จากคดีที่น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย เสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย ริมแม่น้ำแม่กลอง ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ต่อมา มีการจับกุมแอม ไซยาไนด์ นางสรารัตน์ อายุ 36 ปี เพื่อนผู้ตายที่มาด้วย แต่ไม่ยอมช่วยเหลือกลับเดินหนี พยานหลักฐานเชื่อมโยง จนแอมไซยาไนด์ ถูกดำเนินคดีข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เหตุเกิดวันเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2566
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ครอบครัวของน้องก้อย อยู่ไม่เป็นสุข เนื่องจากคิดว่าครอบครัวเจอเหตุอาถรรพ์หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้พี่ชายของน้องก้อย ก็เสียชีวิตจากการปลิดชีพตัวเอง ก่อนที่น้องก้อยจะถูกวางยาเสียชีวิต
โดยครอบครัวเชื่อว่าดวงวิญญาณของน้องก้อยยังไม่ไปสู่สุคติ จึงประสานหมอปลา มาช่วยเหลือ เนื่องจากที่ผ่านมา วิญญาณของน้องก้อยยังตามไปเข้าฝันญาติคนอื่นๆ
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ เวลาประมาณบ่าย 3 หมอปลามือปราบสัมภเวสี พร้อมครอบครัวของน้องก้อย ได้เดินทางมายังบริเวณท่าริมน้ำของศาลาประชาคม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นจุดที่นางสาวก้อยถูกแอมไซยาไนด์ วางยาและเสียชีวิต เพื่อทำพิธีกรรมเชิญดวงวิญญาณของน้องก้อยกลับบ้าน
โดยก่อนจะเริ่มพิธีหมอปลา ได้สอบถามเรื่องราวกับคุณส้ม พี่สาวของน้องก้อย บอกว่าเกิดอะไรขึ้น คุณส้มพี่สาวได้เล่าเรื่องราวให้หมอปลาฟังว่า ทางครอบครัวรู้สึกได้ว่าวิญญาณของน้องก้อยยังไม่ได้ไปสู่สุคติและดวงวิญญาณยังตามไปเข้าฝันญาติคนอื่นๆอยู่ตลอด ทั้งแฟนเก่า และน้องสาวอีกคนซึ่งตั้งท้องได้ 4 เดือน โดยครั้งล่าสุด น้องสาวอีกคนที่ตั้งท้องได้เราว่า ได้ฝันถึงน้องก้อย 4 คืนติด ในฝันน้องก้อยมาหาหน้าตาสะสวย ผิวขาว และวิ่งมากอดน้อง แต่ในฝันน้องรู้ว่า ก้อยตายไปแล้ว จึงวิ่งหนี แต่ก้อยได้วิ่งตามและบอกว่า “ไม่ต้องกลัว กูยังไม่ตาย กูมีคนช่วยไว้”
และเมื่อคืนนี้น้องคนเดิมก็ฝันอีกว่า ครอบครัวและแม่น้องก้อยได้มาที่ท่าน้ำจุดที่ก้อยตาย และนำพวงมาลัยพวงหนึ่งที่สวยมากมาเรียกวิญญาณก้อยกลับบ้าน และแม่ได้โยนพวงมาลัยลงแม่น้ำ ซึ่งตอนที่น้องสาวเล่าให้ฟัง ตนเองยังไม่ได้บอกน้องสาวด้วยซ้ำว่า ได้ซื้อพวงมาลัยมาพวงหนึ่ง เมื่อน้องเล่าจบ จึงได้ส่งรูปพวงมาลัยพวงนั้นให้กับน้องสาวดูว่า พวงมาลัยแบบนี้ใช่ไหม ซึ่งน้องสาวบอกทันทีว่า พวงมาลัยพวงนี้เลยที่น้องฝันเห็น ทำให้ครอบครัวไม่สบายใจและอยากเชิญวิญญาณก้อยกลับบ้านให้ได้ เพราะก้อยไปหาแต่คนไกลตัว แต่ตนเองและแม่ ซึ่งเป็นคนสนิทของก้อยที่สุด ก้อยกลับไม่เคยมาหา
รวมไปถึง ก่อนที่น้องก้อยจะเสียชีวิต เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 66 หรือ ไม่ถึง 2 เดือน พี่ชายของก้อยได้ผูกคอตายไปก่อนหน้า โดยตอนนั้น ก้อยเสียใจมาก และเคยพูดเป็นลางว่า “ทำไมมึงต้องตายด้วย มันควรเป็นกูที่ต้องตายแทนมากกว่า เพราะกูเจอปัญหามากกว่ามึงซะอีก” และตอนนั้นก้อย ได้ใช้มือทุบอกและเคาะโลง บอกกับพี่ชาย ขณะอยู่บนรถกู้ภัย พร้อมเอาหัวโขกกระจกรถกู้ภัยร้องไห้ที่เสียพี่ชายไปกะทันหัน จึงไม่รู้ว่า การตายของน้องก้อยและพี่ชาย ซึ่งตายติดๆกัน ในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือนนั้นเกิดจากสาเหตุใด หรือ ครอบครัวของตนเองกำลังเจออาถรรพ์อะไรหรือไม่
วันนี้จึงอยากให้หมอปลาเดินทางมาช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณของน้องสาว และช่วยหาสาเหตุว่า การเสียชีวิตของคนในครอบครัวทั้ง 2 ศพ เกิดจากอาถรรพ์จากอะไรตรงไหนหรือไม่
จากนั้นหมอปลาได้เดินสำรวจพื้นที่บริเวณจุดที่นางสาวก้อยเสียชีวิต ก่อนจะไปสังเกตว่า จุดที่นางสาวก้อยเสียชีวิตนั้น อยู่ใกล้กับศาลเจ้าแม่เบิกไพร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอำเภอบ้านโป่งมักเข้ามากราบไหว้ขอพร หมอปลาจึงเชื่อว่า เหตุการณ์ที่นางสาวก้อยมาเข้าฝันญาติและบอกว่า “มีคนช่วยกูไว้” น่าจะเป็นองค์เจ้าแม่เบิกไพร ที่รับดวงวิญญาณของนางสาวก้อยมาดูแล ขณะวิญญาณนางสาวก้อยได้หลุดออกจากร่าง ทำให้ถึงแม้ว่าครอบครัวจะเดินทางมาเชิญวิญญาณนางสาวก้อยที่จุดเกิดเหตุถึงสองครั้งแล้ว แต่ดวงวิญญาณไม่สามารถกลับไปได้ เนื่องจากยังคงอยู่ในความดูแลขององค์เจ้าแม่เบิกไพร
จากนั้นหมอปลาจึงแนะนำว่า ให้ครอบครัวเดินทางไปจุดธูปขอดวงวิญญาณของนางสาวก้อย จากศาลเจ้าแม่เบิกไพรก่อน โดยมีนางทองพิน อายุ 63 ปี แม่ของนางสาวก้อยจุดธูปขอขมาและขอดวงวิญญาณของลูกสาวคืน
จากนั้นเสร็จแล้วหมอปลาจึงได้ให้ครอบครัวนางสาวก้อยมาทำพิธีเชิญวิญญาณบริเวณจุดเกิดเหตุ
โดยในช่วงที่หมอปลา เดินลงท่าน้ำ เจ้าตัวมีอาการพะอืดพะอมจะอ้วก และบอกกับทีมข่าวว่า “ผมแย่ๆ รู้สึกไม่ดีเลย”และได้ทำพิธีสื่อสารกับดวงวิญญาณผ่านร่างของพี่สาวของนางสาวก้อย โดยระหว่างหมอปลาทำพิธี ได้บอกให้นางทองพินผู้เป็นแม่ เรียกชื่อของลูกสาว บอกให้กลับบ้านไปด้วยกัน โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า บรรดาครอบครัวต่างร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจและคิดถึงลูกสาว
จากนั้นหมอปลาได้ให้แม่ของนางสาวก้อยนำพวงมาลัยที่เตรียมมาโยนลงแม่น้ำ พร้อมกับปักธูป จำนวน 14 ดอก เพื่อเป็นการขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง ก่อนจะเดินทางพาดวงวิญญาณของนางสาวก้อยลูกสาวขึ้นรถกลับบ้าน
ต่อมาหมอปลา ได้เดินทางไปยังบ้านของนางสาวก้อย เมื่อไปถึงหมอปลาได้หยุดชะงัก เมื่อไปพบกับ รูปปั้นพญานาคสองตัวสีขาวดำวางคู่ ถูกบูชาอยู่หน้าบ้านของนางสาวก้อย
โดยหมอปลามองว่า เป็นสิ่งไม่ดีทำให้ชีวิตของก้อยพบเจอแต่ความมืดมน และการบูชาสิ่งของขาวดำ จะเรียกสิ่งอัปมงคลเข้ามาในบ้าน ซึ่งพญานาค 2 ตัวหน้าบ้านที่บูชานั้น ก็ดันตรงกับ 2 สมาชิกในครอบครัวที่เสียชีวิตแบบตายโหง และพญานาคอยู่ใกล้น้ำ ก็เหมือนนางสาวก้อยที่เสียชีวิตใกล้น้ำเช่นกัน
และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อหมอปลาเดินทางเข้าไปดูภายในบ้านและห้องนอนของนางสาวก้อยก็พบว่า บ้านของนางสาวก้อยและครอบครัวถูกทาสีดำเต็มบ้านไม่ว่าจะเป็นฝาผนัง ต้นเสา หรือ จะเป็นรูปภาพที่นางสาวก้อยชื่นชอบ เป็นรูป ซามูไรถือมีดดาบ ทั้งหมดล้วนแล้วสื่อถึงความมืดมนและสิ่งชั่วร้าย โดยหมอปลา ไม่ได้บอกว่า จะทุบพญานาค แต่อยากให้ลองย้ายไปที่อื่น หรือโยนทิ้งน้ำไป อาจจะทำให้ครอบครัวนางสาวก้อยเจอสิ่งดีๆเข้ามาบ้าง ซึ่งสิ่งพวกนี้อาจจะเป็นที่มาที่ทำให้นางสาวก้อยตายน้ำตื้นก็เป็นได้
นอกจากนี้ หมอปลายังไปดูบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านพี่ชายของน้องก้อยเสียชีวิต เชื่อว่ามีวิญญาณ เพราะว่าบ้านหลังนี้มี 4 ประตูทางเข้า เชื่อว่าเป็นประตูผี จะนำสิ่งที่ไม่ดีเข้าบ้าน