จากกรณี วันที่ 29 ส.ค.66 เวลา 16.20 น. พ.ต.ต. พิทักษ์ชน อิ้มอนงค์ สว.(สอบสวน) สภ.เชียงคำ ได้รับแจ้งว่ามีคนบาดเจ็บถูกของมีคมแทงเข้าที่บริเวณใต้ราวนมด้านซ้าย ที่ฝายน้ำบ้านทราย ม.5 ต.เวียง อ.เชียงคำ จ.พะเยา หมดสติและทางชุดกู้ภัยสยามรวมใจ ปู่อินทร์จุดอำเภอเชียงคำ และกู้ภัยวัดพระนั่งดินรีบปฐมพยาบาลนำส่งรพ.เชียงคำ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยผู้เสียชีวิต เป็นเด็กชาย อายุ14ปี
หลังเกิดเหตุทาง พ.ต.อ.เฉลิมชาติ ยาวิชัย ผกก.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เชียงคำ ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุหาสาเหตุด.ช.ถูกแทง เบื้องต้นทราบ ผู้ตายได้มาเล่นน้ำที่ฝายแต่ตัวไม่เปียกน้ำ แต่ได้มีไม้แหลมทิ่มแทงเข้าที่บริเวณหน้าอก จนเป็นเหตุเสียชีวิตและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกตามตัวเพื่อนและพยานที่เห็นมาสอบถามเพื่อหาข้อมูลจากการเกิดเหตุอีกครั้งต่อไป
เบื้องต้นจากการตรวจร่างกายบริเวณหน้าอกใต้ราวนมด้านซ้ายมีแผล ยาวประมาณ2 เซนติเมตร กว้างประมาณ2 เซนติเมตร และ แพทย์นิติเวชเตรียมทำการผ่าชันสูตรศพอีกครั้ง ว่าบาดแผลเกิดจากอะไร ทิ่มแทง และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ออกติดตามในสถานที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุของการถูกแทงและเสียชีวิตในครั้งนี้ด้วย
ล่าสุดวันนี้(30 ส.ค.66) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยัง สภ.เชียงคำ ตำรวจได้มีการนัดหมายให้ เด็กนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ และผู้ปกครองเข้าไปรับฟังขั้นตอนทางคดีว่า ตำรวจต้องมีการทำเรื่องส่งตัวไปสอบปากคำร่วมกับพนักงานอัยการ โดยต้องมีนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ เนื่องจากทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นเยาวชนที่มีอายุยังไม่ถึง 18 ปี
โดยตามข้อมูลในเบื้องต้น จากการสอบสวน เด็กนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ มีทั้งหมด 6 คน คือ 1.ด.ช.เวีย (ผู้ตาย) อายุ 14 ปี , 2. ด.ช. โต (นามสมมติ คนถือมีด) อายุ 14 ปี , 3. นายเบิร์ด (นามสมมติ ต่อยกับผู้ตาย) อายุ 16 ปี , 4. ด.ช. แบงค์ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี , 5. ด.ช. บอล (นามสมมติ) อายุ 14 ปี , และ 6. คือ ด.ช. บาส (นามสมมติ) อายุ 14 ปี
พ.ต.อ.เฉลิมชาติ ยาวิชัย ผกก.สภ.เชียงคำ เปิดเผยว่า ตำรวจทางตำรวจจึงเข้าไปสอบถามเบื้องต้นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งตอนสอบถามครั้งแรก เด็กทั้ง 5 คน อ้างว่า น้องเวีย ล้มไปโดนไม้ไผ่เองในระหว่างที่กำลังกระโดดลงน้ำ
จนกระทั่งทางตำรวจได้เข้าไปดูบาดแผล จึงสงสัยว่าน้องเวีย ไม่น่าจะถูกไม้ไผ่แทง เนื่องจากบาดแผลที่หน้าอกมีลักษณะถูกของมีคมแทง ทางพนักงานสอบสวนจึงย้อนกลับไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าไม่พบไม้ไผ่เปื้อนเลือด จึงได้เรียกเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดกลับมาสอบปากคำที่โรงพัก กระทั่งทั้ง 5 คนที่อยู่ในเหตุการณ์ รับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มนักเรียน 5 คนได้นัดเคลียร์ใจกับน้องเวีย โดยมี ด.ช.โต เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากโรงเรียนไปกับน้องเวีย และพาไปที่ฝายน้ำ จากนั้นเมื่อไปถึง น้องเวีย ได้มีการต่อยกับนายเบิร์ด ตัวต่อตัว ส่วนอีก 4 คนยืนดู แต่ปรากฏว่าระหว่างที่วินกับเบิร์ดต่อยกัน ด.ช.โต อ้างว่าน้องเวีย เสียหลักเข้ามาถูกมีดที่ถือไว้ในมือเองจนได้รับบาดเจ็บ
