ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 26 ส.ค.) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ใช้เวลาในวันหยุดวันเสาร์ เดินทางไปร่วมรับประทานอาหารกลางวัน กับหลานๆ เพื่อน ที่ร้านชาบู ที่ศูนย์การค้ากลางใจเมือง
โดยพลเอกประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส ผ่อนคลาย พูดคุยทักทายกับลูกหลาน เพื่อนๆ และแต่งกายสไตล์ลุงป้อม รองเท้าผ้าใบสีขาว ผู้ที่พบเล่าว่าพลเอกประวิตร ดูยิ้มแย้ม มีความสุข สีหน้าไม่มีความกังวลใดๆ
ก่อนหน้านี้สื่อเฝ้าจับตา ว่า พลเอกประวิตร เงียบหายไปไหน ตั้งแต่ สส.ของพรรคพลังประชารัฐ ระว่าจะโหวตสนับสนุนให้แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย รวมถึงวันโหวตนายกฯ
ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายแพทย์พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล คณะทำงานด้านนโยบายการท่องเที่ยว พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่พบปะพูดคุยผู้ประกอบการท่องเที่ยวของจังหวัดพังงา ถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดพังงา รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness) ในพื้นที่ฝั่งอันดามัน ที่โรงแรม ทุย บลู เขาหลัก รีสอร์ท
โดยตัวแทนผู้ประกอบการ ได้สะท้อนปัญหา และความต้องการในการฟื้นการท่องเที่ยวที่จังหวัดพังงา ทั้งการขอให้ช่วยแก้ไขเรื่องการลดค่าใช้จ่ายให้นักท่องเที่ยว เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวยุโรปแพงขึ้น 30-40% พิจารณาเพิ่มเที่ยวบินลองฮอล พิจารณาสร้างสนามบินที่จังหวัดพังงา รวมถึงปรับปรุงสนามบินเก่าของจังหวัดพังงาที่ทิ้งร้างไว้ เพื่อรองรับเครื่องบินขนาดเล็ง เพื่อช่วยเพิ่มการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในอีก5 ปีข้างหน้า ปรับปรุงการคมนาคม ทั้งทางบก เรือ อากาศ ส่งเสริมการประกอบการธุรกิจโรงแรม และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ส่งเสริมให้เป็นเมืองสมาร์ทซิตี้ ซึ่งบางโครงการได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว ผ่าน อปท. ส่งเสริมท่องเที่ยวชุมชน ที่ขณะนี้ 3,000 ชุมชน แต่ยังไม่มีหลักฐานจดทะเบียนชุมชนท่องเที่ยว ทำให้ได้รับสิทธิ์ไม่ทั่วถึง ซึ่งการท่องเที่ยวชุมชน ถือเป็นหัวใจหลักที่จะทำให้ชาวบ้านมีรายได้จากการขายสินค้าในชุมชน
อย่างไรก็ตาม หากสามารถสร้างสนามบินแห่งใหม่ที่จังหวัดพังงาได้ เชื่อจะสร้างตัวเลขเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้ อีกทั้ง อัตราส่วนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่จังหวัดพังงาโดยรวมเป็นไปด้วยดีรองจากกรุงเทพมหานครได้
จากนั้นนายเศรษฐา กล่าวว่าจากที่ตนได้ฟังมาก็มีข้อเสนอแนะที่ดีๆ แต่แปลกใจที่ไม่มีนายกรัฐมนตรีมาจังหวัดพังงาหลายสิบปีก็ว่าได้ และก็ทราบดีว่าในส่วนนี้ไม่ว่าจะเป็นพังงา กระบี่ ภูเก็ตหรือระนอง ก็เป็นแหล่งรายได้ที่มีอนาคตสามารถทำรายได้ให้กับประเทศชาติมากมาย แม้พรรคเพื่อไทยเองเราไม่มีสส.ใน 3 ปีจังหวัดนี้ มานานมากแล้ว หรืออาจจะไม่เคยมีอะไรก็ว่าได้ แต่ก็ต้องขอบคุณคนในพื้นที่ และสส.ในพื้นที่จากพรรคร่วมที่มาร่วมงานในวันนี้ด้วย
แม้เราไม่มีสส.แต่เราก็ยึดโยงกับประชาชน ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวตนของนักการเมืองที่ควรจะไปปฏิบัติอยู่แล้ว ภูเก็ต พังงา จังหวัดแรกที่ตนได้เดินทางมาหลังรับสนองพระบรมราชโองการฯ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่เราดูในองค์รวมเชิงพัฒนาประเทศเป็นหลักไม่ได้ดูในเรื่องการเมือง
