จากกรณี 4 พ่อแม่ลูกถึงทางตัน หนี้สินจากการค้ำประกัน แถมเคราะห์ร้ายถูกแอปฯเงินกู้หลอกโอนเงินสูญกว่าล้านบาท ผู้เป็นพ่อหัวหน้าครอบครัวตัดสินใจคว้ามีดไล่สับฆ่าลูกและเมียดับ 3 ศพในบ้านพัก ก่อนจะโทรบอกหัวหน้างานจากนั้นปาดคอตนเองหวังจบปัญหา สุดท้ายไม่ตายแต่เจ็บสาหัส
ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่วัดถนนงาม จังหวัดกำแพงเพชร โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีชาวบ้านและญาติ มาช่วยกันจัดเตรียมงาน โดยมีการประดับตกแต่งด้วยดอกไม้สีชมพู ตั้งศพเรียงกันโดยใช้ผ้าม่านปิดไว้ จะมีการทำพิธีฌาปณกิจ ในวันเสาร์ที่2 กันยายนนี้
จากนั้นทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับนายพิเชษฐ์ ซึ่งเป็นพี่ชายของผู้ก่อเหตุพูด ได้วิดีโอคอลหานายสาณิช ถามถึงอาการของน้องชาย โดยตอนนี้อาการดีขึ้น แต่ยังต้องรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู อยู่ในความดูแลของแพทย์และพยาบาล แต่ตอนนี้นายสาณิชทำได้อย่างเดียวคือการพยักหน้า และในระหว่างที่พูดคุยอยู่นั้นนายสาณิชน้ำตาไหล คาดว่าเสียใจที่ก่อเหตุฆ่าลูก-เมีย แต่ตนเองไม่ตาย
นายพิเชษฐ์ ยังบอกอีกว่า "เงิน 2 ล้านกว่าบาทที่มีการเปิดรับบริจาคนั้น ตนไม่ทราบเรื่องการรับบริจาคอะไรด้วยเลย ในความตั้งใจจริงของตนที่ไปรับศพทั้ง 3 มานั้น เพื่อที่จะมาบำเพ็ญกุศลตามศาสนาเพียงเท่านั้น ส่วนเงินในการทำศพ ยืนยันว่ามีกำลังพอที่จะดำเนินการ โดยไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเงินบริจาคแต่อย่างใด เพราะยอมรับว่าน้องชายตนเองเป็นผู้ก่อเหตุ
ทีมข่าวได้พบกับ นายสุรศักดิ์ อายุ 66 ปี พ่อบุญธรรมของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเอง ไม่ใช่พ่อในสายเลือดก็จริง แต่ได้มีการจดทะเบียนให้นางสาววิภาพร เป็นบุตรบุญธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่สมัยที่เจ้าตัวยังเป็นวัยรุ่นแล้ว โดยตนเอง ไม่ได้นำเอกสารมายืนยันในวันนี้ แต่สามารถเช็กข้อมูลได้ที่อำเภอบางพลีได้ทุกอย่าง
ประเด็นเรื่องการแย่งชิงศพนั้น ไม่น่าจะใช่ประเด็น เพราะตนเอง แค่ต้องการให้ นางสาววิภาพร จัดงานศพที่วัดหนามแดง จ.สมุทรปราการ เพราะ นางวิไลพร แม่ของ นางสาววิภาพร เขาเสียชีวิตและเผาที่วัดนี้ เลยอยากให้อยู่กับแม่ของเขา
ประเด็นที่มาช้า ตนเองทราบเรื่องช้า และเป็นเรื่องเข้าใจผิดตั้งแต่แรก โดยตำรวจ โทรหาตนเอง ถามว่า ใช่พ่อของ นางสาววิไลพรหรือไม่ ซึ่งตำรวจพูดชื่อผิด เลยปฏิเสธ เพราะลูกสาวชื่อนางสาววิภาพร ตำรวจก็บอกว่า ขอโทษที ผมโทรผิด แต่สุดท้ายลูกชายเป็นคนโทรบอก เลยมาถึงช้า ซึ่งในระหว่างทาง ก็มีการโทรหาพี่ชายของนายสาณิช บอกว่าตนเองตั้งใจจะเอาศพนางสาววิภาพร จัดที่วัดหนามแดงในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ แล้วเขาก็ตัดสายไป พอมาถึง ขอทราบว่ามีการรับศพไปแล้ว และยืนยันจัดที่จังหวัดกำแพงเพชร
ตนเองพูดคุยกับทางญาติแล้ว เห็นว่าตอนนี้มีกระแสข่าวกล่าวหาว่าเป็นการแย่งชิงศพเพราะเรื่องเงินบริจาค 2 ล้าน ตนเองยืนยันได้ว่าไม่เคยอยากได้เงินแม้แต่บาทเดียว มีเจตนาตั้งใจให้มาอยู่วัดเดียวกับแม่ของเขาที่ตายไปแล้ว และเพื่อความสบายใจ และแก้คำคอรหาเรื่องเงิน ทางครอบครัวจะมีการเดินทางไปร่วมงานศพ ที่จังหวัดกำแพงเพชร ภายหลังที่มีการฌาปนกิจเสร็จ จะมีการแบ่งอัฐิ กลับมาอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ
ต่อมานายพิเชษฐ์พี่ชายของผู้ก่อหตุได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าได้คุยกับญาติของฝ่ายหญิง และเคลียร์กันแล้วว่าศพทั้งหมดจะเผาที่กำแพงเพชร ในวันสาร์ที่ 2 กันยายน 2566 โดยครอบครัวของฝ่ายหญิงจะเดินทางมาร่วมงานศพด้วย