ความคืบหน้า กรณีนางชลธิชา หรือ ป้าอ๋อย อายุ 54 ปี ได้ประกาศตามหาตัว นายรัฐพล หรือ อาร์ต อายุ 32 ปี ลูกชาย ซึ่งได้หายตัวไปตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยทางป้าอ๋อย ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามหาตัวนายรัฐพล รวมถึงออกตามหาตามบ้านเพื่อนสนิท และพึ่งพาไสยศาสตร์ให้ร่างทรงช่วยตามหาตัวรัฐพลอีกแรง
กระทั่งช่วงค่ำเมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) ได้พบศพของนายรัฐพลแล้ว โดยศพถูกทิ้งอยู่ในพุ่มไม้กลางป่าลึก พื้นที่หมู่ 6 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยศพถูกห่อหุ้มด้วยผ้าปูเตียง สภาพศพขึ้นอืดมีหนอนชอนไชทั่วร่าง บริเวณเสื้อที่ศพสวมใส่ยังพบรูคล้ายรูกระสุนด้วย
ต่อมา เมื่อเวลา 23.00 น. เมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ได้นำหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี เข้าทำการจับกุมตัว นายณัฐปิยะวัฒน์ หรือ ตูน อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่าผู้อื่น พร้อมนำรถยนต์เก๋ง ที่เป็นของนายตูน และรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต ที่พบอยู่ที่บ้านของนายตูนมาทำการตรวจสอบ
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบปากคำนายตูนอย่างเคร่งเครียดนานหลายชั่วโมง จึงตัดสินใจให้นายตูน นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจค้นบ้านพักของนายตูน ในพื้นที่ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้นายตูนเดินไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจค้นตามแต่ละจุด แต่ทันทีที่มาถึงบริเวณบ่อน้ำด้านหลังบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบรองเท้าของผู้เสียชีวิตและยังพบรอยเลือดอยู่ที่พื้นรวมถึงปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.อีกหลายปลอก
ทำให้นายตูน เปิดปากรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นผู้ลงมือใช้อาวุธปืน สังหารนายรัฐพลจริง พร้อมนำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูจุดที่ลงมือใช้อาวุธปืนยิงใส่ในรัฐพลจำนวน 5 นัดจนล้มลงเสียชีวิตบริเวณบ่อน้ำภายในบ้านพัก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังตรวจพบรองเท้าของผู้เสียชีวิต รวมถึงรอยเลือดและปลอกกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุตกอยู่บริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุด้วย จึงได้ดำเนินการเก็บวัตถุพยานเหล่านี้ไว้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับนายตูนต่อไป
หลังจากนั้น จึงได้นำตัวนายตูน ไปชี้จุดที่ขับรถ นำศพของนายรัฐพลมาทิ้ง ในป่าข้างทางริมถนนสาย วัดหัวนา-วัดถ้ำขุนไกร พื้นที่หมู่ 6 ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยในการเดินทางนำศพมาทิ้งครั้งนี้ มีนายเอ(นามสมมติ) เพื่อนของนายตูน เป็นผู้ร่วมนำศพมาทิ้งด้วย
พลตำรวจตรีไพโรจน์ คุ้มภัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีกล่าวว่า จากการสอบสวนถึงมูลเหตุในการลงมือก่อเหตุครั้งนี้ นายตูน อ้างว่า ก่อนหน้านี้ ได้ให้นายรัฐพลผู้เสียชีวิต ทำการผ่อนเช่าซื้อ สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 1 บาท จำนวน 2 เส้น แต่เมื่อได้ทองไปแล้ว นายรัฐพลผู้เสียชีวิต กลับไม่ได้ส่งเงินตามที่ตกลงกันไว้ ในวันเกิดเหตุ จึงได้โทรศัพท์ไปเรียกนายรัฐพลมาเคลียร์ ปัญหาที่บ้านของนายตูน ก่อนที่ทั้งสองคนจะทะเลาะมีปากเสียงจนถึงขั้นลงมือชกต่อยกัน และนายตูนได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่พกติดตัว ยิงใส่นายรัฐพลจนเสียชีวิตคาที่ หลังจากนั้น จึงได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนชื่อนายเอ(นามสมมติ) ให้มาหาที่บ้าน ก่อนใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้นายเอช่วยขนศพของนายรัฐพลขึ้นรถ และให้นายเอเป็นคนขับรถร่วมกันนำศพนายรัฐพลไปทิ้งในจุดที่พบศพดังกล่าว
ทีมข่าวช่อง8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็น 1 ในหลักฐานสำคัญ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม 66 วันที่นายอาร์ตหายตัว คลิปตัวที่ 1 ช่วงเวลาประมาณ 20.54 น. ในคลิปจะได้ยินเสียงรุ่นน้องของนายตูน ชื่อ นายเอก (นามสมมุติ) โทรศัพท์ไปบ่นกับเพื่อนอีกคน เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ นายตูนได้โทรศัพท์หานายเอก ขอความช่วยเหลือให้ช่วยไปจับงูในเล้าไก่ที่บ้านของนายตูนให้หน่อย ซึ่งตอนนั้น คาดว่า นายตูนได้ยิงนายอาร์ตเสียชีวิตแล้ว
แต่ในคลิปจะเหมือนว่า นายเอกได้เดินทางไปหานายตูนที่บ้าน เพื่อจะช่วยจับงูแล้วแต่เมื่อไปถึงหน้าบ้านนายตูนประตูหน้าบ้านนายตูนกลับล็อก ไม่มีใครอยู่ ทำให้ต้องเดินทางกลับในรอบแรก
โดยในคลิปนายเอกโทรศัพท์ไปหาเพื่อนอีกคน และบ่นว่า นายตูน แกล้งอะไรเจ้าตัวหรือไม่ และบ่นว่าถูกนายตูนปั่นหัวเอาแล้ว
จากนั้นคลิปตัวที่ 2 เวลาประมาณ 21.26 น. หรือผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง จะเห็นรถเก๋งสีขาวของนายตูน ขับมาจอดหน้าบ้านของนายเอก ก่อนที่นายเอก จะเดินขึ้นรถของนายตูนออกไป คาดว่า นายตูนได้มีการโทรศัพท์มาบอกรอบ 2 ว่า พร้อมที่จะเข้าไปจับงูในเล้าไก่แล้ว แต่เมื่อไปถึง ตามข้อมูลจากตำรวจ นายเอก กลับถูกนายตูน ใช้ปืนจ่อ และบอกความจริงว่า งูไม่ได้กัดไก่ แต่เป็นตูนที่ยิงคนตาย และบังคับให้เอก ช่วยกันขนศพไปทิ้ง ซึ่งหากนายเอกไม่ทำตาม นายตูนได้ขู่จะยิงทิ้งเป็นศพที่ 3 ทำให้นายเอกจึงยอมทำตามคำสั่งนายตูน โดยช่วยกันหามศพขึ้นกระบะ และนำศพไปทิ้ง
จากนั้นคลิปตัวที่ 3 กล้องวงจรปิดข้างถนนริมทางจะเห็นรถเก๋งสีขาวที่ในรถมีศพของนายอาร์ต ถูกขับมุ่งหน้าออกจากบ้านของนายตูน ไปตามทาง โดยนำไปทิ้งในจุดทิ้งศพ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 20 กิโลเมตร
นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้คลิปภาพกล้องวงจรปิดเพิ่มตัวที่ 4 ซึ่งจะเป็นคลิปต่อจากกล้องคลิปตัวที่ 2 ที่นายตูนมารับนายเอกหน้าบ้าน โดยจะเห็นรถเก๋งยาริสสีขาวของนายตูน ได้ขับออกจากหมู่บ้านที่เกิดเหตุ เพื่อนำศพของนายอาร์ตออกไปทิ้งโดยมีนายเอก เพื่อนที่นายตูนหลอก ให้มาช่วยขนศพ เป็นคนขับ และพากันออกจากหมู่บ้านไป ในเวลาประมาณ 21.30 น. ซึ่งนายทั้งสองใช้เวลาขนศพไม่ถึง 3 นาที
กระทั่งช่วงเช้าวันนี้ (30 ส.ค.) ตำรวจชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวนายตูน ออกจากห้องควบคุมขังไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านของนายตูน ซึ่งบ้านหลังดังกล่าว มีหมวดไก่ ผู้เป็นพ่อของนายตูนเป็นเจ้าของบ้าน
ระหว่างที่ตำรวจคุมตัวนายตูนออกจากโรงพัก เจ้าตัวก้มหน้าปิดปากเงียบไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆกับนักข่าว เมื่อมาถึงบ้านตำรวจได้ให้นายตูนเปิดประตูบ้านเพื่อขอเข้าไปตรวจสอบด้านใน ซึ่งนายตูนยอมรับสารภาพเบื้องต้นว่า นายตูนช่วงวันที่ 22 สิงหาคมวันเกิดเหตุ ได้เดินทางมาหยิบยืมเงินกับพ่อของตนเองที่บ้านพัก จำนวน 10,000 บาท จากนั้นพ่อได้ขอให้ตัวเองพานายอาร์ต ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของน้องชายไปส่งกลับที่บ้าน เนื่องจาก นายอาร์ตไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ขี่กลับบ้าน เพราะนำมาเป็นหลักประกันไว้กับพ่อจอดทิ้งไว้ที่บ้านของตนเองอีกหลังแล้ว
ต่อมาตนเองได้รับนายอาร์ตขึ้นรถเก๋งสีขาวตอนแรกก็ว่าจะขับไปส่ง แต่นึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้นายอาร์ตก็เคยติดหนี้ยืมสินกับตนเองไว้เหมือนกัน จึงต้องการทวงเงินที่ค้างไว้คืน จึงขับรถเก๋งมาจอดที่บ้านอีกหลัง ซึ่งเป็นจุดสังหารนายอาร์ตที่บ้านหลังนี้
โดยก่อนที่ตนเองจะลงมือยิงนายอาร์ต นายตูนอ้างกับตำรวจว่า ได้มีปากเสียงกับนายอาร์ต เรื่องความขัดแย้งเรื่องเงิน และทองซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้าตัวได้เคยให้นายอาร์ตผ่อนทองจำนวน 1-2 บาท ซึ่งนายอาร์ตยังไม่คืนเงิน จากนั้นได้เกิดมีปากเสียงทะเลาะชกต่อยกันขึ้น โดยตนเองไม่รู้มาก่อนว่า อาร์ตแอบพกปืนมาด้วย ตนเองซึ่งพกอาวุธปืนติดมาด้วย เห็นท่าไม่ดี จึงได้ใช้ปืนที่พกมารัวยิงใส่นายอาร์ตทันทีจำนวน 4-5 นัด ก่อนที่นายอาร์ตจะวิ่งหนีลงไปตายอยู่ภายในสระน้ำหลังบ้าน
ด้วยความตกใจและไม่รู้จะทำอย่างไรกับศพ จึงได้เดินทางไปตามเพื่อน 1 คนซึ่งอยู่ใกล้บ้าน มาช่วยกันหามศพขึ้นรถ โดยตนเองจัดการห่อศพเอง และช่วยกันขับรถนำศพไปทิ้งภายในป่าละเมาะข้างทางถนนลูกรัง พื้นที่หุบเขาเนินสวรรค์ ม.6 บ้านป่ายุบ ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยอยู่ห่างจากบ้านหลังเกิดเหตุประมาณ 20 กิโลเมตร ก่อนจะเดินทางหลบหนีไป จ.เพชรบุรี
โดยก่อนจะทำแผนจุดที่ 1 เสร็จ ตำรวจได้พาตัวนายตูนเข้าไปภายในบ้าน ก่อนที่นายตูนจะถูกหมวดไก่ ผู้เป็นพ่อใช้หมัดทุบหลังลูกชายด้วยความผิดหวัง 1 ที ก่อนที่หมวดไก่จะด่านายตูนว่า “มึงเห็นคนอื่นดีกว่าพ่อหรอ มึงพูดออกมา มึงได้ทำเขารึเปล่า คุยกับพ่อก่อนตูน มันไม่มีเวลาแล้ว ได้ทำเขารึเปล่า ถ้าทำก็สารภาพเขาไป” จากนั้นนายตูนได้ก้มหน้าและบอกพ่อตัวเองสั้นๆว่า “ทะเลาะกัน” หมวดไก่จึงสวนกลับทันทีว่า “นี่คือพ่อถามเองนะ พ่อเอง เอาดีๆ ได้ทำเขาเปล่า” นายตูนจึงยอมรับสารภาพกับตำรวจ และตอบกับพ่อว่า “ผมทำ” โดยตำรวจทันทีที่หมวดไก่ได้เกลี้ยกล่อมให้นายตูนสารภาพแล้ว ได้พานายตูนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดที่ 2 ต่อทันที
ต่อมาจุดที่ 2 ตำรวจชุดสืบสวนได้คุมตัวนายตูนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณจุดที่นายตูน และเพื่อน ได้นำศพของนายอาร์ตมาทิ้ง โดยจุดนี้อยู่ห่างจากจุดบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 20 กิโลเมตร ซึ่งเป็นถนนทางลูกรังเข้าไปลึกประมาณ 1 กิโลเมตร ข้างทางเป็นป่าละเมาะ พื้นที่ติดหุบเขา ใกล้กับพื้นที่ดินของทหารอากาศ โดยตำรวจได้พานายตูนไปชี้จุดที่นำศพนายอาร์ตไปทิ้งไว้ในพงหญ้า โดยระหว่างนำชี้ เจ้าตัวมีสีหน้าที่เรียบเฉย
จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายตูนไปสอบสวนต่อที่โรงพัก โดยทีมข่าวพยายามสอบถามนายตูนเป็นครั้งสุดท้ายถึงสาเหตุที่ทำไป และถามถึงเรื่องที่ นายตูนเคยสัญญากับพ่อตัวเองไว้ตอนที่เจ้าตัวได้ลงมือฆ่าการ์ดสถานบันเทิงตายศพที่ 1 โดยนายตูนบวชเป็นพระ อยู่ถึง 1 พรรษา ว่าจะกลับตัวเป็นคน รู้บาปบุญคุณโทษดี แต่ทำไมเจ้าตัวถึงยังฆ่าคนเป็นศพที่ 2 เจ้าตัวยังคงปิดปากเงียบ
นอกจากนี้เมื่อเข้าไปดูในเฟซบุ๊กและติ๊กต็อกของนายตูนยังพบว่า เจ้าตัวชื่นชอบการใช้อาวุธปืนอีกด้วย เนื่องจากเป็นลูกของทหาร โดยเจ้าตัวมักจะลงรูปใช้ปืน ลงโซเชียล ทั้ง การใช้ปืนสั้น และปืนลูกซองยาว
และล่าสุดเมื่อ 22 สิงหาคม 66 วันที่นายรัฐพล หายตัวไป นายตูน ได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กใหม่ พร้อมเขียนข้อความว่า “เบื่อที่จะอธิบาย” พร้อมใส่สติ๊กเกอร์ ลูกกุญแจมือ
และรูปสุดท้ายก่อนถูกจับ 28 ส.ค. 66 นายตูนได้เปลี่ยนโปรไฟล์อีกครั้ง พร้อมเขียนข้อความเป็นคติสอนใจตนเอง ว่า “ต่อไปนี้จงใช้ชีวิตให้มีความสุข ทำในสิ่งที่อยากทำ”
ขณะเดียวกัน วันนี้ตำรวจยังได้ยึดรถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีขาว ล้อแม็กดำ ของนายตูน นำมาตรวจสอบ ซึ่งจากการสังเกตของทีมข่าวเบื้องต้นพบว่า ล้อรถทั้ง 4 ล้อ รวมถึงภายในห้องโดยสาร ถูกทำความสะอาดจนเอี่ยม ล้อเงาวับ ส่วนภายใน มีการล้างดูดฝุ่น พับเสื้อผ้า และนำกระดาษรองเท้าปูวางเรียบร้อย คล้ายกับ นำรถไปล้างแล้วนำไปจอดที่บ้านทันที ไม่ได้ขับออกไปไหน เพราะล้อรถสะอาดมาก
ขณะเดียวกันทีมข่าวยังพบ ไม้แขวนเสื้อลวดเหล็กสีขาว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับลวดไม้แขวนเสื้อที่พันธนาการศพไว้ด้วย โดยไม้แขวนเสื้อดังกล่าวถูกซุกซ่อนอยู่บริเวณท้ายรถ
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 หลังเกิดเรื่อง ได้เดินทางกลับไปที่บ้านของหมวดไก่ อายุ 62 ปี อดีตทหารค่ายสุรสีห์ พ่อของนายตูนผู้ก่อเหตุ ซึ่งบ้านหลังนี้ เป็นบ้านที่นายอาร์ตผู้ตายเดินทางมาในวันเกิดเหตุก่อนหายตัวปริศนา โดยหมวดไก่ ได้เปิดใจกับทีมข่าว เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุ ช่วงวันที่ 22 สิงหาคม เวลาประมาณ 1 ทุ่ม นายอาร์ตผู้เสียชีวิตได้เดินทางขี่รถมอเตอร์ไซค์มาหาตนเองที่บ้านพัก โดยนายอาร์ตถือเป็นเพื่อนสนิทของนายเต้ยน้องชายของตูน ซึ่งเป็นลูกชายของตนเอง ซึ่งก่อนหน้านี้มักจะแวะมากินข้าว นั่งเล่น และยืมเงินกับตนเองเป็นประจำ และตนเองก็รักนายอาร์ตเหมือนลูกชายคนหนึ่ง
เมื่อนายอาร์ตขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้านไม่นาน ขณะนั้นตนเองกำลังนั่งดูข่าวอยู่ในบ้าน ก็ได้เดินออกไปหานายอาร์ต ก่อนจะเรียกนายอาร์ต ขยับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดคุยกันในบ้าน โดยนายอาร์ต ได้เอ่ยปากขอยืมเงินตนเองจำนวน 10,000 บาท อ้างว่า จะนำเงินไปซื้อชุดทำงานใส่ เพราะเพิ่งได้งานเป็นเซลล์ขายรถและจะนำเงินไปเสียค่าประกัน ตอนนั้นตนเองก็ตกใจว่า ทำไมอาร์ตขอยืมเงินเยอะมากกว่าทุกครั้ง ที่จะยืมตนเองเพียงแค่หลักร้อย
นายอาร์ตพยายามขอยืมเงินตนเองสักพัก ด้วยความใจอ่อนตนเองจึงตกลงให้ยืม นายอาร์ตจึงบอกตนเองว่า “พ่อโอนให้ผม 9,000 บาท พอ ส่วน 1,000 บ.ที่ผมยืม พ่อหักไปเลย ผมให้เงินพ่อไปกินเหล้า” ตนเองจึงได้โอนเงินให้กับ นายอาร์ตไปจำนวน 9,000 บาท ในเวลา 19.27 น. ของวันที่ 22 ส.ค. (มีสลิปเป็นหลักฐาน)
กระทั่งเมื่อวานนี้ ลูกชายได้เดินทางกลับมาที่บ้าน และถูกตำรวจรวบตัวที่บ้านในที่สุด ซึ่งตนเองยืนยัน ไม่เกี่ยวข้องกับการวางแผนฆ่านายอาร์ต เพราะตนเองก็รักนายอาร์ตเหมือนลูก และรู้สึกผิดหวังมากที่ลูกชายไปฆ่าคนเป็นศพที่ 2
เนื่องจากปี 59 ลูกชายก่อเหตุฆ่าคนตายศพแรก และพ้นคุกออกมาในปี 65 ตนเองเป็นคนขอให้ลูกชายบวชเป็นพระ เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้ตายที่ลูกชายเคยฆ่าด้วยซ้ำ เพราะอยากให้ลูกชายกลับตัวกลับใจเป็นคนดี โดยบวชได้ 1 พรรษา (3 เดือน) ก่อนจะสึกออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่
แต่หลังจากสึกได้ไม่ถึงปี ลูกชายกลับมาก่อเหตุฆ่าคนตายเป็นศพที่ 2 ซึ่งตนเองเสียใจมาก และการทำแผนวันนี้ที่ตนเองด่าลูกชาย ก็เพราะ ตนเองอยากให้ลูกชายพูดความจริงสารภาพกับตำรวจให้หมด เพราะตนเองก็เป็นชายชาติทหาร ลูกชายก็เคยเป็นทหาร ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย และเสียเกียรติของทหาร ซึ่งตนเองไม่เคยเลี้ยงลูก ปกป้อง หากผิดต้องว่าไปตามผิด ต้องชดใช้กรรมที่ก่อเอง
ส่วนบรรยากาศงานสวดพระอภิธรรมศพของนายรัฐพล หรือ อาร์ต ผู้ตาย ที่สำนักสงฆ์ทุ่งแสงสว่างเจริญธรรม บรรยากาศค่ำคืนนี้ มีบรรดาญาติและคนรู้จักเดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดย ครอบครัวจะจัดงานสวดอภิธรรมศพเพียง 1 คืนก่อนที่จะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันที่30 ส.ค.66
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางชลธิชา แม่ของผู้เสียชีวิต บอกกับทีมข่าวว่า ตัวเองอยากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทีมค้นหารวมไปถึงบรรดาผู้สื่อข่าวแต่ละสำนักที่ติดตามเรื่องของลูกชายจนสามารถจับกุมคนร้ายที่ฆ่าลูกชายตนเองได้ และตนเองได้พบลูกชายอีกครั้ง ถึงแม้จะลูกชายจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ตาม โดยตนเองไม่คิดเลยว่า จะเกิดเหตุการณ์ร้ายๆขึ้นกับชีวิตตนเองและลูกชาย ตนเองมีลูกชายคนเดียว และอยู่กับลูกชายเพียง 2 คนแม่ลูก มีกันแต่ 2 คน ลูกชายเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของตนเอง
ตอนนี้ตนเองไม่รู้จะใช้ชีวิตอย่างไรในวันที่ไม่มีลูกชายอีกแล้ว และอยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับคนร้ายที่ลงมือฆ่าลูกชายให้ถึงที่สุด เพราะลูกชายของตนเองถือเป็นศพที่ 2 แล้ว และไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนที่ตนเองโทรศัพท์ไปสอบถามหาลูกชายว่าลูกชายหายไปไหน จะเป็นคนฆ่าลูกชายเสียเอง และโกหกตนเองว่าไม่รู้เรื่องมาตลอด
สุดท้าย หากลูกชายฟังตนเองอยู่ก็ขอให้ลูกชายไปสู่สุคติและอยากบอกกับลูกชายว่า "แม่รักลูกมาก คิดถึงลูกสุดหัวใจ"
ขณะที่ในส่วนของคดี เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับนายตูนในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น และความผิดฐาน ร่วมกัน ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย พร้อมเตรียมนำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรีในวันพรุ่งนี้ต่อไป