กล้องวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์วันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 09.45 น.ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี นาง นงนุช สวมเสื้อสีขาวกางเกงขาสั้นสีดำ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ ใช้มีดลักษณะเป็นมีดพร้าต่อด้ามด้วยไม้ไล่ฟัน นาย สมพงษ์ซึ่งถือมีดลักษณะกำลังป้องกันตัวพร้อมกับเดินถอยหลัง ก่อนจะโดนนางนงนุชฟันเข้าที่มือขวาจนกระดูกหัก ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์เพื่อทำการรักษา คาดสาเหตุมาจากนายสมพงษ์ ไปตัดต้นไม้ที่ปลูกอยู่ใกล้ๆบ้านนางนงนุชจึงทำให้เกิดความโมโห หลังก่อเหตุนางนงนุชเดินทางเข้ามอบตัวพร้อมของกลาง มีดพร้า 1 เล่ม
ล่าสุดวันนี้ ทีมข่าวได้ไปเจอกับนางนงนุช โดยเจ้าตัวอธิบายเหตุการณ์ล่าสุดตามภาพวงจรปิดที่ไปไล่ฟันนายสมพงษ์ว่า ก่อนเกิดเหตุป้านั่งอยู่ในกระต๊อบของพี่สาวนายสมพงษ์ กระทั่งจู่ๆก็ออกมาเห็นนายสมพงษ์ ยืนตัดต้นไม้อยู่ ป้าก็เดินไปถามดีๆนะว่า พงษ์ตัดต้นไม้ของฉันทำไม คราวที่แล้วตัดไป 3 ต้นยังไม่พอใจอีกหรอ แต่ นายสมพงษ์ หันมาตอบตนเองว่า "ที่ของกูอ่ะ ถ้าไม่ให้กูตัดต้นไม้ กูจะเอามีดฟันหน้ามึง" ก็เลยโมโห วิ่งไปเอามีดพร้ามาป้องกันตัว เพราะนายสมพงษ์เขามีอาวุธมีดอยู่ในมือ จากนั้นต่างคนก็ต่างฟันกัน ซึ่งป้าก็ไม่รู้ว่าฟันถูกเขาตรงไหนบ้าง และที่ป้าฟันไปอย่างไม่ยั้ง อีกอย่างก็เป็นเพราะว่าป้าเก็บความแค้นไว้ในใจมาตั้งแต่ปี 63 แล้ว ชาวบ้านแถวนี้เขาเข้าใจป้า ไม่เชื่อนักข่าวไปถามได้เลย
นายสมพงษ์ อายุ 62 ปี ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า วันเกิดเหตุตนตัดต้นไม้อยู่หลังบ้าน และก็เห็นว่านางนงนุชมายืนดูอยู่บริเวณด้านหลัง และถามตนว่า มึงตัดต้นไม้ทำไม ตนก็ตอบไปว่าตนจะตัดเพราะเป็นที่ของพี่สาว หลังจากนั้นนางนงนุชก็ปรี่เข้ามาฟัน ตอนนั้นเคราะห์ดีที่ถือมีดในมือเพราะกำลังดายหญ้า จึงเอามีดมาป้องกันตัว และรีบวิ่งหนี แต่นางนงนุชก็วิ่งไล่ฟันตาม ฟันเป็น 10 ครั้ง แต่มีดก็ยังฟันเข้าที่มือข้างขวาของตน ส่งผลให้ต้องเย็บแผล 10 กว่าเข็ม
ซึ่งสาเหตุที่ขึ้น เนื่องจากนางนงนุชซึ่งเป็นพี่สะใภ้ของตน ไม่พอใจที่ตนไม่ให้พักอาศัยภายในบ้าน ซึ่งพฤติกรรมพี่สะใภ้ เป็นคนโรคจิต ขนาดสามีของเขา ซึ่งเป็นพี่ชายของตนเองยังกลัว เพราะพี่สะใภ้ชอบด่าทุกคนในบ้าน ส่วนสาเหตุที่พี่สะใภ้ไม่ให้ตนตัดต้นไม้ เป็นเพราะอยากจะได้ที่ดินของพี่สาว
โดยก่อนหน้านี้พี่สะใภ้ก็เคยทำร้ายตนเองและเคยคุกคามปีนเข้าบ้านเอาค้อนมาทุบกระจกมาแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งครั้งนั้นก็เคยเป็นข่าว แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด เพราะหากพี่สะใภ้ไม่พอใจใครก็จะประชดใส่ โดยการปาระเบิดปิงปองในบ้าน ซึ่งพฤติกรรมของเขาคล้ายกับคนโรคจิต เนื่องจากเคยขู่ฆ่าตนเอง กับแม่และคนในบ้านมาแล้วหลายครั้ง
ต่อมาป้านงนุช ก็จับแขนนักข่าวให้ลุกขึ้นพร้อมกับบอกว่า ตามป้ามา มันต้องเห็นของจริงลูก ไปคุยกันตรงจุดเกิดเหตุดีกว่า ป้าจะอธิบายให้เราฟังทุกเรื่อง ซึ่งเมื่อเดินไปถึงที่เกิดเหตุ ป้านงนุช ก็อธิบายโดยเดินไปชี้ที่ต้นไม้ดังกล่าวให้ดูว่า เนี่ยดูนะมันตัดต้นไม้ป้า ดูนะไอ้หนุ่ม บ้านมันอยู่ในรั้วแต่มันออกมาตัดต้นไม้ข้างนอก
จากนั้นพออธิบายตรงต้นไม้เสร็จ ป้านงนุชก็พาไปตรงกระต๊อบ ไปอธิบายให้ฟังอีกว่าเสียบมีดไว้ตรงกระต๊อบ
ซึ่งทีมข่าวก็ถามย้อนกลับไปว่า พฤติกรรมตอนนั้นที่ป้าเคยปีนบ้านและไปทุบบ้านนายสมพงษ์ เวลาไม่พอใจชอบปาระเบิด จริงหรือไม่ ซึ่งป้านงนุช ชี้แจงว่า ที่ต้องปีนเข้าไปทุบบ้านนายสมพงษ์ เป็นเพราะว่าโมโหที่เขาติดกล้องวงจรปิดแอบดูป้าเวลาแก้ผ้าอาบน้ำ ส่วนเรื่องปาระเบิด ไม่เป็นความจริง ที่ป้าปาไปในวันนั้นคือประทัด ส่วนประเด็นที่แม่ผัวฟ้องนักข่าวว่าป้าห้ามผัวไม่ให้ไปหาแม่ของเขา ไม่เป็นความจริง ไม่เคยถีบแม่ผัว ไม่เคยขู่ฆ่าใคร แต่ยอมรับว่าเคยด่าแม่ผัวจริง เพราะที่ผ่านมา แม่ผัวเคยด่าป้าว่าป้าเป็นดอกไม้สีทองก่อน เป็นใครก็อดทนไม่ได้ รู้ไหมตั้งแต่เกิดป้ามีผัวคนเดียว
ด้านนางฉวี อายุ 90 ปี เป็นแม่ของนายสมพงษ์และเป็นแม่ผัวของนางนงนุช บอกว่า ตนเองมีลูกทั้งหมด 4 คน นายสุเทพ ผัวของนางนงนุช เป็นลูกชายคนโต ส่วนนายสมพงษ์ ผู้บาดเจ็บเป็นลูกชายคนที่ 3
ซึ่งที่ดินของตนทั้งหมดได้แบ่งเป็นสัดส่วนและมอบให้ลูกทั้ง 4 คนเป็นมรดกแล้ว แต่ลูกสะใภ้ก็ยังมีพฤติกรรมชอบมาระรานและด่าตนเป็นประจำ เนื่องจากไม่พอใจเรื่องที่ดินอยากได้เพิ่ม ซึ่งลูกสะใภ้จะย้ำเสมอว่าที่ดินของลูกสาวตนเป็นของเขา เขาอยากได้ พอตนไม่ให้ก็มีปัญหา ยิ่งไปกว่านั้น ลูกสะใภ้คนนี้ เวลาอยากทิ้งขยะตรงไหนก็ทิ้ง ไม่เคยสนใจคนอื่น ที่สำคัญ ยังเคยเข้ามาตบหน้าลูกสาวคนที่ 2 ถึงในบ้านก็มี ซึ่งเหตุการณ์นั้น เท่าที่จำได้ แม่ยังเคยถูกลูกสะใภ้คนนี้ถีบ ในระหว่างเข้าไปช่วยเหลือลูกสาวที่ถูกลูกสะใภ้ตบ ซึ่งถีบเสร็จมันก็ไม่ขอโทษ
ส่วนลูกชายตนเองที่เป็นสามีของลูกสะใภ้ ที่ผ่านมาเขาเชื่อลูกสะใภ้มากกว่าแม่ ลูกสะใภ้พูดอะไรก็เชื่อหมด ซึ่งลูกชายไม่ได้มาหาตนเองเป็นปีแล้ว ซึ่งนางลูกสะใภ้คนนี้ มันเคยสั่งแม่ว่า "ต่อจากนี้ไปมึงไม่ต้องไปรับลูกชายมึงหรอก ไม่ต้องมาหาลูกชาย กูไม่ให้ลูกชายมาหามึง “ โดยลูกสะใภ้หยาบคายขึ้นกูขึ้นมึงกับตนทุกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะทำอย่างไรต่อ คงต้องอยู่อย่างระแวง จะออกจากบ้านก็ไม่กล้าออก