พ.ต.ต.ไพรัตน์ เดษตรศรี พนักงานสอบสวน สภ.อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุชิงทรัพย์ และ ฆ่าเจ้าของบ้านเสียชีวิต ที่ หมู่ 5 ต.อู่ทอง จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.ปราโมทย์ โพธิ์พันธุ์ ผกก.สภ.อู่ทอง กำลังชุดสืบสวน แพทย์เวร รพ.อู่ทอง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี สมาคมกู้ภัยจักรนารายณ์
ที่เกิดเหตุ เป็นบ้านปูนชั้นเดียว เปิดเป็นร้านขายของชำ ภายในบ้านบริเวณชั้นวางของมีร่องรอยถูกรื้อค้นของหล่นกระจายเกลื่อนพื้น ที่หน้าทางเข้าห้อง พบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อนายสมชัย อายุ 74 ปี หรือ ลุงชัย นอนคว่ำหน้าจมกองเลือด มีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งที่หัว มีรอยแผลที่หน้าอกและท้องรวม 8 แผล เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 12 ชม.
ใกล้ร่างผู้เสียชีวิตพบร่างหญิงสูงวัยซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงและเป็นภรรยาผู้เสียชีวิตขยับร่างกายไม่ได้นอนอยู่บนที่นอนไฟฟ้า อยู่ข้างศพสามีที่เสียชีวิตจมกองเลือดเป็นที่น่าเวทนาแสลดใจเป็นอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ให้หน่วยกู้ภัยจักรนารายณ์ จึงรีบให้การช่วยเหลือนำออกมาด้านนอกเพื่อให้ลูกสาวนำส่งโรงพยาบาล ให้แพทย์ตรวจร่างกาย
ที่เกิดเหตุภายในห้องนอนพบท่อนไม้เปื้อนเลือด ขนาดยาวประมาณ 60 ซม. ตกอยู่ ส่วนที่หลังบ้าน พบบานเกร็ดหน้าต่างถูกงัดออก 2 แผ่น และประตูถูกเปิดออก กล้องวงจรปิดด้านหลังบ้าน 3 ตัวถูกคนร้ายชักปลั๊กออกพร้อมใช้ไม้ดันกล้องให้แหงนขึ้นด้านบน พร้อมกับเอาเราเตอร์อินเทอร์เน็ตไปด้วย ตรวจสอบทรัพย์สินที่หายไปเบื้องต้นมีรถโตโยต้า วีโก้ แคป ทะเบียน 7163 สุพรรณบุรี รถ จยย. เวฟ 110 สี ขาว-ดำ และ รถ จยย. ยามาฮ่า อีก 1 คัน รวมถึงพระเครื่อง กระเป๋าเงิน ซึ่งเพิ่งได้มา 10000 บาท จากลูกสาว รวมถึงของในร้านชำ ก็โดนขโมยไปจนหมดตู้แช่
จากนั้นทีมข่าวได้พบกับ น.ส.พัทธ์ธีรา อายุ43 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของลุงชัย โดย น.ส.พัทธ์ธีรา ได้เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า
“ในช่วงเมื่อวานได้โทรหาพ่อแต่ ติดต่อไม่ได้ลักษณะเหมือนปิดเครื่อง ซึ่งปกติพ่อจะมาเอาข้าวและกับข้าวมี่บ้านของตนทุกวัน แต่ในช่วงเมื่อวานก็ไม่ได้ไป และโทรหาก็ติดต่อไม่ได้จึงผิดสังเกตู เพราะปกติพ่อจะคิดโซเชียลมาก และจะเล่นโทรศัพท์อยู่ตลอด ในช่วงเช้าวันนี้จึงเดินทางมาหาพ่อที่บ้าน แต่เมื่อมาถึงก็พบว่ารถของพ่อไม่ตอดอยู่มี่บ้านทั้ง รถยนต์ และ จักรยานยนต์ จึงได้เปิดประตูเข้าไปดูภายในบ้าน พบว่าพ่อนอนเสียชีวิตตมกองเลือดอยู่ กลางบ้าน ใกล้เคียงกับจุดที่แม่เลี้ยงของตนนอนอยู่ จึงรีบเข้าไปดูแม่เลี้ยงก็พบว่าไม่ได้ถูกคนร้ายทำร้าย แต่ของภายในบ้านนั้นถูกรื้อค้นกระจัดกระจายเต็มบ้าน และพบว่า พระเครื่อง เงินสด กระเป๋าสตางค์ รถอีก 3 คัน คือรถยนต์1คัน และจักรยานยนต์อีก 2 คัน ได้ถูกขโมยไป
ซึ่งบ้านพ่อของตนนั้นเคยถูกขโมยขึ้นมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนั้นคนร้ายขึ้นมาตอนพ่อของตนไม่อยู่บ้าน และได้เงินสด ของในร้าน และกุญแจรถจักรยานยนต์ และพยายามจะงัดรถจักรยานยนต์ แต่พ่อของตนได้กลับมาก่อน คนร้ายจึงวิ่งหนีปีนออกทางหลังบ้าน ซึ่งตนคิดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนเดียวกันกับครั้งก่อน ซึ่งในคั้งนี้มันทำกับพ่อของตนได้โหดเหี้ยมมาก และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้โดยเร็ว และจอให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ทีมข่าวได้หลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด เป็นกล้องมุมหลังบ้านของลุงชัย โดยจะเห็นคนร้ายเดินวนไปมา โดยใช้ผ้าคลุมหน้าใส่เสื้อลายพราง โดยจากเวลาได้เดินผ่านกล้องนี้ถุง 2 ช่วงคือช่วงเวลาประมาณ ตี1 ครึ่ง และตี 2 ครึ่ง โดยคนร้ายนั้นได้ถอดปลั๊กและหันกล้องตัวอื่นหลบหมด และได้เดินเข้าหลังกล้อง มีเพียงกล้องนี้เพียงตัวเดียวที่บันทึกภาพคนร้ายได้
ต่อมาเป็นภาพวงจรปิดชุดนี้เป็นภาพในวันที่ 12 สิงหาคม จะเห็นว่าคนร้ายเข้ามาทางข้างหลังบ้านของลุงชัย โดยถือท่อนไม้มาด้วยซึ่งคดว่าเป็นท่อนไม้ที่ทีมข่าวไปพบอยู่หลังบ้านของลุงชัย คนร้ายได้เข้ามาช่วงเวลา7.30น. จากนั้นจึงได้เอาของใส่กระสอบแบบกออกไปถึง 3 กระสอบ เป็นช่วงมี่ลุงชัยกลับมาพบพอดีคนร้ายจึงวิ่งหนีออกไป
จากนั้นทีมข่าวจึงได้ขออนุญาตสำรวจบริเวณหลังบ้าน เพื่อไปดูจุดที่คนร้ายใช้ปีนเข้าบ้านของลุงชัย จึงพบว่าบริเวณจุดดังกล่าวถ้ามองจากภายในบ้านของลุงชัยจะสูงประมาณแค่ 2 เมตรแต่ถ้ามองจากด้านนอกเข้าไปจะสูงถึง 3 เมตร เมื่อทีมข่าวเดินไปบริเวณดังกล่าวก็สังเกตว่าบริเวณดังกล่าวถ้าปีนจากด้านนอกเข้าไป ก็ยากพอสมควร ขณะที่ทีมข่าวเดินสำรวจอยู่บริเวณนั้นก็ได้พบกับท่อนไม้และกระเป๋าลักษณะเหมือนกระเป๋าสตางค์ โดยเมื่อใช้ไม้เขี่ยเปิดดูก็พบว่ากระเป๋าดังกล่าวเป็นกระเป๋าของป้าเพ็ญซึ่งเป็นภรรยาของลุงชัยซึ่งน่าจะเป็นกระเป๋าที่คนร้ายได้ทำหล่นไว้ ส่วนท่อนไม้เมื่อเปรียบเทียบกับภาพวงจรปิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมสังเกตได้ว่าจะเป็นท่อนไม้ท่อนเดียวกันที่คนร้ายถึงเข้าไปภายในบ้านลุงชัย
ล่าสุดตำรวจจับตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว โดยได้นำตัวนายก๊องเข้าสอบสวนพร้อมกับยึดของกลางที่ถูกขโมยไปมาได้เป็นรถจักรยานยนต์สีแดงเทา 1 คันและรถกระบะโตโยต้า 1 คัน
ด้านพ.ต.อ.ปราโมทย์ โพธิ์พันธุ์ผกก.สภ.อู่ทอง ให้ข้อมูลว่า “คนร้ายพึ่งพ้นโทษคดียาเสพติดมาได้ประมาณสี่ถึงห้าเดือนซึ่งเป็นกลุ่มคนต้องสงสัยอยู่แล้วเนื่องจากมีอาชีพและความเป็นอยู่ที่ไม่เป็นหลักแหล่ง ซึ่งก่อนหน้านี้คนร้ายก็ได้มาก่อเหตุก่อเหตุในวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมาแต่ในวันนั้นทางด้านเจ้าของบ้านได้เห็นก่อนผู้ก่อเหตุจึงวิ่งหนีออกไปซึ่งทางตำรวจก็ได้เสื้อของกลางมาแต่ยังไม่ได้ตัวเพราะว่าผู้ก่อเหตุไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งจนมาเกิดเหตุเมื่อคืนวันที่ 28 จากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดปรากฏว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนเดิม ก็เลยตรวจสอบดูว่าตอนนี้ผู้ก่อเหตุไปอยู่ที่ไหนและเมื่อวานวันนี้โทรศัพท์มือถือของผู้ก่อเหตุได้เปิดสัญญาณขึ้น สายลับของตำรวจจึงโทรติดต่อเพื่อขอล่อซื้อรถกระบะของกลาง ซึ่งผู้ก่อเหตุก็ได้เดินทางกลับมาเพื่อจะเอารถมาขาย เมื่อมาถึงตำรวจจึงเข้าจับกุมตัว เพิ่งพบของกลางเป็นรถจักรยานยนต์หนึ่งคันและรถกระบะหนึ่งคัน ทรัพย์สินอื่นๆนั้นยังต้องรอพฐ.เข้ามาตรวจสอบอีกที ซึ่งทุกอย่างทางตำรวจต้องการหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เนื่องจากในกรณีนี้ไม่มีประจักษ์พยานที่เห็นการกระทำผิดจึงต้องใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้น
ในเบื้องต้นผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่าก่อเหตุเพียงคนเดียวส่วนการนำรถขึ้นกระบะต่างๆนั้นผู้ก่อเหตุกล่าวอ้างว่ามีวิธีการที่จะนำรถจักรยานยนต์ขึ้นท้ายรถกระบะได้เพียงคนเดียว ส่วนรายละเอียดการลงมือนั้นอยู่ในระหว่างการสอบสวน โดยวัตถุประสงค์ของคนร้ายนั้นจากการสอบถามจะเข้าไปเอาทรัพย์สินแต่ปรากฏว่าผู้เสียชีวิตมาเจอและไม่ยอมจึงเกิดการต่อสู้กันซึ่งทางผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้เตรียมอาวุธเข้าไปมีเพียงแต่ท่อนอ้อยหนึ่งท่อนโดยใช้ท่อนอ่อยตีใส่ผู้เสียชีวิต ซึ่งจากผลชันสูตรนั้นผู้เสียชีวิตได้เสียชีวิตหลังจากเกิดเหตุ 12 ชั่วโมง ซึ่งตรงกับเวลาประมาณเที่ยงของวันที่ 28 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียชีวิตนั้นอาศัยอยู่กับภรรยาติดเตียงเมื่อมีการปิดร้านและปิดบ้านชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นที่เคยมาซื้อของก็เข้าใจว่ารถกระบะไม่อยู่แสดงว่าผู้เสียชีวิตอาจจะเดินทางไปท่องเที่ยวหรือไปทำธุระจึงไม่มีใครได้เข้าไปดูในบ้านก็เกิดเหตุจนลูกสาวของผู้เสียชีวิตได้เข้าไปดูเมื่อเช้านี้จึงทราบว่าเกิดเหตุขึ้น
เบื้องต้นผู้ก่อเหตุได้รับสารภาพทางตำรวจได้แจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและข้อหารับซื้อของโจร