จากเหตุการณ์ ชายขับรถเบนซ์เฉี่ยวชนวินจักรยานยนต์ บริเวณทองหล่อ ก่อนจะมีปากเสียงกับกลุ่มวินรถจักรยานยนต์ ทำให้ชายกล้ามโตลงมาพูดคุยแต่เจรจากันไม่ได้
จากนั้นชายคนดังกล่าวทำท่าคล้ายหยิบอาวุธปืน ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ทำให้กลุ่มวินและพลเมืองช่วยกันล้อมรถยนต์เอาไว้ ก่อนที่ชายดังกล่าวมีการกล่าวอ้างด้วยว่าพ่อของตัวเองเป็นตำรวจ
กระทั่งชายคนดังกล่าวขึ้นรถยนต์พร้อมกับคนที่มาด้วย และรีบขับรถยนต์ไปจอดข้างทาง ก่อนจะลงมาคุยกับกลุ่มวินจยย.อีกครั้ง และมีปากเสียงกันรุนแรง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาระงับเหตุ พร้อมกับคุมตัวคนขับรถเบนซ์และคนในรถไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ตำรวจเข้ามาตรวจสอบเหตุการณ์พบว่าภายในรถมีผู้โดยสาร 6 คน พบมีอาวุธปืน และยาเสพติด ไอซ์จำนวนหนึ่ง และเค อยู่ภายในรถ ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีที่สน.ทองหล่อ
จากการตรวจสอบประวัติของชายคนขับ คือนายชาวิญญ์ พบว่า เมื่อปี2553 มีคดีบุกรุก ในพื้นที่สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต , และเมื่อปี 2555 มีคดีทำร้ายร่างกาย ในท้องที่สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี , อีกคดีเมื่อปี 2556 ในท้องที่สน.สุทธิสาร กรุงเทพฯ ในคดีทำให้เสียทรัพย์และข่มขู่ผู้อื่น
ทีมข่าว ไปพูดคุยกับ นายศราวุธ หรือเบียร์ วินรถจักรยานยนต์ที่เป็นคู่กรณีกับรถเก๋งหรู เล่านาทีเกิดเหตุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 08.30 น.ขณะที่ตนเองอยู่ระหว่างการวิ่งรถรับส่งผู้โดยสารตามปกติบนถนนทองหล่อ เมื่อมาถึงบริเวณทองหล่อ ซอย 10 ได้พบกับรถคู่กรณีที่อยู่ช่องทางด้านซ้าย แต่มีการหักมาหาตนเองที่วิ่งหลบรถอยู่ทางช่อง ทางด้านขวาตนเองจึงบีบแต่เตือนไปด้วยความตกใจ และได้ขับรถจักรยานยนต์ไปเทียบด้วยความโมโห หวังว่าคนขับรถเบนซ์จะขอโทษแต่กลับมีท่าทีหาเรื่อง จึงให้กล้วยกับคนขับรถเบนซ์ คู่กรณีเกิดความไม่พอใจจึงมีการจอดรถขวางกลางถนนตนเองจึงหลบไปจอดฝั่งตรงข้ามแต่คู่กรณีวิ่งตรงมาพร้อมกับมือดำอยู่ในกระเป๋ากางเกงและใช้มือซ้ายต่อยเข้าที่ใบหน้าตนเองหนึ่งครั้ง จนเกิดการชุลมุนเพราะวินรถจักรยานยนต์คนอื่นที่ขับผ่านไปผ่านมาเริ่มมารวมตัวกันก่อนที่เรื่องจะเริ่มชุลมุนหนักขึ้นและคู่กรณีมีการชักอาวุธปืนขึ้นมายิงใส่กลุ่มตนเองและวินรถจักรยานยนต์เพื่อหวังว่าจะหนีขึ้นรถออกจากจุดเกิดเหตุ
แต่กลุ่มรถจักรยานยนต์พวกตนเอง ได้ช่วยกันปิดล้อมเอาไว้จนในเวลาต่อมาตำรวจของ สน.ทองหล่อได้เดินทางมาถึง และเข้าคุมตัวคู่กรณี
ทั้งนี้ นายศราวุธ ยอมรับว่า ตนเองรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังคงมีอาการหวาดกลัวว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย เพราะตนเองต้องวิ่งรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ และไม่รู้ว่าคู่กรณีจะกลับมาทำอันตรายอะไรหรือไม่ เพราะขณะที่มีการชุลมุนคู่กรณียังมีการอ้างว่าเกี่ยวกับตำรวจ
พันตำรวจเอกพันษา อมราพิทักษ์ ผู้กำกับการสน.ทองหล่อ ให้ข้อมูลว่า จากการตรวจสอบรถเบนซ์พบว่า เป็นรถที่ถูกสวมทะเบียนปลอม แต่เจ้าของรถอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และยังทำการผ่อนไม่หมด แต่ตัวผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นรถของลูกค้า ที่เอามาแต่งที่นายชาวิญญ์ อ้างว่าชอบแต่งรถ เลยเอารถมาลอง แต่ตัวนายชาวิญญ์ปฏิเสธว่า ไม่มีอู่ซ่อมรถแต่ทำธุรกิจเสื้อ ทำให้ตำรวจยังต้องสอบสวนผู้ต้องหารายนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากยังคงให้การวกวน ส่วนประเด็นการเก่าอ้างว่ารู้จักกับนายตำรวจใหญ่ จากการสอบสวนพบเป็นเพียงคำกล่าวอ้างเท่านั้น