วันที่ 17 ส.ค. 2566 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงข่าวประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย หลังคณะเจรจาของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มีการพูดคุยกับคณะเจรจาของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการแล้ว
โดยระบุว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะร่วมรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย และเพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นกับประชาชน ซึ่งจุดยืนของพรรคที่สำคัญ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือ การไม่ร่วมงานกับพรรคการเมืองที่มีนโยบายในการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า ในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ จะไม่มีพรรคการเมืองที่มีนโยบายดังกล่าว ซึ่งมีความต้องการที่อยากจะให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ วันนี้จึงมีความชัดเจนว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ตนขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการเจรจาในการต่อรองกระทรวงใดๆทั้งสิ้น รวมถึงจำนวนโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีด้วย วันนี้เป็นการตกลงในเชิงหลักการว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ไม่มีการพูดคุยในเรื่องของรายละเอียดกระทรวง
และวันพรุ่งนี้ตนจะเป็นตัวแทนของพรรคไปพูดคุยกับวิป 3 ฝ่าย เพื่อหารือกรอบแนวทางในการประชุมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 สิงหาคม ที่จะถึง ดังนั้นในระหว่างนี้ จึงยังมีระยะเวลาที่จะพูดคุยในรายละเอียดจัดตั้งรัฐบาล พร้อมยังยืนยันว่า พรรครวมไทยสร้างชาติมีบุคลากรที่เหมาะสมสามารถบริหารงานได้ทุกกระทรวงอยู่แล้ว และไม่มีปัญหาเรื่องนายทุน เพราะเราบริหารด้วยกรรมการบริหารพรรค และสส.
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า สส. 36 คนของพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมสนับสนุนบุคคลของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 สิงหาคม นี้
ขณะที่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา เผยในรายการคนดังนั่งเคลียร์ ทางช่อง 8 ว่า ตนโหวตตามเสียงข้างมาก แต่ สว.ท่านอื่นๆ อาจมีแนวทางเป็นของตัวเอง พร้อมเผย วันโหวตนายกตามตำราโหราศาสตร์ 22 สค ฤกษ์ดี ได้นายกคนใหม่จากเพื่อไทย
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน และอดีต สส. พรรคเพื่อไทย ซึ่งเคยทำนายว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี มองว่า เรื่องพรรครวมไทยสร้างชาติจับมือพรรคเพื่อไทยเป็นเรื่องจริงครึ่งเท็จครึ่ง เรื่องจริงก็คือว่ามีการจับมือข้ามขั้วกัน ส่วนเรื่องที่ไม่จริงหรือเป็นเท็จก็คือว่า ไม่มีการต่อรองตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรีใดๆ เพราะผิดไปจากธรรมเนียมทางการเมืองในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่าอาจจะมีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีกันในทางลับแล้ว
ในทางปฏิบัติ นายจตุพรมองว่า ในวันพรุ่งนี้ พรรคพลังประชารัฐก็อาจจะมีแนวทางเดียวกันกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วยการแถลงจับมือกับพรรคเพื่อไทย
ส่วนกรณีที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ มองว่าจะยังคงไม่ได้นายกรัฐมนตรีอีกเช่นเคย เนื่องจากว่าการเสนอชื่อนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น อาจจะต้องเจอด่านยากก่อนวันที่ 22 คือวันที่ 21 ที่นายชูวิทย์จะแถลง ซึ่งนั่นอาจจะทำให้นายเศรษฐาขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าหากว่านายเศรษฐาใจถึง ไม่หวั่นต่อถ้อยคำแถลงของคุณชูวิทย์ เมื่อไปถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว นายจตุพรมองว่า อาจจะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว. เพียงพอ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็จะต้องมีการส่งไม้ต่อไปจบที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่มาออกรายการคนดังนั่งเคลียร์ ก็ได้พูดถึงประเด็นที่ทำไมไม่ยกมือโหวตให้พรรคเพื่อไทย โดยกล่าวว่า ที่ไม่โหวตให้ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องหลักการที่พี่น้องประชาชนให้คะแนนพรรคก้าวไกลมา การที่นำพรรคอันดับอื่นมาที่ไม่ใช่พรรคอันดับหนึ่งอย่างพรรคก้าวไกลโดยที่ไม่ได้พูดถึงมาตรา 112 อะไรที่เป็นเงื่อนไข ตอนนี้เจาะจงที่พรรคแล้ว ก็ไม่ได้เป็นเงื่อนไขอย่างที่คุยกันก็รับฟัง พรรคก้าวไกลก็ชี้แจงกลับไปว่าต้องฟังมติ สส. เหมือนอย่างที่พรรคเพื่อไทยก็เคยบอกว่าต้องฟังมติ สส.เหมือนกัน
แต่สุดท้ายแล้วคงฟังกันอย่างเดียว ไม่สามารถผูกมัดอะไรกันได้ ซึ่งทางพรรคก้าวไกลจะมีการประชุม สส. และตัดสินใจตามนั้น
ส่วนเรื่องที่หลายคนจิ้นกันว่าคบกับ "แอฟ ทักษอร" หรือเปล่า นายพิธา ตอบในรายการว่า ไม่จริง ความสัมพันธ์จริงๆ เป็นเพื่อนกัน "ก็ต้องใช้โอกาสนี้อธิบายกับพี่น้องประชาชนว่า เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันครับ"