เจ้าของเตรียมขายซากรถกระบะ ชดใช้ให้โรลส์-รอยซ์ เล็งเจรจาขอผ่อน ขอโทษคู่กรณีขับพุ่งชน
โดยเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ทนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ พร้อมคู่กรณีรถกระบะแต่งซิ่ง มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อไกล่เกลี่ย กับผู้เสียหาย โดยได้นำคู่กรณีกระบะแต่งซิ่ง มาชี้ชุดความเสียหายรถโรลส์-รอยซ์ ก่อนนำเข้าห้องสอบสวนต่อไป เพื่อรอในส่วนของฝั่งของผู้เสียหายมาไกล่เกลี่ย
โดยเวลาประมาณ 10.45 น. นายอนิรุจน์ คงทรัพย์ ทนายความของ คุณซุน หญิงชาวจีนเจ้าของรถโรลส์-รอยซ์ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนและคู่กรณี เพื่อไกล่เกลี่ยค่าเสียหายที่เกืดขึ้น ซึ่งคาดว่าความเสียหายอยู่โดยประมาณ 2 ล้าน ไม่รวมค่าแรง ค่าทำสี ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินราคาอีกครั้ง ส่วนฝั่งคู่กรณีกระบะแต่งซิ่ง ไม่มีประกัน เนื่องจากประกันขาด
โดยหลังจากทั้งฝ่ายผู้เสียหาย และคู่กรณี ใช้เวลาโดยประมาณ 2 ชั่วโมง ในการเจรจาไกลเกลี่ยค่าเสียหาย
ด้านน้าของแซม ระบุหลังเจรจากับคู่กรณี ว่าหลังจากได้คุยกับทางทนายความ และตำรวจแล้ว อยากขอโทษคุณซุน เจ้าของรถโรลส์-รอยซ์ ขอโทษจากใจ หลานเราผิดจริงที่ไปชนท้าย ตามกฎหมายยังไงก็ผิด วันนี้ทางตำรวจได้เชิญให้มาเสียค่าปรับ 1,000 บาท และมาไกล่เกลี่ย ค่าเสียหาย ส่วนผลการเจรจาคือ ทางแซน ยินดีชดใช้ค่าเสียหายเต็มที่ ส่วนผลการประเมินต้องรอทางประกันแจ้งค่าเสียหายประมาณสัปดาห์หน้า ส่วนแนวทางการจ่ายค่าเสียหายนั้น อาจจะต้องขายซากรถไปขายได้เท่าไรนำเงินไปจ่ายค่าเสียหาย ส่วนที่เหลืออาจจะไกล่เกลี่ยขอผ่อนชำระ ส่วนทรัพย์สินที่มี แซน มีเพียงรถคันเดียว
ด้านทนายอนิรุจน์ ระบุถึงกรณีที่ทางคุณแซน ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าอยากใฟ้ทางคุณซุน ช่วยเรื่องค่าเสียหาย เบื้องต้นได้มีการคุยกับทางคุณซุนแล้วว่า ค่าเสียหายค่อนข้างเยอะ คุณแซนเองก็อาจจะไม่ไหว คุณซุนเองบอกเพียงว่าขอคิดดูก่อน รอยอดค่าเสียหายทั้งหมดประมาณเท่าไร แต่เบื้องต้นประมาณ 2 ล้าน ซึ่งหากคุณซุนจะช่วย ก็ต้องดูยอดรวม เพราะต้องควักเงินตัวเองจ่ายช่วย ถ้าจะช่วย ส่วนประเด็นคุณซุน เบรกกะทันหันหรือไม่นั้น เรื่องนี้น่าจะจบลง ตั้งแต่คุณแซมยอมรับว่าผิดแล้ว ตามคำให้การ
ส่วนกรณีสังคมตั้งข้อสงสัยว่า คุณซุน ทำธุรกิจสีเทา หรือเกี่ยวข้องกันจีนเทาหรือไม่นั้น ยืนยันว่า คุณซุน และสามี ได้มาเที่ยวที่เมืองไทย เกิดความชอบและอยากอยู่ที่เมืองไทย จึงย้ายทั้งครอบครัวมาอยู่ที่เมืองไทย หลักๆ ธุรกิจที่คุณซุนทำ คือร้านอาหาร ส่วนสามี เป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ประเทศจีน ทำให้มีฐานะอยู่แล้ว โดนคุณซุน เข้ามาอยู่เมืองไทยมากว่า7 ปีแล้ว ซึ่งจะเดินทางทั้งกรุงเทพ และพัทยา เพราะต้องไปดูร้านอาหาร หากเขาเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทา คงไม่ดำเนินเรื่องจนมาถึงตำรวจ คงจบตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ
ทนายรัชพล ฝากถึงเรื่องการแต่งรถ เวลาขับรถก็อยากให้ห่างๆ เว้นระยะจากรถหรู เคสนี้เป็นตัวอย่าง เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาความเสียหายมันสูง ส่วนเรื่องการแต่งรถส่วนหนึ่งมีกฎหมายครอบคลุมอยู่เพื่อให้รถของเราปลอดภัย การไปแต่งรถมาแล้ว อาจจะไม่ได้มาตรฐาน ส่วนเคสนี้จะเห็นได้ว่า ลอยเบรก มีฝั่งเดียว ซึ่งเป็นที่สงสัยว่าเบรกอีกข้างทำงานหรือไม่ อาจเกิดจากการปรับแต่งสภาพรถ ส่วนวันเกิดเหตุเชื่อว่าคงไม่ได้ขับไวมากนัก เนื่องจากจะไปทำบุญ มีเด็ก มีคนแก่ในรถ นั่งมา 7 คน คงไม่ขับซิ่งอะไรมาก ตำรวจก็ได้แจ้งข้อหา ขับรถโดยประมาณ เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ก็ปรับสูงสุด 1,000 บาท
โดยปกติรถที่นำไปแต่งมีกฎหมายระบุชัดเจน รถที่นำไปแต่ง ต้องนำมาตรวจสภาพที่ขนส่ง เพื่อตรวจสอบสมรรถภาพรถ ไม่ใช่แต่งเสร็จแล้วนำไปใช้งานได้เลย หากเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ก็ต้องเตรียมเงินไว้จ่ายคู่กรณีด้วย ส่วนการแต่งรถก็เสี่ยงที่ประกันจะไม่จ่ายได้เช่นเดียวกันกรณีเกิดอุบัติเหตุ ก็มีความเป็นไปได้
แซมเจ้าของรถกระบะอีซูซุ ที่ชนท้ายรถ โรลส์รอยซ์ วิงวอน ประชาชนที่ขับรถ ตามท้ายรถตัวเอง หรือรอบข้าง ขณะเกิดเหตุ ช่วยส่งกล้องหน้ารถมาให้ เพื่อใช้เป็นหลักฐาน ยืนยันว่า ไม่ได้ขับรถด้วยความประมาท
นายแซม เจ้าของรถกระบะ และภรรยา เปิดเผยภายหลังเข้าเจรจาไกล่เกลี่ยค่าเสียหายกับ นายอนิรุจน์ คงทรัพย์ ทนายความของนางสาวซุน อวี้ หาน วัย 38 ปี เจ้าของรถโรลส์รอยซ์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน งค 8 ชลบุรี ว่า ขณะนี้ ส่วนตัวมีความเครียดอย่างมาก หลังอาจต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่คู่กรณี จำนวนมาก ซึ่งหากสุดท้าย ฝั่งคู่กรณี ตัดสินใจเรียกค่าเสียหายที่มีมูลค่าสูงจริง ก็คงต้องยอมรับ และพยายามหาเงินมาชดใช้ทุกวิถีทาง แม้ว่าปัจจุบัน ตัวเอง จะมีภาระที่ต้องรับผิดชอบอยู่มาก อาทิ เรื่องค่าใช้จ่ายดูแลลูก พร้อมตัดพ้อว่า ต้องการให้คู่กรณีไม่เอาเรื่อง แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ วิงวอน ประชาชนที่ขับรถ ตามท้ายรถตัวเอง หรือรอบข้าง ขณะเกิดเหตุ ช่วยส่งกล้องหน้ารถมาให้ เพื่อใช้เป็นหลักฐาน ยืนยันว่า ไม่ได้ขับรถด้วยความประมาท
ด้าน แฟนของนายแซม บอกว่า ขณะนี้ทางประกันของฝั่งคู่กรณี ยังไม่แจ้งว่าจะต้องชดใช้ค่าเสียหายเท่าใด ยอมรับ ไม่รู้ว่าฝั่งคู่กรณี จะผ่อนปรน เรื่องค่าเสียหายให้สามี ได้หรือไม่ ยืนยัน ขณะเกิดเหตุ สามีไม่ได้ขับรถด้วยความประมาท และไม่ได้จี้ท้ายรถของคู่กรณีตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย