ที่จังหวัดยโสธ เกิดเหตุไฟไหม้อุโบสถไม้ตะเคียนทองวอดทั้งหลัง สูญกว่า 10 ล้านบาท
วันที่ 24 ส.ค. 2566 เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุไฟไหม้อุโบสถภายในวัดศรีแก้ว หรือวัดเหนือ บ้านศรีแก้ว ตำบลศรีแก้ว อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร ซึ่งเป็นอุโบสถไม้ตะเคียนทองทั้งหลัง มีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และเป็นอุโบสถที่พึ่งจะก่อสร้างเสร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตกแต่งบริเวณโดยรอบและลงสีเพิ่มเติมบางส่วนเพื่อเตรียมฉลองยกช่อฟ้าตัดลูกนิมิตในช่วงปีใหม่ 2567 นี้
โดยเปลวเพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นอุโบสถไม้ตะเคียนทองทั้งหลังจึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีทำให้เปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรงจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ท่ามกลางความมืดเพราะเป็นช่วงกลางดึก พระสงฆ์ภายในวัดก็พากันเข้าจำวัดกันหมดกว่าที่จะตื่นขึ้นมาและแจ้งให้รถดับเพลิงเข้าไปช่วยดับไฟก็ส่งผลให้เปลวไฟลุกไหม้อุโบสถจนได้รับความเสียหายทั้งหลังแล้วและต้องระดมรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลศรีแก้ว และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียง จำนวน 4 คัน เข้าไปช่วยกันฉีดน้ำดับไฟโดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้
พระครูศรีปุญญาภิรัตน์ เจ้าอาวาสวัดศรีแก้ว เล่าว่า อุโบสถหลังนี้เริ่มมีการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2557 เป็นอุโบสถไม้ตะเคียนทองเกือบทั้งหลัง ส่วนโครงหลังคาเป็นเหล็ก มูลค่าการก่อสร้างกว่า 10 ล้านบาท พึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จและขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการตกแต่งบริเวณโดยรอบและมีการลงสีเพิ่มเติมบางส่วน เพื่อเตรียมที่จะมีการฉลองในช่วงวันที่ 2-6 มกราคม 2567 นี้ โดยเมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมาขณะที่ตนกำลังจำวัดอยู่ได้ยินเสียงเหมือนกับเสียงเครื่องจักรกำลังทำงานจึงตื่นขึ้นและได้ยินเสียงพระลูกวัดตะโกนบอกว่าไฟไหม้อุโบสถจึงได้รีบออกไปดูก็พบว่าเปลวไฟได้ลุกโหมท่วมตัวอุโบสถทั้งหลังแล้วไม่สามารถที่จะทำอะไรได้จึงได้โทรศัพท์แจ้งให้รถดับเพลิงเข้าไปช่วยดับไฟแต่กว่าจะดับไฟได้ก็ทำให้อุโบสถถูกไฟไหม้จนได้รับความเสียหายทั้งหลัง
นอกจากนี้แล้วพระประธานองค์ใหญ่ภายในอุโบสถที่เป็นทองเหลืองก็ถูกเปลวไฟเผาไหม้จนละลายหายไปไม่เหลือให้เห็นเลย ส่วนสาเหตุนั้นยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าเกิดจากอะไรกันแน่ เพราะปกติในอุโบสถจะไม่ให้จุดธูปเทียนแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นอุโบสถไม้เกรงจะไม่ปลอดภัย จึงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่งต่อไป