ส่วนโผครม.เศรษฐา1 เมื่อดูเฉพาะของโควต้าของพรรคภูมิใจไทยที่มี สส.71เสียง ซึ่งได้รับกระทรวงสำคัญ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ควบรมว.มหาดไทย , พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ นั่งรมว.ศึกษาธิการ , นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ นั่งรมว.แรงงาน , นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมว.อุดมศึกษาฯ , นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย , นายสุรศักดิ์ พันธุ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ , นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมช.พาณิชย์
ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ กระทรวงใหญ่สุดคือกระทรวงพลังงาน โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นั่ง รองนายกฯ รมว.พลังงาน , ม.ล.ชโยทิต กฤดากร รมว.อุตสาหกรรม , นายสุพล จุลใส รมช.มหาดไทย , นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ควบ รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นั่งรมว.เกษตรฯ
และเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 66 มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) ร่วมกับดีโหวต (D-vote) เปิดเผยผลการวัดคะแนนนิยมหลังจากการเลือกตั้งเพื่อประเมินความพึงพอใจและการตอบสนองความคาดหวังของประชาชนจากแต่ละพรรคการเมืองภายหลังได้รับเสียงเลือกจากประชาชนไปแล้ว ในประเด็นที่ว่า “หากมีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งในวันนี้ คุณจะเลือกพรรคใด”
พรรคก้าวไกล คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 62.39
พรรคภูมิใจไทย คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.50
พรรครวมไทยสร้างชาติ คะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 0.84
พรรคพลังประชารัฐ คะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 6.02
พรรคประชาธิปัตย์ คะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 9.96
พรรคเพื่อไทย คะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 62.24
ซึ่งการที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมีอัตราการเปลี่ยนแปลงของคะแนนนิยมเฉลี่ยมากที่สุดนั้น เกิดจากการที่ได้มีโอกาสสลับกันเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และเป็นที่สนใจของประชาชนจำนวนมาก โดยคะแนนนิยมที่ลดลงของพรรคเพื่อไทยร้อยละ 51.32 ได้ไหลไปหาพรรคก้าวไกล ในขณะที่ร้อยละ 10.92 ได้ไหลไปหาพรรคอื่นๆ
ทั้งนี้ โพลคะแนนนิยมเฉลี่ยหากมีการเลือกตั้งใหม่วันนี้ จะเลือกพรรคใด โดย พบว่า ก้าวไกล 49.05% เพื่อไทย 10.65% น้อยกว่าภูมิใจไทยที่ 14.69% พลังประชารัฐ 7.52% รวมไทยสร้างชาติ 7.14% และประชาธิปัตย์ 4.50%
ขณะเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมือง ถึงกรณีผลโพลของ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น มหาวิทยาลัยศรีปทุม ร่วมกับดีโหวต คะแนนนิยมหลังตั้งรัฐบาล-นายกฯ ซึ่งพบว่า คะแนนของพรรคก้าวไกล 62% จะเลือกพรรคก้าวไกลหากมีการเลือกตั้งใหม่ และคะแนนของพรรคเพื่อไทยก็ไหลมาอยู่พรรคก้าวไกล ว่า สำหรับตนเองความรู้สึกก็ยังรู้สึกคงเส้นคงวา เกี่ยวกับการอ่านโพล ทั้งก่อนเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้ง และสิ่งที่จะสะท้อนได้ คงจะต้องอ้างอิงสื่อมวลชน ที่แสดงให้เห็นว่า ประชาชนทุกรุ่นทุกวัย สนใจการเมืองเป็นพิเศษ ทั้งนี้จึงต้องใช้ผลโพลเป็นกำลังที่จะเดินหน้าทำงานทางการเมืองต่อไป และปรับปรุงในสิ่งที่ยังทำได้ไม่ดีพอ
