จากกรณี เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 25 สิงหาคม ร.ต.อ.สนธยา ปัฐวี รองสว.(สอบสวน)สภ.แม่ใจ จ.พะเยา รับแจ้งมีเหตุยิงกันเสียชีวิตที่บ้านพักหลังหนึ่ง านปางปูเลาะ หมู่ 13 ต.ศรีถ้อย อ.แม่ใจ จ.พะเยา หลังรับแจ้งพร้อมด้วยพ.ต.อ. อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.พ.ต.ท.วีระ มั่งมูล รองผกก.สส. ร.ต.อ.บัณฑิต หาญสุข รองสว.สส.แพทย์นิติเวช รพ.แม่ใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และชุดกู้ภัยทต.ศรีถ้อย ชุดกู้ภัยร่มโพธิ์แม่ใจ
ที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านชั้นเดียว พบร่างของ นายคุณานนท์ อายุ 53 เจ้าของบ้านนอนหงายเสียชีวิตตรงประตูเข้าบ้าน จากการชันสูตรพลิกศพ พบว่า ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าที่บริเวณลำคอ จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต
โดยมือปืน คือนายกิตติภพ อายุ 25 ปี ลูกชาย ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงพ่อ1นัดได้หลบซ่อนในบ้าน
จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายซึ่งเป็นบิดาของมือปืนได้ต่อว่ามือปืน เกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดจนทำให้ มือปืนซึ่งเป็นลูกชายโมโห วิ่งไปคว้าอาวุธยาวมายิงพอจนชีวิตดังกล่าว
จากการสอบปากคำ นายกิตติภพ ผู้ต้องหา มีสีหน้าเรียบเฉย ตำรวจถามอะไรบอกอะไร ก็ตอบว่าครับ โดยให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุ 1 วันในวันที่ 24 สิงหาคม เจ้าตัวได้ไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนที่สวนลิ้นจี่ทั้งคืน กระทั่งได้กลับมาปิดประตูล็อกห้องนอนพักผ่อนที่บ้านในช่วงเช้าของวันที่ 25 สิงหาคม จากนั้นในขณะที่กำลังหลับสนิท ในเวลาประมาณ 7 โมงเช้า ภรรยาของนายกิตติภพ ได้ไปเคาะห้องนอน แต่นายกิตติภพ ไม่ตื่นมาเปิดประตูให้ ภรรยาของนายกิตติภพ
จึงเดินไปฟ้องพ่อและแม่ของนายกิตติภพ ที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าบ้าน ทำให้พ่อต้องเดินไปตะโกนเรียกและมีการต่อว่านายกิตติภพ จนทำให้มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ในลักษณะที่พ่อ ท้าทายให้ลูกออกมาจากห้อง จากนั้นเมื่อนายกิตติภพ เปิดประตูออกมา แล้วเห็นว่าพ่อถือไม้ไผ่อยู่ในมือ ก็เลยหันไปหยิบปืนลูกซองยาวที่วางไว้ข้างห้องขึ้นมาจ่อใส่พ่อ ประมาณว่าอย่าเข้ามานะ แต่คนเป็นพ่อคิดว่าลูกไม่กล้ายิง ก็เลยเดินปรี่เข้าไปหาเพื่อจะแย่งปืนจากลูก
กระทั่งเมื่อพ่อเดินเข้ามาใกล้ นายกิตติภพ จึงลั่นไกยิงเข้าไปที่คอของพ่อ จำนวน 1 นัด จากนั้นเมื่อพ่อล้มลงก็ได้วางปืนเอาไว้แล้วก็เดินไปหยิบขวดเหล้าขึ้นมาดื่มย้อมใจ พอดื่มหมดขวดก็กลับเข้าไปนอนต่อในห้องกระทั่งตำรวจมารวบตัวเอาไว้ได้ในขณะที่นายกิตติภพ กำลังนอนอยู่และยังมีอาการมึนเมา ซึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีคนที่เห็นเหตุการณ์เพียง 2 คนก็คือภรรยาและแม่ของนายกิตติภพ
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ บนดอยปางปูเลาะ หมู่ที่ 13 ในตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ซึ่งจุดเกิดเหตุดังกล่าวจะอยู่ห่างจาก สภ.แม่ใจ 22 กิโลเมตร โดยบรรยากาศในจุดเกิดเหตุ เมื่อทีมข่าวไปถึง ก็พบว่าชาวบ้านและครอบครัวของผู้ตายซึ่งเป็นชนเผ่าเย้า ได้มีการมาร่วมพิธีทางศาสนาเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับศพของนายคุณานนท์ ผู้ตายกันเป็นจำนวนมาก ส่วนศพของนายคุณานนท์ ทางญาติได้นำศพไปตั้งเอาไว้ในบ้านซึ่งเป็นจุดที่นายคุณานนท์ นอนเสียชีวิตในวันเกิดเหตุ
