วันนี้ (22ส.ค.66) การประชุมรัฐสภา วาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญที่มีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย
ภายหลังการอภิปรายนานกว่า 5 ชั่วโมง ซึ่งแบ่งเป็น สว.2 ชั่วโมง และสส.3 ชั่วโมง มีการสลับลุกขึ้นอภิปรายคุณสมบัติของ นายเศรษฐา อย่างเข้มข้น
จากนั้นเวลา 15.20 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้เปิดให้สมาชิกลงคะแนนโหวตนายกฯคนที่ 30
ต่อมาเวลา 17.35 น.ที่ประชุมรัฐสภาสรุปผลโหวตนายเศรษฐา 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียง ทำให้นายเศรษฐา ได้รับการโหวต เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
เมื่อไล่ดูการลงมติ สว. โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 พบว่า มีจำนวน สว. 249 คน ไม่ร่วมโหวต 16 คน โดยเห็นชอบ 152 เสียง ไม่เห็นชอบ 13 เสียง งดออกเสียง 68 เสียง
ส่วนพรรคเพื่อไทย มีจำนวน สส. 141 คน ขาดประชุม 1 คน มีมติเห็นชอบ 140 เสียง ไม่เห็นชอบ 0 เสียง และงดออกเสียง 0 เสียง
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย มีจำนวน สส. 71 คน มีมติเห็นชอบ 71 เสียง ไม่เห็นชอบ 0 เสียง และงดออกเสียง 0 เสียง
ส่วนพรรคพลังประชารัฐ มี สส.จำนวน 40 คน ขาดประชุม 1 คน คือพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยมีมติเห็นชอบ 39 เสียง ไม่เห็นชอบ 0 เสียง และงดออกเสียง 0 เสียง
ด้านพรรครวมไทยสร้างชาติ มีจำนวน สส. 36 คน มีมติเห็นชอบ 36 เสียง ไม่เห็นชอบ 0 เสียง และงดออกเสียง 0 เสียง
ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา มี สส.จำนวน 10 คน มีมติเห็นชอบทั้งพรรค 10 คน
ส่วนพรรคประชาชาติ มีจำนวน สส. 9 คน มีมติเห็นชอบ 8 เสียง และงดออกเสียง 1 คน คือ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา
ขณะที่พรรคไทรวมพลัง มี สส.จำนวน 2 เสียง มีมติเห็นชอบทั้งหมด 2 เสียง
ในส่วนพรรคชาติพัฒนากล้า มี สส. จำนวน 2 เสียง มีมติเห็นชอบ 2 เสียง
ขณะที่พรรคเสรีรวมไทย ของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส จำนวน สส. 1 เสียง เห็นชอบ 1 เสียง
ส่วนพรรคพลังสังคมใหม่ มี 1 เสียง ลงมติเห็นชอบ
เช่นเดียวกับพรรคท้องที่ไทย มี สส.1 คน มีมติเห็นชอบ
ด้านพรรคก้าวไกล มีจำนวน สส. 149 คน มีมติไม่เห็นชอบ 149 เสียง
ส่วนพรรคไทยสร้างไทย จำนวน สส. 6 คน งดออกเสียง 6 เสียง
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ มี สส.จำนวน 25 คน มีมติเห็นชอบ 16 เสียง ไม่เห็นชอบ 2 เสียง และงดออกเสียง 6 เสียง
ขณะเดียวกันบรรยากาศ ที่อาคารอนาคตใหม่ ในซอยรามคำแหง 42 เขตหัวหมาก ซึ่งเป็นที่ทำการพรรคก้าวไกล หลังจากมีการโหวตเลือกนายกฯ ไปกว่าครึ่งทาง ได้มีอดีตกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เปลี่ยนมาสวมเสื้อสีส้มที่เป็นสัญลักษณ์ของพรรคก้าวไกลบางส่วน ได้เข้าไปรอให้กำลังใจ สส.ของพรรคก้าวไกล ที่คาดว่าจะเดินทางกลับมาที่พรรคหลังเสร็จสิ้นการโหวตนายกฯที่สภา
