เปิดภาพวงจรปิดก่อนเกิดเหตุฆ่ายกครัว ผู้ก่อเหตุขับรถกระบะเข้าบ้านพร้อมลูกๆ ยังโบกมือให้ รปภ. ขณะที่เพื่อนบ้านต่างเสียใจ ยืนยันเป็นคนดีมีน้ำใจตลอด
วันที่ 28 ส.ค. 2566 จากเหตุการณ์สลดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อชายคนหนึ่งก่อเหตุฆ่าลูกและเมียรวม 3 ศพคาบ้านพัก แล้วพยายามปาดคอตนเองจนอาการสาหัส แต่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันเมื่อช่วงตี 1 ที่ผ่านมา
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดทางเข้าออกของหมู่บ้านที่เกิดเหตุ พบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้ขับรถกระบะสีขาว มีหลังคาด้านหลัง เข้าออกหมู่บ้านหลายครั้ง และเวลา 17.48 น วันเดียวกัน ได้ขับรถกระบะสีขาวคันเดิมเข้ามาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้บริเวณหลังรถกระบะมีลูกชายทั้ง 2 คนนั่งมาด้วย ซึ่งตอนที่นั่งผ่านป้อมยาม ก็ยังมีการโบกมือทักทายกับ รปภ. ก่อนจะขับเข้าบ้านพัก กระทั่งมาเกิดเหตุในช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา
นายกฤษดา เปิดเผยด้วยเสียงสั่นคลอว่า ส่วนตัวเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกัน รู้จักกันมานานแล้ว และเอ็นดูเด็กๆ มาก สามีภรรยาคู่นี้เป็นคนดี ไม่มีทีท่าว่าจะทำรุนแรงเลย เป็นทางออกที่ดูแล้วอาจไม่สมเหตุสมผล แต่อาจจะด้วยความกดดันหลายๆ ด้าน เขามีปัญหาแต่เขาไม่เคยพูดคุยถึงปัญหาส่วนตัวให้ฟัง ปัญหาเท่าที่ดู เขามีหมายศาลมาที่บ้านบ่อย มาจากต้นเหตุเรื่องรถ ที่เถ้าแก่คนเก่าของเขาให้เขาไปค้ำประกัน แล้วเถ้าแก่ก็หนีไป ตัวเขาก็ต้องมารับผิดชอบแทน คาดว่าวงเงินประมาณ 4 แสนกว่าบาท บ้านก็จะถูกยึดขายทอดตลาด ส่วนรถยังจอดอยู่หน้าบ้าน ด้านภรรยาของผู้ก่อเหตุก็ยังทำงานปกติ วันเกิดเหตุตนก็ได้ยินเสียง แต่เหมือนเขาเปิดเสียงทีวีกลบ เพราะได้ยินเสียงทีวีดังมาก แล้วตนไปเรียกเท่าไหร่ก็ไม่เปิดประตู ตนจึงโทรแจ้งความ ตอนแรกยังนึกว่ากินยาฆ่าตัวตาย แต่ตนก็ไม่คาดว่าเขาจะเลือกใช้วิธีการนี้ เราเองก็สลดใจและเสียใจมาก เมื่อวานเห็นรถสีบรอนซ์มาจอด มีผู้ชายกับผู้หญิงรวมประมาณ 5 คน คาดว่าเป็นเจ้าหนี้มาที่บ้านแต่ตนก็ไม่แน่ใจ เห็นเขาลงมาคุยที่หน้าบ้านอยู่พักใหญ่ และตอนที่ผู้ก่อเหตุจะขับรถออกไปก็ยังโบกมือทักทายกันตามปกติ เขาอาจจะโดนกดดันจากเจ้าหน้าหนี้ด้วย และเพิ่งมาทราบประเด็นทีหลังว่าภรรยายังมาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ซึ่งภรรยาก็คงอยากเอาเงินส่วนนี้มาช่วยแบ่งเบาหนี้สามี
ด้านนายนราเศรษฐ์ อายุ 64 ปี เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ตอนนั้นประมาณเที่ยงคืน ตนเองหลับอยู่ หัวหน้าเขาโทรมาบอกให้ช่วยไปดู เพราะผู้ชายที่ก่อเหตุ เขาโทรไปบอกหัวหน้าว่า เขาฆ่าลูกเมียหมดแล้ว หัวหน้าเขาโทรมาให้เราไปช่วยเตือนสติผู้ชาย แล้วเราก็เลยรีบวิ่งลงมาจากบ้านและชวนเพื่อนข้างบ้าน ช่วยกันตะโกนเรียกก็เห็นว่าบ้านล็อก เสียงเงียบหมด เลยโทรหาตำรวจจะได้เปิดได้ เราก็ช่วยกันงัด ซึ่งเมื่อเข้าไปพบภรรยาและลูกคนเล็กนอนนิ่งไปแล้ว บาดแผลที่เห็นลูกคนเล็กมีบาดแผลจากมีดที่คอ ส่วนภรรยานอนตะแคงไม่เห็น จึงขออนุญาตเปิดเข้าไป และรีบขึ้นไปข้างบนเพราะยังมีเด็กอีกคน ไปเปิดห้องผู้ชายก่อเหตุ เขาก็อยู่ในสภาพนอนหงายอยู่แต่ยังมีชีวิตอยู่ และไปเปิดห้องน้ำไม่มี จึงไปเปิดอีกห้องนึง เจอลูกชายเขาอีกคนนอนหงายเสียชีวิตแล้ว ปกติผู้ก่อเหตุเขาไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวหรือระบายอะไรให้ฟัง แต่เคยพูดอยู่ครั้งนึงว่า เขาเคยไปค้ำประกันรถและจะโดนยึดบ้าน และมีหมายศาลมา เขาเป็นคนดีมาก ดีจริงๆ อย่างผมเคยกวาดถนนเขาเองยังเคยมาช่วยกวาดถ้าเขาอยู่ (พูดเสียงสั่น)ไม่คิดว่าเป็นแบบนี้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นแบบนี้ได้ ก่อนที่จะเกิดเรื่อง เคยมีข้างบ้านเล่าให้ฟังว่า มีคนมาเยอะแยะเลย คาดมาทวงหนี้ ตอนหลังภรรยาเขาก็อยากจะช่วยสามี เลยไปกู้เงินในแอปฯ เงินกู้แล้วโดนหลอก เขายังไปแจ้งความโดนหลอกไปหลายบาท มันอาจจะเป็นชนวนด้วย ทั้งจะโดนยึดบ้านและยังโดนหลอกอีก แล้วมารู้อีกว่าเขาไปกู้จากในโรงงานมาอีกเพื่อจะมาช่วย แต่ก็มาโดนแอปฯ เงินกู้หลอก
พ.ต.อ. รังสรรค์ คำสุข รักษาราชการแทน ผกก.สภ.บางแก้ว ระบุว่า จากการตรวจสอบครอบครัวนี้ พบว่าก่อนหน้านี้คือช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางภรรยาของผู้ก่อเหตุได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ว่าถูกแอปเงินกู้นอกระบบในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน โดยเริ่มจากติดต่อขอกู้เงินหนึ่งแสนบาท แต่ถูกให้โอนยอดไปยังบัญชีปลายทาง เพื่อเป็นค่าดำเนินการ ค่าเปิดระบบอะไรต่างๆ จนกระทั่งมีการโอนเงินไปกว่าล้านบาท ซึ่งหลังจากที่พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความ ก็มีการสั่งอายัดบัญชีดังกล่าวและอยู่ในระหว่างดำเนินการติดตามตัวบัญชีปลายทางเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งหลังจากนี้จะได้เร่งรัดฝ่ายสืบสวนไปสืบสวนติดตามขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว
ขณะที่ พันตำรวจเอกโชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ และรวบรวมพยานหลักฐาน เชื่อว่าผู้ก่อเหตุลงมือเพราะมีความเครียดเรื่องหนี้สิน ส่วนกรณีที่ถูกแอปพลิเคชั่นเงินกู้หลอกโอนเงินไปกว่า 1.7 ล้านบาทนั้น ตำรวจชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการติดตามข้อมูลเร่งไล่ล่า ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.) พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะลงพื้นที่มาติดตามความคืบหน้าคดีนี้ด้วยตนเอง
ส่วนอาการล่าสุดของผู้ก่อเหตุ มีรายงานว่า ขณะนี้แพทย์สามารถช่วยชีวิตจนพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังคงต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลเนื่องจากบาดแผลที่ลำคอค่อนข้างลึก