ข่าวช่อง 8 สรุปดราม่าจดทะเบียน "ปังชา" ล่าสุดทางร้านออกมาขอโทษแล้ว และกรณีงานงอก มีการฟ้องเรียกเงินร้านชื่อเหมือน 102 ล้านบาท
30 ส.ค. 66 กลายเป็นดราม่าสนั่นขึ้นมาทันที สำหรับกรณี “ร้านดัง” ประกาศจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร “ปังชา” ทั้งชื่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า แล้วอย่างนี้ร้านอื่นๆ ยังทำเมนู “น้ำแข็งไสราดชาไทย” หรือ “บิงซูชาไทย” ขายได้ไหม ทั้งๆ ที่เป็นเมนูที่แพร่หลายมาเนิ่นนานแล้ว
ล่าสุดทางร้านก็ได้ออกมาชี้แจงและขอโทษ ที่สื่อสารทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่ก็ไม่วายมีงานงอก ดราม่าซ้อนดราม่า หลังจากมีการเปิดโปงกรณีฟ้องร้านชื่อเหมือน เรียกเงิน 102 ล้านบาท โดย “ข่าวช่อง 8” ขอเล่าสู่และสรุปดราม่าที่เกิดขึ้น ดังต่อไปนี้
1. เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2566 เพจเฟซบุ๊ก Pang Cha - ปังชา World Class Thai Tea ได้ประกาศว่า “แบรนด์ปังชา จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark) “ปังชา” ภาษาไทย และ “Pang Cha” ภาษาอังกฤษ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 จดทะเบียนลิขสิทธิ์ จดทะเบียนสิทธิบัตร เป็นที่เรียบร้อย
สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามลอกเลียนแบบ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข สงวนลิขสิทธิ์ห้ามนำชื่อแบรนด์ปังชา Pang Cha ไปใช้เป็นชื่อร้าน หรือใช้เป็นชื่อสินค้าเพื่อจำหน่าย
2. หลังจากนั้นก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า แล้วอย่างนี้ร้านอื่นๆ จะยังทำเมนูนี้ขายได้ไหม ทั้งๆ ที่เป็นเมนูที่แพร่หลายมาเนิ่นนานแล้ว ทำให้เหล่าผู้รู้เริ่มคลื่อนไหวและให้ข้อมูลต่างๆ ในโลกออนไลน์
ซึ่งหลักๆ แล้ว พบว่า การจดทะเบียนดังกล่าว จะได้รับการคุ้มครอง “เครื่องหมายการค้า” และรูปลักษณ์ของภาชนะที่มีการออกแบบ เพราะทางร้านได้จดลิขสิทธิ์ไว้
ส่วนในเรื่องของเมนู “น้ำแข็งไสราดชาไทย” หรือ “บิงซูชาไทย” ที่มีการจำหน่ายกันมาอย่างเนิ่นนานแล้ว ร้านอื่นๆ ก็ยังสามารถทำขายได้
ซึ่ง “นายพีรภัทร ฝอยทอง” ทนายความ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Dr. Pete Peerapat” อธิบายกรณีดังกล่าว ก่อนสรุปว่า “เคสนี้ทางร้านมีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า / สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ / จดแจ้งลิขสิทธิ์ จริง แต่จะไปห้ามใครทำบิงซู หรือน้ำแข็งไส ใส่ชาไทย ไม่ได้นะครับ”
3. และเมื่อกระแสนี้ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ช่วงเย็นวันที่ 29 สิงหาคม “กรมทรัพย์สินทางปัญญา” ก็ได้ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับ เครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร ผ่านโลกออนไลน์ พร้อมสรุปกรณีของ “ปังชา” ว่า น้ำแข็งไสราดชาไทยมีขายมานานแล้ว จึงไม่มีใครสามารถจดสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร แล้วอ้างเป็นสิทธิแต่ผู้เดียวในเมนูนี้ได้
4. หลังจาก “กรมกรมทรัพย์สินทางปัญญา” ออกมาอธิบายไม่ถึงชั่วโมง ทางร้านดังกล่าวก็ออกมาขอโทษและชี้แจงว่า
“ทางร้านขออภัยที่มีการสื่อสารและทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ทางร้านขอน้อมรับทุกคำติชม คำแนะนำ และจะปรับปรุง พัฒนาทั้งในการสื่อสาร การบริการ สินค้าต่อไป
“ขอขอบคุณกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้ให้ข้อมูลและหาแนวทางร่วมกันในการชี้แจงเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจทางแบรนด์เป็นอย่างดีที่สุด
“ที่สำคัญที่สุด กราบขอบพระคุณด้วยความเคารพจากใจในทุกๆ ท่านที่ร่วมกันโพสต์แสดงความคิดเห็นให้แนวทาง อธิบายในข้อมูลที่มีเพื่อเป็นความรู้กับปังชาเป็นอย่างดีที่สุด
“ที่ผ่านมาจากกระแสที่เกิดขึ้น ทางร้านมิได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด แต่ได้มีการสอบถามและหาปรึกษาแนวทางร่วมกันชี้แจงกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา จึงออกมาชี้แจง ณ ที่นี้พร้อมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา"
5. แต่ถึงกระนั้นก็ตามที แม้จะได้ข้อยุติเคลียร์ทุกข้อสงสัยแล้ว แต่ก็ได้มีการเปิดประเด็นเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการรายหนึ่ง โดยเพจ “หมายจับกับบรรจง” ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
"โดนทนายส่งโนติส เรียก 102 ล้านบาท ! มีน้องคนหนึ่งชื่อ "นิว" เปิดร้านขายขนมปังปิ้ง-ชา เครื่องดื่มอยู่ที่เชียงราย ปัจจุบันมี 2 ร้าน ร้านแรกอยู่ในฟู้ดคอร์ต ในห้างเซ็นทรัลเชียงราย ก็ร้านเล็ก ๆ ร้านสองอยู่ในตัวเมืองเชียงราย ร้านริมถนน มีประมาณ 30 โต๊ะ เปิดมาตั้งแต่ปี 2564 ใช้ชื่อร้านที่มีคำว่า "ปังชา"
“ล่าสุดมีบริษัทในกรุงเทพฯ ที่เพิ่งไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อน ให้ทนายความส่งโนติสมา เรียกค่าเสียหาย 102 ล้านบาท ถ้าไม่จ่ายมีบวกค่าปรับอีกวันละ 1 หมื่นบาท ต่อ 1 ร้าน น้องบอกว่าโลโก้ร้านผมก็ไม่เหมือนกับของบริษัทดังกล่าว และไม่มีเจตนาที่จะไปลอกเลียนแบบใดๆ
“นอกจากร้านของนิวแล้ว เห็นว่ามีร้านคนอื่นๆ อีกที่โดนโนติสส่งไปเรียกค่าเสียหาย เพราะมีชื่อร้านคำว่า "ปังชา" ตอนนี้เครียดเลย บอกว่าไปปรึกษาเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินฯ ก็ให้ข้อมูลไม่ตรงกัน เลยอยากให้คนที่รู้กฎหมายแม่น ๆ แนะนำหน่อย ถ้าต้องจ่ายเป็นร้อยล้านขนาดนี้ ผมจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายให้เขา...? น้องนิวทิ้งท้าย.."
6. โดย “นายพีรภัทร ฝอยทอง” ทนายความ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Dr. Pete Peerapat” ถึงกรณีดังกล่าวว่า “เรื่องฟ้องร้องเรียก 102 ล้านบาท ผมยังเห็นว่า ไม่น่าจะเรียกร้องได้นะครับ และผู้ประกอบการที่ตั้งชื่อเพจว่า “ปังชา” ไม่ต้องไปลบเพจนะครับ ใช้ขายน้ำแข็งไส บิงซู ต่อไปได้
“ดังนั้น ในกรณีนี้ ผมเห็นว่าทางร้านยังสามารถใช้ชื่อร้านเดิมต่อไปได้ ซึ่งวันนี้กรมทรัพย์สินทางปัญญาก็ออกมาช่วยให้ความรู้ในเรื่องด้วยเช่นกันครับ ส่วนเรื่องค่าเสียหาย ในเมื่อเรามีสิทธิใช้ชื่อร้านว่าปังชา เค้าก็เรียกค่าเสียหายไม่ได้ครับ ถ้าถูกฟ้องจริง ก็สามารถไปต่อสู้ที่ศาลได้แน่นอนครับ”
7. จาการตรวจสอบของ “ข่าวช่อง 8” ที่เพจของร้านดังกล่าว ยังไม่พบความเคลื่อนไหวหรือออกมาชี้แจงกรณีฟ้องร้านชื่อเหมือน 102 ล้านบาทแต่อย่างใด ซึ่งหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม ทางทีมข่าวจะรายงานให้ทราบในลำดับต่อไป