ซึ่งวันนี้กลุ่มอดีตคนเสื้อแดง ที่สวมใส่ทั้งหมวกและเสื้อของทางพรรคก้าวไกล ได้มีการโชว์บัตร นปช. และบัตรสมาชิกของพรรคเพื่อไทยให้กับทีมข่าวดู เพื่อเป็นการยืนยันว่า เป็นอดีตคนเสื้อแดงตัวจริง และทุกคนที่มาก็เคยต่อสู้ในฐานะคนเสื้อแดงเพื่ออดีตนายกฯทักษิณ มาตั้งแต่ปี 2549
โดย น.ส.รัชนก อายุ 47 ปี เป็นอดีตคนเสื้อแดงและเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทย บอกว่า วันนี้หลังจากเดินทางกลับมาจาก สภ.คลองหลวง ได้มีการนัดหมายกับอดีตคนเสื้อแดงบางส่วนเข้ามาให้กำลังใจสมาชิกพรรคก้าวไกล รวมถึง สส.ที่กำลังจะเดินทางกลับมาหลังการโหวตเลือกนายกฯ
ส่วนประเด็นเรื่องที่กลุ่มของตนเอง ไม่ไปรอรับอดีตนายกฯทักษิณ ที่สนามบินดอนเมืองในวันนี้ ก็เป็นเพราะว่า อยากจะเก็บเวลาอันมีค่ามาหาเพื่อนๆที่มีอุดมการณ์มากกว่า ซึ่งการกลับมาของทักษิณในวันนี้ ส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ และไม่อยากจะเฉียดไปใกล้สนามบินดอนเมือง ทั้งๆที่บ้านก็อยู่แถวนั้น
ซึ่งการเปลี่ยนมาสวมเสื้อสีส้ม เป็นเพราะว่าอยากจะยืนอยู่เคียงข้างฝั่งที่มีความชัดเจน ที่พูดคำไหนคำนั้นอย่างมีจุดยืน ไม่ใช่เหมือนบางพรรคที่ผิดคำพูด ตอนหาเสียงพูดอีกอย่าง แต่พออยากได้เก้าอี้นายกฯ ก็เปลี่ยนคำพูด ซึ่งการหันไปจับมือกับพรรคของลุง เป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับอดีตคนเสื้อแดง ซึ่งวันนี้กลุ่มของตนเอง ยืนยันว่าไม่มีความยินดีกับนายกฯคนใหม่ ที่ชื่อเศรษฐา ทวีสิน คนที่เป็นนายกฯเพราะจับมือกับพวกเผด็จการ ซึ่งเชื่อว่า 4 ปีข้างหน้า ฝั่งที่ยืนเคียงข้างประชาชน จะได้ชัยชนะจากการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ นายนิยม นพรัตน์ หรือ “เค สามถุยส์” แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง FC พรรคเพื่อไทย ซึ่งเจ้าตัวเดินทางมารอต้อนรับอดีตนายกฯทักษิณ บริเวณด้านหน้าทางออกสนามบินดอนเมือง ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ โดย เค สามถุยส์ กล่าวว่า ตนเองรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากที่จะได้พบกับคุณทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีในดวงใจของตนเองและกลุ่มคนเสื้อแดง และเท่าที่ดูจากสายตาวันนี้พบว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางมารอต้อนรับคุณทักษิณกันค่อนข้างมาก แล้วรู้สึกว่าพี่น้องคนเสื้อแดงดูมีความสุข พี่จะได้เห็นคุณทักษิณเดินทางกลับบ้าน โดยพี่น้องคนเสื้อแดงรอคอยคุณทักษิณมากว่า 17 ปี
และตนเองยังมั่นใจว่าคุณทักษิณกลับแน่ ได้ดูได้เลย 9 โมงเช้าวันนี้ เพราะตนเองช่วง 7 โมงเช้าทราบมาว่า คุณทักษิณได้ขึ้นเครื่องบินออกเดินทางจากสิงคโปร์มาเเล้ว สายของตนเองรายงานมาอยู่
ส่วนกลุ่มคนที่เคยบอกว่า ยังไงคุณทักษิณก็ไม่กล้ากลับประเทศไทยอย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ตนเองไม่เคยสนใจอยู่แล้ว เพราะ “นายจตุพรเพ้อเจ้อ นายจตุพรเพ้อเจ้อตลอด นายจตุพรก็เพ้อเจ้อไปวันๆ”
