รู้จักโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ภัยเงียบที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโลก

โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด คือ อาการที่เกิดจากการมีเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอต่อความต้องการของหัวใจ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างเฉียบพลัน หรือที่เราเรียกว่า อาการหัวใจวาย นั่นเอง

สาเหตุที่สำคัญ
*พันธุกรรม สำหรับบุคคลที่มีประวัติในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
*อายุ ที่เพิ่มมากขึ้นจากสถิติพบในเพศชายอายุ ตั้งแต่ 40 ปี และเพศหญิงตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป
*เพศ จากสถิติพบว่าเพศชายมีโอกาสและปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดมากกว่าเพศหญิง
*การสูบบุหรี่ สารนิโคตินในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัว ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดเล็กลง
*โรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน เป็นต้น
*การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
*ขาดการออกกำลังกาย ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เผาผลาญพลังงานน้อย และการสะสมของไขมัน

สัญญาณเตือนโรคหัวใจขาดเลือด
*เจ็บหน้าอก (Chest Pain) ทั้งแบบทันทีทันใดหรือเจ็บเป็นๆ หายๆอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ค่อยออก อึดอัด จุกเสียดบริเวณลิ้นปี่ เจ็บแน่นคล้ายของหนักมากดทับ หรือบีบรัด อาจร้าวไปบริเวณต่างๆ เช่น คอ หัวไหล่หรือแขนด้านซ้ายมักเป็นนานติดต่อกันมากกว่า 20 – 30 นาที นั่งพักแล้วอาการไม่ดีขึ้น
เหนื่อยขณะออกแรง(Dyspnea)
*เหนื่อย เพลีย นอนราบไม่ได้ (Congestive Heart Failure)
*หมดสติ หรือหัวใจหยุดเต้น (Unconscious or Cardiac Arrest)

วิธีการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
*การรักษาด้วยยาสลายลิ่มเลือด เพื่อละลายเลือดที่แข็งตัวและอุดตันอยู่ที่เส้นเลือดแดงหัวใจ
*การขยายหลอดเลือดหัวใจ (วิธีบอลลูน) เป็นวิธีที่นิยมมากและได้ผลการรักษาที่ดีกว่าการใช้ยาสลายลิ่มเลือด
*การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (วิธีบายพาส) เพื่อให้เลือดมีทางไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ส่วนมากแล้วการรักษาด้วยวิธีนี้ในกรณีที่คนไข้มีหลอดเลือดหัวใจตีบตันหลายเส้น

การป้องกันโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ผู้ที่มีอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นครั้งแรก จะรู้สึกเจ็บหน้าอกขณะออกกำลังกาย หรือเหนื่อยง่ายกว่าปกติโดยหาสาเหตุไม่ได้ ควรรีบพบแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อวินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง พร้อมทั้งได้รับการรักษาและป้องกันไม่ให้โรคลุกลามไปมากขึ้น กล้ามเนื้อหัวใจส่วนที่ยังดีอยู่จะได้ทำงานเป็นปกติต่อไปได้

การป้องกันไม่ให้เกิดโรค คือ วิธีที่ดีที่สุด โดยลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ดังนี้
*ไม่สูบบุหรี่
*ควบคุมความดันโลหิต และเบาหวานให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
*หลีกเลี่ยงอาหารหวาน และเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ
*ทานอาหารที่มีส่วนช่วยบำรุงหัวใจ เช่น ปลาทะเล ผักใบเขียว และผลไม้ อัลมอนด์ ถั่วชนิดต่างๆ ธัญพืชไม่ขัดสี อะโวคาโด น้ำมันมะกอก เป็นต้น
*ควบคุมน้ำหนัก ให้อยู่ในเกณฑ์ที่พอเหมาะ
*ออกกำลังกายแบบแอโรบิคอย่างสม่ำเสมอ
*ฝึกสมาธิ ทำให้จิตใจให้ผ่องใส
*หมั่นตรวจเช็กสุขภาพของตนเองเป็นประจำ ด้วยการตรวจสุขภาพประจำปี

 

ที่มา : โรงพยาบาลศิครินทร์