โดยวันนี้ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางทองสุข อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตายและเป็นแม่ของผู้ก่อเหตุ ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งทำงานอยู่และคุยกับสามีอยู่ที่หน้าบ้าน ซึ่งที่ลูกชายอ้างว่า ลูกสะใภ้เดินมาฟ้องกับพ่อและแม่ ไม่เป็นความจริง แต่ที่จริงแล้ว พ่อเห็นว่าลูกสะใภ้ที่กำลังตั้งท้องอยู่ใช้มีดงัดห้อง และเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับลูกในท้อง จึงเดินเข้าไปช่วยเรียกให้ลูกชายเปิดประตู แต่เมื่อพ่อไปเคาะประตูเรียลูกชายก็ไม่ยอมเปิดประตูให้ กระทั่งพอพ่อหันหลังเดินกลับไปที่หน้าบ้านก็มีการตะโกนด่าลูกชายไปว่า พ่อเลี้ยงลูกมาตั้งแต่เล็กไม่เคยตีลูกสักครั้ง ถ้าหากพ่อตี พ่อจะตีให้ตาย ทำให้ลูกชายเกิดความโมโห เปิดประตูมาคุยกับพ่อ ซึ่งตอนที่เขาออกมา ประเชิญหน้ากัน แม่จับใจความไม่ได้ว่าเขาคุยอะไรกันบ้าง ซึ่งไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด โดยวินาทีนั้นยอมรับว่าตกใจมาก พอเห็นสามีล้มลงก็พยายามเข้าไปประคองร่างแต่ก็ไม่ทันเพราะลูกชายยิงสามีเข้าที่ลำคอเลือดไหลออกมาไม่หยุด
ส่วนปมเหตุก่อนหน้านี้ ยอมรับว่าพ่อก็เคยบ่นดุลูกเรื่องสอนให้เลิกเล่นยาและเคยขู่ว่าจะเอาตำรวจมาจับหาดไม่เลิกเสพยาอยู่หลายครั้ง แต่ลูกชายก็ไม่เคยฟัง กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ยืนยันหลังเกิดเหตุลูกชายไม่ได้หนีไปไหน นอนรอมอบตัวกับตำรวจอยู่ในบ้านแบบไม่รู้สึกสลดหรือรู้สึกผิดที่ฆ่าพ่อ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนตัวอโหสิกรรมให้ลูก เพราะยังไงสายเลือดก็ตัดกันไม่ขาด มีโอกาสจะไปเยี่ยมแต่ไม่ประกันตัว
ส่วนนางสาวรสริน อายุ 27 ปี ภรรยาของนายกิตติภพ(ผู้ก่อเหตุ) ซึ่งตั้งท้องอยู่ 5 เดือน วันนี้อยู่ในอาการโศกเศร้า ได้พูดกับทีมข่าวทั้งน้ำตาว่า ตอนสามีกลับมาบ้าน ยอมรับว่าเขาเมากลับมา จากนั้นก็ล็อกประตูนอนอยู่คนเดียวในห้อง ซึ่งตอนที่ตนเองไปเคาะประตูเรียก จริงๆแล้วไม่ได้อยากจะไปรบกวนเวลานอนของสามี แต่ตั้งใจจะขอให้สามีเปิดประตูให้ เพราะจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เนื่องจากจะเดินทางไปร่วมพัฒนาฝายน้ำร่วมกับชาวบ้าน แต่พอไม่เรียกสามีก็ไม่ยอมเปิดประตูห้องให้ จึงเดินไปเอามีดมางัด ยืนยันไม่ได้เดินไปฟ้องกับพ่อผัวให้มาช่วยเปิดประตู แต่พ่อผัวได้ยินเสียงตนเองงัดประตูอยู่จึงเดินมาช่วย ยอมรับว่าพ่อผัวท้าให้สามีออกมาจากห้องจริง ซึ่งตอนนั้นในมือพ่อถือไม้ไผ่อยู่แต่ไม่เห็นตอนจังหวะที่พ่อยกไม้ขึ้นมาตีสามี แต่เห็นจังหวะที่สามีลั่นไกใส่พ่อผัวต่อหน้าต่อตา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวรู้สึกเสียใจมาก เนื่องจากเมื่อเช้านี้ตั้งใจจะอุ้มลูกในท้อง 5 เดือนไปลาสามีที่โรงพัก แต่ก็ไปไม่ทันเพราะตำรวจนำตัวไปฝากขังก่อน
ถามว่าก่อนหน้านี้สามีเคยระบายเรื่องพ่อผัวให้ฟังบ้างหรือไม่ ยอมรับว่าสามีเคยบ่นให้ฟังว่าถูกพ่อดุและบ่นเรื่องเสพยา ซึ่งการที่สามีติดยาเสพติด ยืนยันว่าที่ผ่านมาสามีไม่เคยมาเสพยาให้เห็น ไม่รู้ว่าเริ่มติดยาตั้งแต่เมื่อไหร่ เนื่องจากหากเขาจะเสพหรือกินเหล้า เขาจะเข้าไปมั่วสุมกับเพื่อนที่นอกบ้านหรือในป่า ส่วนเรื่องครอบครัวหลังจากนี้ ยืนยันว่าจะดูแลลูกในท้องกับลูกวัย 5 ขวบทั้งสองคนให้ดีที่สุด และจะอยู่รอสามีอยู่ที่บ้านหลังนี้จนกว่าสามีจะพ้นโทษออกมา
ส่วนเรื่องคดี ทางตำรวจได้แจ้งข้อหากับนายกิตติภพ ฆ่าบุพการีโดยเจตนา , ยิงปืนในทางหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และเรื่องเสพยาเสพติด (ไม่รับเรื่องครอบครองอาวุธปืน)