ส่วนเรื่องคดี หลังจากนี้ทางตำรวจต้องส่งตัวเด็กทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ให้กับพนักงานอัยการ ตามกฎหมายคุ้มครองเด็กและตามขั้นตอน ซึ่งทุกคนจะต้องสอบถามร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพอย่างละเอียด ก่อนจะมีการแจ้งข้อหา
โดยวันนี้ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.พิมพ์ใจ อายุ 36 ปี เป็นแม่ของ ด.ช.โต ซึ่งเป็นเด็กที่ถือมีด บอกว่า ตอนที่ลูกชายนัดกันไปเจอกับน้องเวีย ยืนยันว่าไม่มีใครที่บ้านรู้เรื่อง เนื่องจากลูกชายไปโรงเรียน กระทั่งช่วงค่ำถึงมารู้ว่าลูกชายอยู่ในกลุ่มคนก่อเหตุเพราะตำรวจเข้าไปจับลูกที่บ้าน ซึ่งตอนนั้นถามอะไรลูกก็ไม่พูด จนเช้าวันนี้ก็ตกใจ ที่ลูกยอมรับว่าเป็นคนถือมีดในตอนเกิดเหตุ ยืนยันที่ผ่านมา ลูกชายไม่เคยมาเล่าอะไรให้ฟัง ส่วนตัวรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ขอโทษครอบครัวของน้องที่เสียชีวิต เรื่องคดียินดีให้ตำรวจดำเนินคดีไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ผิดว่าไปตามผิด
ส่วนศพของน้องเวีย ทางญาติได้นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ในหมู่ 9 ต.เวียง อ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยบรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เนื่องจากตาและยายที่เลี้ยงน้องเวีย มาตั้งแต่น้องมีอายุ 9 เดือน รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งคนเป็นตาได้แต่นั่งร้องไห้ตลอดเวลา
นางสะหลี อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นยายของน้องเวีย บอกว่า ตนเองกับตาของหลาน เลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่คลอดมาได้ 9 เดือน เมื่อวานนี้ได้คุยกับหลานเป็นครั้งสุดท้ายตอนที่เดินเอาเงิน 60 บาทให้หลานติดตัวไปโรงเรียน ซึ่งคำสุดท้ายที่ยายได้คุยกับหลาน เป็นคำเดิมที่บอกกับหลานทุกวันว่าให้รีบกลับบ้านหลังเลิกเรียน กระทั่งประมาณ 16.30 น. ก็มีครูที่โรงเรียน โทรมาบอกว่าไปดูหลานหน่อย หลานตกน้ำถูกไม้แทง ตอนนี้กำลังปั๊มหัวใจอยู่ ยอมรับว่าตกใจมาก ก็เลยถามกับครูไปว่า หลานมันตกน้ำท่าไหนถึงต้องปั๊มหัวใจ จากนั้นก็เลยรีบออกจากบ้านไปดูหลานที่โรงพยาบาล แต่ปรากฏว่า เมื่อไปถึงพอตาเห็นสภาพหลานก็ช็อกขึ้นมาทันที เนื่องจากตารักหลานคนนี้มาก
ส่วนตัวยอมรับว่าเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะหลานไม่ใช่เด็กเกเร ที่ผ่านมาหลานคนนี้เป็นคนหาข้าวหาปลาให้ตากับยายกิน ช่วยงานที่บ้านและไม่เคยกลับบ้านไม่ตรงเวลา ส่วนกลุ่มคนก่อเหตุ เท่าที่ยายจำได้ เคยเห็นคนชื่อโต ซึ่งเป็นคนถือมีด มาที่บ้าน และเคยมีปัญหากับหลานเรื่องขโมยอะไหล่แต่งรถกัน แต่เหตุการณ์นั้นเคลียร์กันจบไปแล้ว เนื่องจากทางครูเรียกผู้ปกครองไปคุยกัน
ส่วนประเด็นที่กลุ่มของคนก่อเหตุอ้างว่าหลานล้มไปถูกมีดเอง ยายไม่เชื่อ เพราะหลานของยาย ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนตัวยาย เชื่อว่าหลานถูกลวงไปทำร้าย ยืนยันไม่มีทางอโหสิกรรมให้กับกลุ่มเด็กที่ทำร้ายหลานของยายเด็ดขาด
ด้าน น.ส. ทัศนีย์ อายุ 34 ปี เป็นแม่ของน้องเวีย บอกว่า ส่วนตัวได้คุยโทรศัพท์กับลูกครั้งสุดท้ายก่อนวันเกิดเหตุ 1 วัน เพราะตอนที่ทักขอความไปหาลูก ก่อนเกิดเหตุไม่กี่นาทีในช่วง 15.37 น. ลูกชายไม่ตอบข้อความ กระทั่งมีคนทางบ้านแจ้งว่าลูกชายอาการแย่อยู่ที่โรงพยาบาล จึงรีบเดินทางจากเชียงใหม่เพื่อไปดูลูก ซึ่งเมื่อมาถึงโรงพยาบาล ก็ได้คุยกับพยาบาลว่า ลูกชายมีร่องรอยตกน้ำหรือไม่ ร่องรอยการต่อสู้หรือไม่ แต่ปรากฏว่า พยาบาลแจ้งว่า ร่างกายของลูกชายและเสื้อผ้า ไม่ได้เปียกน้ำ ส่วนร่องรอยการต่อสู้ไม่มี มีแต่รอยแผลถลอกที่นิ้วโป้งเท้าและแผลที่ถูกแทงเท่านั้น
เสียใจมากกับเหตุการณ์ เพราะสภาพศพลูกที่ไปเห็น เขานอนตาค้างและมีเลือดไหลออกจากปากตลอดเวลา ส่วนประเด็นที่กลุ่มเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์อ้างว่าลูกล้มไปถูกมีดเอง ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากไม่มีร่องรอยการต่อสู้ และที่สำคัญที่ตามร่างกายของลูกก็ไม่มีร่องรอยเปื้อนดินหรือตัวเปียกน้ำตามคำกล่าวอ้างของเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์
ส่วนตัวรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะลูกชายคนนี้เป็นอนาคตของคนในครอบครัว เนื่องจากที่ผ่านมา เขามีความฝันหากเรียนจบจะไปเปิดอู่ซ่อมรถและจะดูแลตากับยายในอนาคต ส่วนตัวไม่ขออโหสิกรรมให้กับเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ถ้าหากเด็กกับผู้ปกครองของเขาอยากจะมาขอขมาศพ ทางครอบครัวก็ยินดีให้มาได้ แต่จะไม่อโหสิกรรมให้ เพราะเหตุผลของเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์ฟังไม่ขึ้น อีกอย่างลูกชายก็ตายไปแล้ว ไม่มีสิทธิ์ลุกขึ้นมาพูด ซึ่งพวกเขาจะอ้างยังไงก็ได้ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้ลูกตายฟรี ยืนยันจะไม่มีการยอมความและจะเดินหน้าทวงความยุติธรรมให้ลูกเพื่อให้เขาไปสู่ภพภูมิที่ดี อย่ามาอ้างว่าเป็นเยาวชนและทำอะไรกับใครก็ได้ ลองคิดดูหากเป็นลูกของคุณจะรู้สึกยังไง ซึ่งเคสของลูกที่ยอมให้เปิดหน้าเพราะอยากให้เป็นอุทาหรณ์กับผู้ปกครองทุกคน
ขณะเดียวกันวันนี้ แม่ยังส่งคลิปความยาวประมาณ 2 นาที ที่มีรูปคู่กับน้องเวีย ซึ่งแม่เป็นคนทำคลิปนี้ขึ้นมาโดยในภาพจะมีรูปที่แม่เคยถ่ายคู่น้องเวีย ตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็ก ซึ่งคลิปดังกล่าว แม่ได้ใส่เพลง อิ่มอุ่น เป็นเพลงประกอบรูปภาพ
ส่วนคลิปที่ 2 จะเป็นคลิปที่น้องเวีย ทำให้แม่ในวันแม่ โดยในรูปตามคลิป น้องเสียได้พิมพ์ข้อความเอาไว้ว่า รักแม่ที่สุดในโลก ขอโทษนะแม่ ถ้าลูกคนนี้ทำอะไรไม่ดี ขอให้แม่ยกโทษให้หนู ลูกคนนี้รักแม่ตลอดมา ทุกเวลาไม่ว่าจะเป็นวันไหน ถ้าหยุดยาวตัวลูกน้อยจะกลับไป เอาดวงใจที่สดใสสู่บ้านเรา