“คุณทักษิณเปรียบเสมือนผู้นำทางจิตวิญญาณของคนเสื้อแดง พวกเรากลุ่มคนเสื้อแดงต่อสู้มาด้วยกัน และรอคุณทักษิณกลับมาประเทศ รอนานถึง 17 ปี ซึ่งคุณทักษิณโดนปล้นอำนาจไป หากวันนี้คุณทักษิณนั่งรถผ่าน ตนเองก็ขอเจอหน้าคุณทักษิณสักครั้งในชีวิต ดีใจที่คุณทักษิณจะได้กลับมาอยู่กับครอบครัว มีทั้งลูกทั้งหลาน 17 ปีที่คุณทักษิณต้องทรมานอยู่ต่างประเทศ วันนี้ถ้าท่านกลับมาประเทศไทยแล้ว ตนเองก็อยากมารอแสดงความยินดีด้วย” เค สามถุยส์ กล่าว
ทีมข่าวช่อง8 ได้พูดคุยกับวรวรรณ หรือป้าเป้า มวลชนคนเสื้อแดง ที่มารอเจอนายทักษิณอดีตนายกรัฐมนตรี ปาเป้าบอกว่ามารอเจอคุณทักษิณมา 17 ปีแล้ว แต่คงไม่ได้ถึงตัวเขาง่ายๆ จริงๆ อยากจะบอกคุณทักษิณว่าคุณทักษิณกลับมาเรื่องข้างใน เรารู้ว่าบางอย่างมีเรื่องที่ทำได้และทำไม่ได้ ตอนที่คุณทักษิณไม่อยู่คุณทักษิณรอด แต่พวกเราตาย โดนทุกอย่าง รอบนี้คุณทักษิณมาก็อยากให้ช่วยประชาชนบ้างให้มีอยู่มีกิน ทุกวันนี้ไม่มีอะไรเป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศไทยมีแต่ยิงกันแล้วอย่างนี้มันจะดีหรือไม่
ป้าเป้ารักทั้งก้าวไกลและเพื่อไทย แต่พอออกมาในรูปแบบนี้ก็เข้าใจว่า ผู้ใหญ่เขาคุยกันแล้วว่าใครจะบริหารประเทศ ซึ่งอำนาจก็มีหลายกลุ่มหลายพวก เราจะมาทะเลาะกันทำไม เอาให้คนในบ้านเมืองได้ทำมาหากินกันก่อน ให้ดีก่อน เดี๋ยว ถ้ามันไม่ดีก็ค่อยว่ากัน ถ้ามัวแต่ทะเลาะกันเดี๋ยวก็เข้าทางโจร
ถามว่าโจรที่ไหน ป้าเป้าบอกว่า โจรปล้นบ้านเมืองเรากิน พวกข้าวของขึ้นราคา ของแพงขึ้นเป็นเท่าตัว มันก็ขึ้นเอาๆ รัฐบาลไม่เห็นดูแลเลย เราลำบาก อยากจะฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ให้ดูแลเรื่องอาหารการกินเรื่องบ้านเมือง ป้าเป้าไม่อยากออกไปเคลื่อนไหว ทำให้บ้านเมืองไม่สงบ เวลา เจอคนด่าป่ะป๊าก็ยอมรับว่าด่าถูกกับการที่ป้าเป้าทำแบบนี้แต่คนพวกที่ด่าป้าเป้าเขาไม่รู้หรอกว่าพวกป้าเป้าเดือดร้อน
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมาพูดคุยกับ นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. และอดีต สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองก็เคยมีความเห็นไว้ว่า ให้ 8 พรรค 312 เสียงที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลชุดเก่า จับมือกันไว้ให้แน่นไปอีก 10 เดือน เพราะต้องการให้เปลี่ยนโครงสร้างประเทศไทย จากโครงสร้างเผด็จการ มาเป็นประชาธิปไตย แต่ก็รู้สึกผิดหวังที่พรรคเพื่อไทยได้ข้ามขั้วไปจัดตั้งรัฐบาลกับ 2 ลุงแล้ว
ที่นายเศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ว่าการข้ามขั้ว เป็นการกลืนเลือดนั้น ตัวเองมองว่าไม่ใช่การกลืนเลือด แต่เป็น “กลืนน้ำลาย”แล้วมาบอกให้ประชาชนลืมวาทะกรรมที่เคยพูดในตอนหาเสียง ซึ่งตัวเองมองว่า สิ่งที่เขาได้พูดตอนหาเสียงเลือกตั้งนั้น ไม่ใช่วาทกรรม แต่เป็นสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชน ว่าจะไม่ไปร่วมรัฐบาลกับพรรค 2 ลุง ในเมื่อนายเศรษฐา และพรรคเพื่อไทยข้ามขั้วไปจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ตัวเองก็หวังว่า พวกเขาจะรำลึกถึงกรณี “ลุงยิงนกในกรง” ในปี 2553 ด้วย ตัวเองจึงโพสต์เฟซบุ๊ก เพื่อให้พรรคเพื่อไทยหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา