จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริ์น part6 โพสต์รูปภาพและระบุข้อความว่า “เสียเป็นแสนแขนไม่ได้จับ...ถถถ ฝากแชร์เรื่องนี้ด้วยครับพี่สวัสดีครับ ผมต้องการร้องเรียนเรื่องที่ผมโดนฉ้อโกงโดยคนชื่อแอม เป็นจำนวนเงิน 375,000 บาทครับ วันที่ 12 สิงหาคม 2566 คุยกันในแอปหาคู่ ได้เจอกับผู้หญิงคนนึง #แอม ซึ่งแอมได้บอกว่า “ต้องการหาคนที่พร้อมและจริงใจ ต้องสะดวกเจอก่อนถึงจะค่อยเริ่มคุยกัน ถ้าเจอแล้วโอเคก็ค่อยพัฒนากันไปต่อ” ผมนัดเจอในวันรุ่งขึ้นที่ห้างแห่งหนึ่งงามวงศ์วาน วันที่ 13 สิงหาคม 2566 ก็คุยกันเรื่องทั่วๆไป เช่น เรียนจบที่ไหนมา ทำงานอะไรอยู่ แอมยังได้ถาม “เงินเดือนผม” ด้วย ซึ่งผมก็บอกไปตามปกติเพราะไม่อยากโกหก ระหว่างบทสนทนาต่างๆ แอมถามตลอดว่าวันนี้ที่ผมและแอมเจอกันมัน “โอเคมั้ย”ซึ่งผมก็บอกตลอดว่า “ก็โอเคนะครับ” วันรุ่งขึ้นผมและแอมเลยนัดเจอกันอีกวันที่ 14 สิงหาคม 2566 เวลา 12:30 ชั้น 5 ห้างฯเดิมอีก ผมและแอมได้ไปกินร้านชาบู ซึ่งแอมเป็นคนออกอาหารมื้อนั้นหลังจากนั้นประมาณ 14:00 ผมและแอมก็ไปกินไอศกรีม กันต่อผมยังจำได้ที่แอม บอกประมาณว่า “ถ้าเรื่องงานทุ่มสุดตัวเรื่องความรักทุ่มสุดใจ”สักพักแอมก็ทำท่าทางเครียดๆแอมเล่าว่า “ซื้อกองทุนแห่งหนึ่ง ไป 2,000,000 บาท และได้กำไรมา 190% เป็นเงิน 3,800,000 บาท”แอม สามารถรับได้แค่ 100% คือ 2,000,000 บาทเพราะฉะนั้นอีก 1,800,000 บาท แอมต้องให้คนอื่นที่ไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขมาเป็นคนรับผลประโยชน์แทนแอมบอกว่า เพื่อนที่กำลังกลับจากจันทบุรี น่าจะมาไม่ทันแน่ๆส่วนเพื่อนอีกคนก็ไม่น่าไว้ใจ เพราะเคยให้ยืมเงิน และไม่คืนแอมเลยจะให้ผมเป็นคนรับแทนผลประโยชน์แทน แอมบอกว่าจะแบ่งกัน 50-50 (คนละ 9 แสนบาท จากทั้งหมด 1,800,000 บาท)แต่ให้ผมจ่ายค่าภาษีให้สรรพากรก่อน รับเงิน 1,800,000 บาท เป็นเงิน 540,000 บาท ผมตอบตกลง ด้วยความ“โลภ” ผมและแอมจึงมุ่งหน้าไปที่ธนาคาร ซึ่งอยู่ชั้นเดียวกันคือชั้น 5ประมาณ ผมได้ทำการกดเงินสดจากตู้ ATM ทั้งหมด 12 ครั้ง รวมเป็นเงิน 250,000 บาทก่อนนำไปให้แอม รับเงินไปจากมือผม และ นั่งนับเงินที่ธนาคารแอมบอกว่ามันไม่พอ เลยให้ผมไปกดเงินเพิ่มอีก 40,000 บาท ในระหว่างที่ผมไปกดเงินนั้น แอมได้เดินหายไป ผมโทรหาแอม ซึ่งแอมบอกว่า ไปจ่ายค่าธรรมเนียมอะไรสักอย่าง
ต่อมาแอมก็ยื่นตัวสำเนาใบรับฝากเงิน/โอนเงิน มาให้ผมดูพร้อมหมายเลขเช็ค ว่าได้โอนเข้าบัญชีออมสินผมแล้ว 1,800,000 บาทสรุปสั้นๆว่าในวันที่ 14 สิงหาคม 2566 ผมกดเงินทั้งหมด เป็นจำนวน 375,000 บาท
ระหว่างที่ยืมเงินเพื่อน เพื่อนเตือนสติ จึงเอะใจ จากนั้นได้โทรเช็กกับธนาคารหลายแห่งใบเสร็จที่แอมจ่ายภาษีจำนวน 540,000 บาท ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2566 เวลา 16:18:53เป็น“ของปลอม” เพราะเลขอ้างอิงไม่มีในระบบ เวลาประมาณ 14:00 ผมก็ไปดำเนินแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรีพร้อมหลักฐานแชตและรูปสลิป
ขณะเดียวกัน ภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพของทั้งคู่ไว้ได้ ขณะเข้ามารับประทานอาหารในร้านภายในห้าง จับภาพนายนนทกิตติ์ ผู้เสียหาย เดินไปนั่งโต๊ะ กับหญิงผู้ถูกกล่าวหา
นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง8 ได้คลิปเสียงระหว่างผู้เสียหาย และหญิงที่ถูกกล่าวหา ที่ผู้เสียหายบันทึกเอาไว้ คลิปเสียงความยาว 19 นาที เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2566 โดยจะเริ่มได้ยินเสียง ผู้หญิงคนดังกล่าว พยายามร้องไห้ สะอื้น เพื่อออดอ้อนให้นายนนทกิตติ์ ผู้เสียหาย โอนเงินส่วนที่เหลือประมาณ 150,000 บาทให้กับเธอ
ทีมข่าวช่อง 8 ได้มาพูดคุยกับนายนนทกิตติ์ อายุ 30 ปี อาชีพโปรแกรมเมอร์บริษัทแห่งหนึ่ง ให้สัมภาษณ์ว่า สูญเงินไป 375,000 เหตุการณ์ครั้งนี้ เรื่องมาแตกก็เพราะว่า ตัวเองไปยืมเงินเพื่อนมาให้ผู้หญิงคนดังกล่าว กระทั่งเพื่อนเตือนสติว่าถูกหลอก จึงมีการไปตรวจสอบบัญชีต่างๆ จนกระทั่งรู้ความจริงว่าถูกหลอก ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมด ยอมรับว่าเป็นเพราะความโง่ของตัวเอง ที่หลงในความรัก ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตัวเองก็ได้ไปแจ้งความ ที่โรงพักแล้ว
ถามว่าตอนนี้ ตัวเองยังรักผู้หญิงคนดังกล่าวไหม ก็บอกได้เลยว่า ไม่รักแล้ว ซึ่งตอนที่เจอหน้าเขาวินาทีแรกเขาก็หน้าตากลางๆ ไม่ได้ถึงขั้นสวยมาก แต่ที่มาเลือกคุยกับเขา เพราะตัวเองผิดหวังเรื่องความรักมาหลายครั้ง คิดว่าครั้งนี้จะออกมาดี แต่ก็ไม่ใช่
หลังจากเกิดเหตุ ฝ่ายหญิงก็ไม่รับสายตัวเองแต่อย่างใด ถ้าหากผู้หญิงคนดังกล่าวฟังอยู่ ตัวเองก็อยากให้เขาเอาเงินมาคืนตัวเอง และคืนผู้เสียหายคนอื่นๆด้วย เพราะจากการตรวจสอบประวัติของตำรวจ พบว่าเขาไปหลอกคนมาหลายรายแล้ว หากเขาเอาเงินมาคืนตัวเองก็จะให้อภัย แล้วก็อย่าไปหลอกใครอีกนะ
หลังจากนี้ ตัวเองคงดูผู้หญิงให้ดีขึ้น และละเอียดขึ้น จะไม่ตัดสินใจคุยกับใครง่ายๆแล้ว และอยากฝากเตือนกรณีของตัวเอง เป็นอุทาหรณ์ด้วย
หลังให้สัมภาษณ์ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปหาผู้หญิงคนดังกล่าว เพื่อจะให้ผู้เสียหายได้พูดคุยกับผู้ถูกกล่าวหาโดยตรง แต่ปรากฏว่าผู้หญิงคนดังกล่าวไม่รับสายแต่อย่างใด