุมัติลาออกหรือเลิกจ้างลูกจ้างรายนี้แต่อย่างใด