ร้องสื่อขอความเป็นธรรม! 4 ชายฉกรรจ์ แต่งกายคล้าย อส. บุกรีดทรัพย์ ร้านขายใบกระท่อม ที่จ.สงขลา
เมื่อวันที่ 20 ส.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจากเจ้าของร้านขายน้ำกระท่อมแห่งหนึ่งใน จ.สงขลา ว่า มีชาย 4 คน แต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่ อส.จังหวัดสงขลา มาอุ้มพนักงาน และลูกน้อยอีก 2 คน ไปขู่รีดไถ่เงิน เพื่อแลกกับการปล่อยตัว โดยกล่าวหาว่าร้านของตน มีการผสมยาเสพติดลงไปในน้ำกระท่อม และนำมาขายให้กับวัยรุ่นในพื้นที่ จึงอยากร้องเรียนสื่อเพื่อขอความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ร้านดังกล่าว ทราบชื่อร้านคือใบท่อมสด ตั้งอยู่ริมถนนกาญจนวานิช ซอย 1 ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา ได้พบกับ น.ส.สุภาพร จันทร์ดวง อายุ 30 ปี พนักงานขายของร้านกระท่อมดังกล่าว พร้อมกับให้ดูหลักฐาน เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิด ขณะที่กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คน บุกเข้ามาที่ร้าน และหลักฐานสลิปการโอนเงิน จำนวน 4,000 บาท จากนั้นได้พาผู้สื่อข่าวไปดูจุดต่างๆภายในร้าน ที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเข้ามารื้อค้น
จากการสอบถาม น.ส.สุภาพร เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 17.40 น. มีกลุ่มชายฉกรรจ์ 4 คน แต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่ อส. โดยสวมเสื้อกั๊ก ด้านหลังปักชื่อกรมการปกครองสงขลา ขับรถกระบะ 4 ประตู สีบรอนซ์-เงิน มาจอดที่หน้าร้านแล้วลงมาจากรถ โดย 2 คนแรกเดินมาเปิดลังน้ำแข็งซึ่งตั้งอยู่หน้าร้าน ก่อนจะเทน้ำในลังออกหมด แล้วก็ยกลังขึ้นท้ายรถกระบะ ส่วนอีก 2 คน เข้ามาภายในร้านรื้อค้นตู้เก็บของ จากนั้นก็บังคับให้ตนปิดร้าน และขู่ให้ตนขึ้นรถกระบะ แต่ตนบอกว่ามีลูก 2 คนอยู่ด้วย กลุ่มชายฉกรรจ์จึงบอกตนให้พาลูกขึ้นรถไปด้วย
ทางด้าน น.ส.สุภาพร บอกต่ออีกว่า หลังขึ้นรถชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คน ได้พาตนและลูกไปที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนฯ ก่อนจะบังคับให้ตนโทรหาเจ้าของร้านใบกระท่อม โดยให้เจ้าของร้านนำเงิน 1 หมื่นบาท มาเคลียร์เพื่อแลกกับการปล่อยตัว แต่ทางเจ้าของร้านขอต่อรองเหลือ 5 พันบาท ซึ่งทางกลุ่มชายฉกรรจ์ไม่ยอม ยืนยัน 1 หมื่นบาทเท่านั้น ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ตนได้ขอต่อรองเรื่องเงินกับกลุ่มชายฉกรรจ์ชายอีกครั้ง เหลือ 4 พันบาท เพราะตนมีเงินอยู่แค่ 4 พันบาทจริงๆ ตอนแรกกลุ่มชายฉกรรจ์ลังเลจะไม่ยอม ตนจึงถามกลับไปว่าจับตนมาในข้อหาอะไร กลุ่มชายฉกรรจ์บอกว่าจับในข้อหา "นำยาแก้ไอแบบต้องห้ามใส่ผสมลงไปในน้ำกระท่อม" ตนจึงพูดสวนกลับไปว่า ที่ร้านมีแต่น้ำเชื่อม ไม่มียาแก้ไอต้องห้ามตามที่ถูกกล่าวอ้าง ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกกลัว เพราะที่ผ่านมาตนไม่เคยโดนแบบนี้เลย ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก
"จากนั้นพอเวลาผ่านไป 30 นาที หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ถามตนว่า มีเงินสดหรือไม่ ตนก็ตอบกลับไปว่าไม่มีเงินสด ตนต้องออกไปกดเงินที่ตู่เอทีเอ็ม จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ก็สั่งให้ตนขึ้นรถกระบะ เพื่อไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง หลังกดเงินสดตนได้นำเงินจำนวน 4 พันบาท มาให้กลุ่มชายฉกรรจ์บนรถกระบะ จากนั้นพวกเขาก็ขับรถพาตนและลูกมาส่งที่บ้านพักของตน ซึ่งตนอยากฝากถถามผู้บังคับบัญชาของพวกเขาว่า จับตนมาในข้อหาอะไร และมาขอเงินค่าอะไรจากตนด้วย เพราะแต่ละวันตนขายของได้เงินไม่กี่บาท บางวันก็ได้ไม่ถึงพัน บางวันขายได้ 2-3 ร้อยบาทเท่านั้น พอเจอแบบนี้มาเอาเงินทุนไปหมดเลย ที่สำคัญตนมีลูก 2 คน ที่ต้องดูแลอีกด้วย" น.ส.สุภาพร กล่าว
จากการตรวจสอบสลิปเงินพบว่า เงินจำนวน 4,000 บาท เป็นเงินของ นายสถาพร จันทร์ดวง ซึ่งเป็นสามี น.ส.สุภาพร โดยได้โอนเข้ามาที่บัญชี น.ส.สุภาพร หลังมีการต่อรองเรื่องเงินกับกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวแล้ว จากนั้น น.ส.สุภาพร ได้ไปกดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มหน้าร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะนำเงินสดมาให้กลุ่มชายฉกรรจ์บนรถกระบะ จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ก็ขับรถพา น.ส.สุภาพร และลูก 2 คน ไปส่งที่บ้านพัก ซึ่งข้อมูลทั้งหมดของ น.ส.สุภาพร ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อสอดคล้องกันกับช่วงเวลาที่เกิดขึ้นทั้งหมด