ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 03.45 น. วันที่ 29 ส.ค. พ.ต.ท.สุชาติ ช่างทำ สว.(สอบสวน)สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตถูกแทง เหตุเกิดที่ บ้านพักหลังหนึ่ง ซอยถนนจันทน์ 51 แยก 7 ถนนจันทน์ แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กทม.
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 3 ชั้น ที่ห้องนอนด้านหน้าบ้าน ของชั้นที่ 2 พบศพ น.ส.มินทร์ธิรา อายุ 24 ปี นอนเสียชีวิตคว่ำหน้า มีผ้าห่อสีเหลืองคลุมตัวไว้ เลือดนองพื้น มีบาดแผลถูกฟันที่ศีรษะ ใบหน้า ลำคอ และแขนทั้งสองข้าง รวม 5 แผล ใกล้กันพบมีดดาบยาว 2 ฟุต เปื้อนเลือดตกอยู่
โดยตำรวจควบคุมตัวนายรุ่งโรจน์ อายุ 24 ปี แฟนหนุ่มของผู้ตาย ที่มีอาการมึนเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง รับเป็นผู้ก่อเหตุแทง น.ส.มินทร์ธิรา เสียชีวิต จึงนำตัวไปสอบสวนที่ สน.วัดพระยาไกร
จากการสอบสวน นายพรชัย อายุ 64 ปี พ่อของนายรุ่งโรจน์ ผู้เป็นเจ้าของบ้าน ให้การว่า ลูกชายทำอาชีพไรเดอร์ส่งอาหาร ส่วนผู้ตายทำงานร้านอาหาร ทั้งสองมีลูกชายวัย 2 ขวบ ด้วยกัน 1 คน ทั้งสองเพิ่งกลับมาอยู่บ้านตนได้ 2 วัน โดยลูกชายมีพฤติกรรมเสพกัญชาและดื่มน้ำกระท่อม จนมีอาการหลอนทางจิตประสาท ก่อนเกิดเหตุ ขณะตนนอนอยู่บนชั้น 3 ได้ยินเสียงลูกชายทะเลาะกับแฟนสาวจึงลงมาดู จากนั้นเงียบไป พบว่าลูกชายได้บอกว่าได้ฆ่าแฟนสาวของตัวเองเสียชีวิต แล้วขณะนั้นลูกชายพยายามจะหลบหนี ตนจึงล็อกตัวไว้และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ให้มาควบคุมตัวทันที โดยสาเหตุที่ทะเลาะกัน เกิดจากความหึงหวง ที่แฟนสาวมีหนุ่มมาติดพัน
นอกจากนี้ นายพรชัย เล่าอีกว่าว่า วันเกิดเหตุตนได้ยินเสียงเอะอะปึงปัง ขว้างปาข้าวของอยู่ในห้องเสียงดัง จึงลงมาดู เห็นจึงถามว่าทำอะไร ลูกชายบอกฆ่าเมียตายแล้ว ตนก็ตกใจถามว่าพูดจริงหรือไม่ แล้วเดินเข้ากดเปิดไฟในห้อง เห็นลูกสะใภ้นอนเสียชีวิตอยู่ แล้วลูกชายเตรียมจะหนี มีท่าทีจะหนี ตนจึงเอามือตบหน้าไปทีหนึ่ง จนลูกล้มไปอยู่แถวบันได แล้วตนก็วิ่งมาดักหน้าบ้าน ลูกชายจะคว้ารถจักรยานยนต์ออกไป แต่หากุญแจไม่เจอ ตนก็เข้าไปเตะขา จนลูกกองที่พื้นแล้วรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ
แล้วบอกอีกว่าหากเวลานั้น ถ้าลูกชายทำร้ายตน ตนเอาตาย ลูกเหมือนเป็นคนบ้า ขาดสติ สาเหตุคาดว่าเกิดจากหลอนยาเสพติด เพราะปกติแล้วลูกชายมีพฤติกรรมดี และประพฤติดีมาตลอดคอยเลี้ยงลูกวัย 2 ขวบ แต่ก็แยกไปเช่าบ้านกับเมีย ไปทำงาน แต่พอมีปัญหาแล้วกลับมาที่บ้าน มาพูดกับตนว่าเมียทิ้งไป ซึ่งตนไม่เชื่อเพราะลูกสะใภ้ไม่ได้นิสัยแบบนั้น ลูกสะใภ้นิสัยดีมาก รักผัว คอยดูแลผัวมาตลอด 9 ปี ผิดที่ลูกตนไปเล่นยาเสพติดมาแล้วหลอน เชื่อว่า มีทั้งน้ำกระท่อม กัญชา แล้วก็พวกยาบ้า
ทั้งนี้ อยากบอกครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่า แสดงความเสียใจ และเสียใจมากทำอะไรไม่ถูกไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะรุนแรงแบบนี้ ลูกมาทะเลาะกับตน ก็แค่ชกต่อยกัน เท่านั้น
ขณะที่นายวิฑูรย์ อายุ 60 ปี ลุงของผู้ก่อเหตุ ได้พาทีมข่าวขึ้นไปดูห้องนอนจุดเกิดเหตุบริเวณชั้นสองของอาคารพาณิชย์ดังกล่าว และบอกว่า ตอนเข้ามาดูในห้อง เห็นหลานสะใภ้ นอนอยู่ติดกับริมผนังกำแพงศีรษะพาดอยู่กับกำแพงห้อง ก็พยายามเรียกชื่อผู้เสียชีวิต 2-3 ครั้ง ไม่ตอบ แล้วเอามือจับเท้า ปรากฏว่าเท้าเย็น จึงทราบว่าเสียชีวิตแล้ว
และตอนที่ตนเข้ามาพบเตารีดและขวดโซดาแตก จึงสงสัยว่าอาจเป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุร่วมด้วย เชื่อว่าหลานชายน่าจะใช้เตารีดทุบเข้าที่ศีรษะของหลานสะใภ้ จนทำให้แผ่นเหล็กที่เตารีด หักขาด 2 ท่อน
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ช่วงเวลาประมาณ ตี 3 เป็นช่วงเกิดเหตุ หลังจากที่พ่อของผู้ก่อเหตุโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เวลา 03.07น. ตำรวจสายตรวจก็ขี่รถจักรยานยนต์มาหน้าบ้านหลังเกิดเหตุ
แล้วก็มีเจ้าหน้าที่กู้ภัย เดินทางมาที่เกิดเหตุ
อีกมุมหนึ่งก็จะเริ่มเห็นว่า ตำรวจมาสมทบกันเต็มหน้าบ้านที่เกิดเหตุ โดยมุมนี้จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ นายรุ่งโรจน์ ออกมาจากบ้านช่วง 03.47 น. เพื่อนำตัวไปที่ สน.วัดพระยาไกร
โดยนายรุ่งโรจน์ไม่สวมเสื้อสวมกางเกงตัวเดียวรองเท้า ตำรวจพาเดิน ไปขึ้นรถที่จอดรออยู่บริเวณหน้าปากซอยบ้าน
ด้านพ่อของน้องพลอย ผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาพร้อมกับครอบครัวทำที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีเชิญวิญญาณด้วย แต่พ่อของน้องพลอย ยืนรออยู่บริเวณด้านหน้าบ้าน ไม่กล้าขึ้นไปบริเวณชั้นสอง ซึ่งเป็นจุดที่น้องพลอยเสียชีวิตเนื่องจากตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ และรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พ่อของน้องพลอย บอกว่า ที่ผ่านมาอุตส่าห์อดทนทำงานเลี้ยงลูกสาวมาจนเติบโต แต่ต้องมาจบชีวิตกับผู้ชายแบบนี้ จนมาถึงตอนนี้ ก็ยังไม่สามารถให้อภัยลูกเขยตัวเองได้ ถ้าหากลูกเขย ออกจากคุก ต้องได้เจอดีแน่ เรื่องนี้ไม่ยอมจบง่ายๆ ที่ผ่านมาก็พยายามบอกกับลูกสาวว่า ให้เลิกกับผู้ชายแบบนี้ ทั้งกินเหล้าเมายาสารพัด การงานไม่ทำ ให้ผู้หญิงเลี้ยง
ที่เจ็บใจก็คือว่าก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุลูกสาวพยายามโทรไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นศูนย์บำบัดผู้ที่มีอาการหลังจากยาเสพติด ว่าให้มารับผู้ป่วย ก็คือลูกเขยที่มาอาการคลุ้มคลั่ง แต่โรงพยาบาลแจ้งว่าเตียงเต็มไม่สามารถมารับไปรักษาได้ จนทำให้คลุ้มคลั่ง ฆ่าเมียตัวเองเสียชีวิต
พ่อของพลอย ยังคงอาการเสียใจอยู่มาก จังหวะที่ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวของเราอยู่ก็เกิดอาการร้องไห้ฟูมฟาย อยู่ๆพ่อน้องพลอยก็เอาศีรษะไปฟาดเข้าประตูพร้อมกับใช้มือต่อยที่ประตู จนทีมข่าวของเราต้องเข้าไปห้าม
ล่าสุด ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจได้นำตัวนายรุ่งโรจน์ หรือกาฟิวส์ ออกจากห้องขัง เพื่อมาสอบปากคำ หลังหายจากอาการคลุ้มคลั่ง ผู้สื่อข่าวของเราก็ได้สอบถามนายรุ่งโรจน์ ว่าจำเหตุการณ์ได้หรือเปล่า ว่าทำอะไรลงไป
นายกาฟิวส์ บอกว่า ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป เมื่อคืนตัวเองดูดกัญชา ไม่ได้เสพยาเสพติด เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารู้หรือเปล่าว่าเมียตัวเองตายเป็นแล้ว นายกาฟิวส์ บอกว่า “ไม่รู้ จริงหรอ” แล้วก็ร้องไห้บอกว่าตัวเองเสียใจคนในครอบครัวก็ผู้สูญเสียไป
หลังจากนั้น ตำรวจนำตัวเข้าไปที่ห้องสอบปากคำ โดยก่อนจะสอบปากคำ พ่อผู้ต้องหาก็มาคุยกับลูกชาย พ่อยอมรับว่าโกรธลูกชายมาก ถามลูกชายด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ ว่า “มึงทำพลอยทำไม เขาดีกับมึงขนาดไหน” นายกาฟิวส์ ก็ได้ขอโทษ บอกผม อายุ 23 ปีเอง บอกพ่อว่า จำไรไม่ได้ รู้เพียงว่า ภรรยาบังคับให้นอน ซึ่งตัวเองไม่ยอมนอน นั่งดูข่าว สวดมนต์อยู่ แต่อยากขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
จากนั้นนายกาฟิวส์ ก็บอกว่า อยากขอขมาพ่อ ก่อนจะก้มกราบเท่าพ่อ บอก “พ่ออโหสิกรรมให้ผมนะ” พ่อถึงกับน้ำตาตกรับไม่ได้กับสิ่งที่ลูกชายทำลงไป แต่ก็บอก “พ่ออโหสิกรรมให้” และปล่อยให้รับเวรรับกรรมตามกฎหมาย
ส่วนความคืบหน้าทางคดีผู้กำกับสน.วัดพระยาไกร ระบุว่าจากการตรวจหาสารเสพติดไม่พบว่ามีสารเสพติดชนิดอื่นนอกจากกัญชา ส่วนอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุเบื้องต้นประกอบไปด้วยสามอย่างคือเตารีดที่ใช้ทุบศีรษะ มีดดาบที่ใช้ปาดคอ และขวดโซดาที่ใช้เขวี้ยงใส่ผู้เสียชีวิต
ตำรวจดำเนินคดีกับนายรุ่งโรจน์ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา