กรณีเมื่อวันที่ 23สิงหาคม66เวลา 16.00น.ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดเหตุรถกระบะพุ่งชนคนเสียชีวิตที่บ้านหลังหนึ่ง บ.ตลุกคูณ ต.ซับใหญ่ อ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ มีผู้เสียชีวิต 2 คน คือ นางสมภา อายุ 57ปี เจ้าของบ้าน และใกล้กันพบร่างนางจุฑาภรณ์ อายุ47ปี เพื่อนบ้าน
ส่วนคนขับกระบะ คือ นางภัชราพร อายุ 23 ปี ลูกสะใภ้นางสมภา
ส่วนปมเหตุ ทราบว่า นางภัชราพร ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นภรรยานายสมศักดิ์ ได้เดินเข้ามาหานายสมศักดิ์ พร้อมกับเอ่ยปากชวนให้นายสมศักดิ์สามี พาเดินทางกลับบ้านพัก ที่จังหวัดมหาสารคาม แต่เนื่องจากนายสมศักดิ์พึ่งเดินทางมาเยี่ยมนางสมภา ผู้เป็นแม่ที่ป่วยอยู่ที่บ้านพักได้ไม่นาน จึงปฏิเสธ ทำให้นางภัชราพร ไม่พอใจจนเกิดปากเสียงกันขึ้น
โดยระหว่างที่นายสมศักดิ์ กำลังจะเดินมาหานางสมภา ผู้เป็นแม่ที่ป่วย และ นั่งคุยอยู่กับนางจุฑาภรณ์เพื่อนบ้าน นางภัชราพร ได้เดินไปสตาร์ทรถกระบะ ที่จอดอยู่หน้าบ้านพัก
ก่อนจะขับพุ่งเข้าชนนายสมศักดิ์สามี ที่กำลังยืนคุยอยู่กับนางสมภา ส่วนนายสมศักดิ์เห็นดังนั้นได้กระโดดหลบ ทำให้รถพุ่งชนนางสมภา และนางจุฑาภรณ์เสียชีวิต
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังงานศพของนางจุฬาภรณ์ และนางสมภา บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
โดยครอบครัวได้จัดงานศพทั้ง 2 งานอยู่ตรงข้ามกัน เพราะมีบ้านอยู่ตรงข้ามกัน
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายสมศักดิ์ สามีของผู้ก่อเหตุ และเป็นลูกชายของนางสมภา ผู้เสียชีวิต
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สั้นๆว่า ตัวเองรู้สึกเสียมจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนเกิดเหตุยอมรับว่ามีปากเสียงกับภรรยาจริง ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตัวเองก็ยังไม่ได้ไปเยี่ยมภรรยาที่โรงพักเลยสักครั้ง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองก็ให้อภัยภรรยา และขออโหสิกรรมให้เขา เพราะเรื่องก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ส่วนรายละเอียดอื่นๆตัวเองไม่ขอให้ข่าว เพราะกลัวกระทบกับรูปคดี
ด้านนายสุเทพ อายุ 52 ปี น้องชายนางสมภาผู้เสียชีวิต ได้พาทีมข่าวไปดูจุดเกิดเหตุ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ญาติทุกคนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีใครคาดคิด ว่าทั้งสองคนจะจากไปเร็วแบบนี้ โดยส่วนตัวก็รู้สึกทำใจไม่ได้ และไม่ให้อภัยหลานสะใภ้ที่ก่อเหตุ ยอมรับว่าหลานชาย และหลานสะใภ้ทะเลาะกันค่อนข้างบ่อย
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวอรพิมพ์ อายุ 33 ปี ลูกของนางจุฬาภรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนเกิดเหตุ ตัวเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ มาทราบข่าวตอนที่แม่โดนชนจนเสียชีวิตไปแล้ว ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะแม่เป็นเสาหลักของบ้าน และมาจากไปไวทั้งที่ไม่ทันตั้งตัว และไม่ได้เจ็บไข้อีกด้วย
โดยวันเกิดเหตุนั้น แม่ไปนั่งเป็นเพื่อนนางสมภา ผู้เสียชีวิตอีกราย เพราะนางสมภา เขาไม่สบาย ซึ่งปกติแม่จะไปนั่งเป็นเพื่อนนางสมภา แบบนี้อยู่แล้ว
ส่วนผู้ก่อเหตุ ตั้งแต่เกิดเหตุ ตัวเองก็ไม่ได้เจอหน้าเขาเลย และยังไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ส่วนตัวก็อยากให้เขาถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แล้วตัวเองก็ไม่ขอให้อภัยผู้ก่อเหตุกับสิ่งที่เกิดขึ้น และก็อยากให้ฝั่งผู้ก่อเหตุ มาเยียวยาครอบครัวตัวเองบ้าง
ในส่วนของคดีนางภัชราพร ผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่อายัดตัวไว้เป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายและพยายามฆ่าผู้อื่น ก่อนจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดชัยภูมิต่อไป