เมื่อถามถึงโผครม. ที่ค่อนข้างชัดเจนว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย มองอย่างไร นายพิธา ระบุว่า สำหรับกระทรวงมหาดไทย ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี สิ่งที่สำคัญคือการกระจายอำนาจ เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกล ผลักดันมาโดยตลอด และหวังว่า ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ก็หวังว่าจะเน้นทำงานในเรื่องนี้ เพราะมีรายละเอียดเยอะ โดยเฉพาะการกระจายงบประมาณ กระจายบุคลากร และกระจายภารกิจ และโอกาสในการเก็บภาษี เพื่อให้การบริหารแผ่นดิน เป็นไปด้วยความฉับไว เพราะก่อนหน้านี้มีบทเรียนมาหลายช่วง ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม และโควิด จึงคิดว่าเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยและคนที่จะมารับตำแหน่งนี้
ส่วนกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาล เป็นเจ้ากระทรวง จะกระจายอำนาจได้จริงหรือไม่นั้น นายพิธา มองว่า คงต้องให้เวลารัฐบาลในการทำงานก่อน เพราะตอนนี้ยังเป็นแค่โผครม. ไม่ทราบว่าใครเป็นรัฐมนตรีกันแน่ และไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ประเทศไทยหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากให้มีการกระจุกตัวของอำนาจ อยู่ในแค่เมืองแค่ไม่กี่เมือง ก็จะทำให้ประเทศไทยไปต่อไม่ได้
เมื่อถามว่าอยากให้พรรคเพื่อไทย ตั้งโรดแมปในการทำงานให้กับประชาชนอย่างไรบ้าง เพราะตอนพรรคก้าวไกลก็ได้จัดทำโรดแมพประกาศกับประชาชนอย่างชัดเจน นายพิธา ระบุว่า ในช่วงวิกฤติ ไม่ว่าพรรคอะไรก็คงต้องมีโร้ดแมพ เป็นของตัวเอง ที่จะประกาศกับประชาชน อย่างชัดเจน เพื่อให้เห็นว่าประชาชน จะมีส่วนร่วม และมีความคาดหวังได้อย่างไรบ้าง
ซึ่งของพรรคก้าวไกล ในช่วงสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการผลักดันกฎหมายสำคัญ เข้าสู่สภา ซึ่งเป็นสิ่งที่สัญญากับประชาชนไว้ เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายสุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม จะมีการผลักดันต่อไป ถ้าครม.บรรจุไม่ทัน 60 วัน ก็ต้องเริ่มต้นกันใหม่ ทางฝั่งพรรคก้าวไกล จะมีโรดแมปบอกพี่น้องประชาชน ที่เลือกพรรคก้าวไกล หรือไม่ได้เลือก ว่าการทำงานในส่วนของนิติบัญญัติจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ ใน 3 เดือนแรก มองว่า พรรคเพื่อไทย ควรแก้ไขปัญหาเรื่องไหนเป็นอันดับแรกนั้น นายพิธา ระบุว่า ต้องทำตามที่ให้สัญญากับประชาชนเอาไว้ มีหลายอย่างที่รอรัฐบาลใหม่อยู่ เช่นวิกฤติที่ดิน ที่สะสมมานาน เรื่องหนี้สิน เรื่องการเพิ่มมูลค่าการเกษตร คล้ายกับกระดุม 5 เม็ดที่เคยอภิปรายไป โดยเฉพาะเรื่องสิทธิ์การทำกิน และการดูแลสถานะเกษตรกร
ช่วงหนึ่งระหว่างที่นายพิธา ลงพื้นที่ อ.เขาชะเมา จังหวัดระยอง เพื่อช่วยนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัคร สส.ระยองเขต 3 หาเสียง ในการเลือกตั้งซ่อมที่จะมาถึงวันที่ 10กันยายนนี้
ระหว่างพักเที่ยง ทีมพรรคก้าวไกล และนายพิธา ได้แวะร้านข้างทางเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งผู้สื่อข่าว กำลังนั่งรับประทานอาหารร่วมกับนายพิธา ก็มีการมานั่งพูดคุย ถึงประเด็นต่างๆ อย่างเป็นกันเอง
โดยช่วงหนึ่ง ผู้สื่อข่าวได้ขอสอบถามถึงเรื่องความรัก นายพิธาตอบว่าได้เลยถามได้ ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า ความรักเป็นอย่างไรบ้าง นายพิธา บอกว่า โสดครับ โสดสนิทครับ ตอนนี้ทำแต่งานแล้วก็ดูแลน้องพิพิม ลูกสาวเป็นหลัก ไม่ได้มีคุยกับใครเป็นพิเศษ พร้อมบอกว่า ตอนนี้ตัวเองยังว่าง ยังไม่ปิดหัวใจ แต่ยังไม่มีโอกาส โดยเชื่อว่า ความรักสวยงามเสมอ