หนุ่มถูกบูลลี่ในร้านเหล้า หลังร้านปิดจึงขอเคลียร์ จากนั้นเคลียร์ไม่รู้เรื่องเกิดปากเสียงเคะคู่กรณีตายคาตีน
เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 21 ส.ค. 66 พ.ต.ต.นิยม เชื้อพะกา สว.(สอบสวน) สภ.ปลวกแดง ได้รับแจ้งเกิดทำร้ายร่างกาย จนทำให้เสียชีวิต หน้าเซเว่น หมู่บ้านสมาร์ทแลนด์ ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง จึงประสานหน่วยกู้ภัยปลวกแดง ให้ความช่วยเหลือ พร้อมตรวจสอบในพื้นที่
เมื่อถึงที่เกิดเหตุ มีไทยมุงอยู่ในจุดเกิดเหตุจึงกันพื้นที่พร้อมเข้าตรวจ พบชาย 1 ราย นอนหงายตาเหลือก ไม่มีชีพจร ทราบชื่อคือ นายสุพิทชา อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงทำการ ซีพีอาร์ ณ จุดเกิดเหตุ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ จึงนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลปลวกแดง
จึงขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณรอบจุดเกิดเหตุ พบชาย 2 คน ยืนมีปากเสียงกัน ก่อนจะเกิดการทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อย หลังจากนั้นนายสุพิทชา ได้ล้มลง ชายคู่กรณีวิ่งเข้ามาเตะบริเวณใบหน้าของนายสุพิทชา ทำให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที จึงประสานทางชุดสืบ สภ.ปลวกแดง แกะรอยจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเกตุ
ล่าสุดวันที่ 22 ส.ค. 66 เวลา 13.00 น. สืบทราบตัวผู้ก่อเหตุ คือนายชัชชัย อายุ 29 ปี เป็นพนักงงานโรงงานแห่งหนึ่งใน อ.ปลวกแดง จึงแกะรอยไปที่บ้านพักในเขต อ.ปลวกแดง พบนายชัชชาย กำลังพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน จึงแสดงตัวเข้าจับกุมและคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.ปลวกแดงทันที
ในวันนี้(23 สิงหาคม 2566) ทีมข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปยัง สภ.ปลวกแดง จึงได้ทราบข้อมูลว่า หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด จึงทราบตัวผู้ก่อเหตุคือ นายชัชชัย แย้มเลี้ยง อายุ 29 ปี จากนั้น พ.ต.อ.ชัยพงษ์ แสงพงษ์ชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปลวกแดง จ.ระยอง ได้สั่งการให้ ชุดสืบสวน นำโดย พ.ต.ต.นิยม เชื้อผะกา สารวัตรสืบสวน ไปควบคุมตัวนายชัชชัย มาดำเนินคดี ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
จากนั้นระหว่างนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมทีมข่าวจึงมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้ก่อเหตุคือนายชัชชัย โดยนายชัชชัย บอกกับทีมข่าวว่า
“ตนถูกผู้เสียชีวิตบูลลี่เรื่องหน้าตาและด่าอีกหลายอย่าง ตั้งแต่ในร้าน ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จากนั้นพอร้านปิดก็ได้เดินออกมานอกร้านก็พบกับผู้เสียชีวิตยืนอยู่ ก็ยังพูกด่าตนอีก ตนจึงเกิดความโมโห จึงได้ต่อยไป3ครั้ง จากนั้นผู้เสียชีวิตจึงล้มลง จึงเตะเข้าที่ใบหน้าไปอีก1ครั้ง และเห็นว่าผู้เสียชีวิตสลบไป จึงไม่ซ้ำต่อ และ มาขี่รถจักรยานยนต์กลับที่พัก ที่กลับที่พักเลยเพราะตอนแรกไม่คิดว่าจะถึงกับเสียชีวิต โดยมาทราบอีกทีตอนตำรวจเข้าจับกุม จึงทราบว่าเสียชีวิต ก็ตกใจมาก และอยากขอโทษญาติของผู้เสียชีวิตเพราะไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้”
ทีมข่าวได้หลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดมา โดย กล้องที่1 เป็น ภาพวงจรปิด มุมนี้จะเป็นมุมภายในร้านและเป็นช่วงที่ร้านยังไม่ปิดจะเห็นว่า โต๊ะของนายชัชชัย ผู้ก่อเหตุ และ นายสุพิทชา ผู้เสียชีวิต อยู่ไกลกันพอสมควร
ต่อมามุมนี้จะเป็นช่วงที่ร้านปิดแล้ว และจะเห็นว่า นายสุพิทชา ผู้เสียชีวิต เดินออกมาจากร้าน จากนั้น นายชัชชัย ได้เดินตามออกมา และไปมีเรื่องกันก่อนถึงลานจอดรถ ลักษณะนายชัชชัยจะเข้าไปดึงเพื่อถามอะไรแต่นายสุพิทชาได้ผลักอกนายชัชชัย
และต่อมาจะเป็นช่วงที่นายชัชชัยก่อเหตุ ทำร้าย นายสุพิทชา จะเห็นว่านายชัชชัยได้ต่อยนานสุพิทชาก่อนถึง3ครั้ง จนนายสุพิทชาล้มลง จากนั้นจึงเข้ามาเตะที่หน้า จนทำให้นายสุพิทชาเสียชีวิต ส่วนนายชัชชัย ไม่ทราบว่านายสุพิทชาเสียชีวิตก็ได้เดินไปเอารถเพื่อกลับไปยังที่พัก
กล้องมุมนี้จะเห็นนายชัชชัย ขับรถจักรยานยนต์ออกจากจุดเกิดเหตุไปกับเพื่อนที่ซ้อนมา และรถจักรยานยนต์อีกคัน โดยไม่กลับมาดูอาการของนายสุพิทชาเลย
ต่อมาช่วงค่ำของวันที่ 22 ส.ค. 2566 เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่เข้าสอบถามญาติของนายสุพิทชา ภูพิพัฒน์ ผู้เสียชีวิต ที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ “โย” พบมีการตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านหนองกุง หมู่ 9 ต.หัวงัว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
นางมัจสา วัย 55 ปี แม่ของนายสุพิทชา ภูพิพัฒน์ กล่าวว่า แม่ภูมิใจที่น้องโยถึงแม้จะเป็นหนุ่มน้อยที่มีใจเป็นหญิง แต่ก็ทำหน้าที่ลูกที่ดีเป็นเสาหลักของครอบครัวทำงานหาเงินส่งให้แม่มาโดยตลอด ตั้งแต่เรียนจบก็ตั้งใจไปทำงาน รู้สึกเสียใจมากที่ลูกชายคนเดียวถูกคนฆ่าเสียชีวิต ขนาดเราเป็นแม่แท้ๆ ยังไม่เคยตีลูกเลย เลี้ยงดูลูกมาก็เป็นคนนิสัยดี อ่อนโยน ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ไปทำงานต่างจังหวัดก็ส่งเงินมาให้แม่ใช้ตลอด เป็นเสาหลักของบ้าน จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ เพราะน้องโยเป็นลูกชายที่ครอบครัวหวังพึ่งพาอาศัย ส่วนคู่กรณีก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด