จากกรณีพระภักดี แก้วงาม ปี อายุ 55 ปี หรือพระบ่าวมรณภาพ หลังถูกคนร้ายบุกแท ที่เกิดเหตุพบผ้าอาบน้ำฝนมีร่องรอยเช็ดเลือดและล้างเลือด นอกจากนี้มีสิ่งของกระจัดกระจาย และมีด 1 เล่ม มีโทรศัพท์เครื่องสีน้ำเงินตกอยู่ 1 เครื่อง เบื้องต้นลูกศิษย์พระแจ้งว่าไม่ใช่ของพระบ่าว คาดว่าอาจเป็นของผู้ก่อเหตุทำตกไว้ จึงยึดเป็นหลักฐานไว้ตรวจสอบ เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่29 สิงหาคม เป็นเพิงที่พักสงฆ์กั้นล้อมด้วยสังกะสี บริเวณอ่างเก็บน้ำ หมู่ 1 ต.บ้านเสด็จ อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี
โดยผู้ก่อเหตุคือ นายสิทธิศักดิ์ อายุ 26ปี หรือเหน่ง ซึ่งล่าสุด ได้ประสานมอบตัวกับตำรวจแล้ว ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะไปรับตัวผู้ก่อเหตุ มาค้นหาอาวุธมีดที่สวนข้างทาง ของชาวบ้านห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร
ซึ่งจุดนี้ เป็นจุดที่ผู้ก่อเหตุโยนทิ้งมีดพับ ที่ใช้ก่อเหตุฆ่าพระบ่าว เป็นไร่มันอยู่ห่างจากที่เกิดประมาณ 500 เมตร ซึ่งหลังจากก่อเหตุผู้ก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี แล้วเขวี้ยงมีดพับที่ใช้ก่อเหตุทิ้งในไร่มัน ซึ่งหลังจากที่ได้ทำการค้นหายังไม่พบอาวุธมีดพับที่ผู้ก่อเหตุใช้ก่อเหตุในจุดนี้
ในระหว่างที่ค้นหาอาวุธมีด ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามนายสิทธิศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายสิทธิศักดิ์ อ้างว่า ที่ตัวเองก่อเหตุทำร้ายร่างกายพระบ่าว เนื่องจากว่าตัวเองคับแค้นใจพระบ่าว ที่เขาเข้ามาพัวพันกับนางสาวหญิง แฟนสาวของตัวเอง จนนางสาวหญิงต้องบอกเลิกตัวเอง ซึ่งสิ่งที่เขาทำกับแฟนสาวเอง มันไม่ใช่กิจของสงฆ์
นายสิทธิศักดิ์ เล่าว่า นางสาวหญิงแฟนสาวตีตัวออกห่าง เปลี่ยนไปหลายอย่าง และมาหาคบกับพระบ่าว ซึ่งพระบ่าวทำคุณไสยใส่แฟนของตัวเอง ทำให้เลิกรากับตัวเอง
ก่อนเกิดเหตุ ตัวเองจึงเข้าไปหาพระบ่าว ที่สำนักสงฆ์ทำทีไปขอดูดวงกับพระบ่าว แล้วตัวเองก็ได้ถามพระบ่าวว่า มาขอดูดวง เห็นว่าดูดวงแม่น ซึ่งนายสิทธิศักดิ์ อ้างว่า พระบ่าวได้พูดคำพูดที่แทงใจดำของตัวเอง (พูดว่า “แม่นหรือไม่แม่นก็ไม่รู้ แต่กูได้กับเมียมึงแล้ว” จากนั้นพระบ่าว ก็เข้ามาทำร้ายตัวเองก่อน ตัวเองจึงทนไม่ไหว แล้วใช้อาวุธมีดแทงพระบ่าวก่อนที่จะหลบหนีไป ซึ่งตนเชื่อว่าสาเหตุที่เมียของตนตีตัวออกห่างเป็นเพราะเมียถูกพระทำคุณไสยใส่ ที่ตัวเองมั่นใจว่าพระบ่าว เขาทำคุณไสยใส่เมียตัวเองนั้น เพราะผ่านมาพระบ่าวเขารู้ความเคลื่อนไหวของตัวเองทุกอย่าง ทั้งที่ตัวเองไม่เคยบอกเขาเลย
นอกจากนี้ นายสิทธิศักดิ์ ยังบอกให้ทีมข่าวไปดูภายในกุฏิพระบ่าวด้วยว่า พระบ่าวมีการทำเรื่องไสยศาสตร์ และของไสยศาสตร์ภายในกุฏิ ซึ่งไม่ใช่กิจของสงฆ์
จากนั้นนายสิทธิศักดิ์ ก็ได้พาตำรวจ ไปหาอาวุธอีกรอบ พร้อมทั้งทำท่าทางจำลองการทิ้งมีด ให้กับผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ตำรวจดูอีกด้วย
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าที่จุดเกิดเหตุ เป็นที่พักสงฆ์ มีทั้งหมด 2 หลัง หลังแรกเป็นศาลาไว้ต้อนรับญาติโยม และห่างออกไปอีก 20 เมตร เป็นกุฏิที่พบศพของพระบ่าว
ทีมข่าวตรวจสอบด้านหลังศาลาหลังแรก พบว่ามีรอยนิ้วมือเปื้อนเลือด ติดตามผนังปูน ห่างออกไปอีก 18 เมตร ก็ไปพบคราบเลือดอยู่บนแท่นปูน ซึ่งแท่นปูนดังกล่าว จะอยู่หน้ากุฏิที่พบศพพระบ่าว
จากการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ คาดว่า ผู้ก่อเหตุและผู้ตาย น่าจะมีปากเสียงกันมาจากศาลาหลังที่ 1 ก่อนที่ผู้บาดเจ็บจะวิ่งหนีตาย ใช้มือเปื้อนเลือดกับผนังหลังศาลา แล้ววิ่งไปที่แท่นปูน ก่อนไปล้างเลือดที่โอ่งน้ำสีแดงหน้ากุฏิ แล้วเข้าไปนอนในกุฏิ จนกระทั่งเสียชีวิต
นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ยังพบรูปปั้นหุ่นสีแดง ปักด้วยเข็มหมุดสีขาวหลายอัน วางไว้ที่หน้ากุฏิที่พบศพพระ และที่ประตู ยังพบถังตักน้ำสเตนเลสเขียนอักขระยันต์ไว้รอบถังอีกด้วย
ส่วนกุฏิที่พบศพนั้น พบว่าประตูได้ล็อกกุญแจเอาไว้ ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้ใช้โทรศัพท์มือถือ ถ่ายด้านในกุฏิที่พบศพพระบ่าว พบว่า ด้านในกุฏิพระบ่าว มีโต๊ะบูชา 2 อัน ทั้ง 2 โต๊ะมีทั้งรูปปั้นพระพุทธรูป,รูปปั้นกุมาร,รูปปั้นฤาษี,แผ่นยันต์,หอกสามง่าม และหนังสือดูดวงอีกหลายเล่ม
ด้านนายอุทิศ อายุ 58 ปี ญาติของพระบ่าว เล่าว่า เมื่อเวลา 15.00 น. ตัวเองมารับพระบ่าวที่วัด เพื่อไปรักษาอาการเชื้อราอยู่กับหลวงตาน้อย ที่วัดแห่งหนึ่ง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร หลังจากรักษาเสร็จ ตัวเองก็กลับมาส่งพระบ่าว ที่กุฏิในเวลาประมาณ 16.30 น. ซึ่งตอนนั้นตัวเองยังเห็นนายเหน่ง หรือนายสิทธิศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ กำลังกวาดลานวัดอยู่เลย และมีผู้หญิงอีก 2 คน มาให้พระเหน่งดูดวงให้ จากนั้นไม่นานตัวเองก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองจึงเชื่อว่า นายเหน่ง น่าจะเป็นคนลงมือก่อเหตุทำร้ายพระบ่าวจนมรณภาพ เพราะตัวเองเห็นเขาอยู่กับพระบ่าวเป็นคนสุดท้าย
ภาพจากกล้องวงจรปิด ที่วัดในปราบ เวลา 15.24 น. บันทึกภาพ ขณะที่พระบ่าวและนายอุทิศ ญาติของพระบ่าว ขี่รถจักรยานยนต์ เข้ามาในวัด เพื่อรักษาอาการคันตามร่างกาย และอยู่ในวัด เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะกลับออกไปแล้วถูกนายเหน่ง ใช้มีดแทงจนมรณภาพ
กล้องตัวที่ 2 วงจรปิดเวลา 18.15 น. จับภาพสมยศ ลูกศิษย์พระบ่าว ได้ยินเสียงทะเลาะกันมาจากกุฏิพระบ่าว เลยเดินออกมาด้วยอาการตื่นกลัว เพื่อแจ้งข่าวกับชาวบ้าน ก่อนเดินกลับเข้าไปในวัดในเวลา 18.17น.
และภาพจากกล้องวงจรปิดที่ 3 จับภาพรถจักรยานยนต์ของนายเหน่ง ขี่หลบหนีออกจากวัด โดยระหว่างทาง ได้นำมีดไปทิ้งไว้ในไร่มันสำปะหลัง
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังงานศพของพระบ่าว บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวมนต์ฤดี อายุ 40 ปี หลานสาวพระบ่าว ให้สัมภาษณ์ว่า พระบ่าวนุ่งขาวห่มขาวชอบศึกษาธรรมะ และบวชมาตั้งแต่เด็ก กระทั่งได้ย้ายมาจำพรรษาที่ ที่พักสงฆ์ดังกล่าวได้ 3 พรรษา ซึ่งพระบ่าวจะมีชื่อเสียงเรื่องแก้คุณไสย ดูดวงและสะเดาะเคราะห์ ซึ่งหุ่นรูปปั้นสีแดงที่เจอหน้ากุฏิของพระบ่าวนั้น ก็เป็นรูปปั้นที่พระบ่าวใช้ในพิธีถอนมนต์ดำในการรักษาผู้คน ไม่ได้เป็นการทำเสน่ห์ หรือการทำคุณไสยใส่คนแต่อย่างใด
ส่วนที่ผู้ก่อเหตุ ให้การอ้างว่า พระบ่าวทำคุณไสยใส่แฟนเก่าของเขา และพระบ่าวก็มี สัมพันธ์เชิงชู้สาวกับแฟนเก่าของนายสิทธิศักดิ์นั้น ตัวเองคิดว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากพระบ่าวไม่เคยมีพฤติกรรมลักษณะนี้มาก่อน พระบ่าวไม่รู้จักกับแฟนเก่าคนก่อเหตุแต่อย่างใด มีแต่ช่วยเหลือคนมาตลอด คิดว่าที่ผู้ก่อเหตุให้การแบบนั้น เป็นการแก้ตัวและโยนความผิดให้คนอื่น เหตุที่เกิดขึ้นตัวเองก็อยากให้ผู้ก่อเหตุได้รับโทษสูงที่สุด
สำหรับความคืบหน้าทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหานายสิทธิศักดิ์ผู้ก่อเหตุในข้อหา ฆ่าผู้อื่น ส่วนอาวุธมีดที่ผู้ก่อเหตุนำไปโยนทิ้งป่าข้างทางหลังจากก่อเหตุนั้น เบื้องต้นตำรวจได้ค้นหาทั้งวันแต่ก็ยังไม่เจออาวุธดังกล่าว