ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ เวลา 09.09 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าปฎิบัติงานภายในทำเนียบรัฐบาล วันสุดท้าย โดยเปลี่ยนจากรถหลวงเป็นรถยนต์ส่วนตัวทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร
เมื่อมาถึงขบวนรถนายกฯ ได้จอดบริเวณหน้าศาลพระภูมิเจ้าที่ใกล้บริเวณตึกไทยคู่ฟ้า โดยมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับพร้อมทีมโฆษกรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ทำเนียบ
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้สักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตา ศาลยาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล พร้อมเปิดเผยว่า ตนอธิษฐานให้บ้านเมืองสงบร่มเย็น มีความสุขนะจ๊ะ ช่วยๆ กัน พร้อมยืนยันว่า นายกฯก็ยังทำงานอยู่
ส่วนวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็อย่างนั้นไงถึงได้ลาวันนี้ ฉันยังทำงานอยู่นะ ก็เดี๋ยวเขียนหนังสือข้างนอก” ก่อนที่จะกล่าวย้ำถึง 2 ครั้งว่า “เป็นมารยาท เป็นมารยาท“ โดยก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าได้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้หันกลับมากล่าวกับสื่อมวลชนว่า วันนี้ ขอให้เป็นวันดีๆก็แล้วกัน และวันนี้เป็นวันพระด้วย
ต่อมาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อมาร่วมรับประทานอาหารกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายดอนปรมัตถ์วินัยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายธนกรวังบุญคงชนะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมวงรับประทานอาหารอำลาสื่อฯในการปฏิบัติหน้าที่เป็นวันสุดท้าย
โดยทันทีที่เดินทางมาถึงยังบริเวณหน้ารังผู้สื่อข่าว พลเอกประยุทธ์ ได้เบรกสื่อมวลชน ว่า วันนี้คุยแต่เรื่องสนุกสนานก็พอ การเมืองไม่ต้องคุยกัน เพราะคุยกันมา 9 ปีแล้ว ทะเลาะกันไปบ้างก็เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ก็ทำงานเป็น พูดไม่เพราะบ้างอะไรบ้างก็ตามสไตล์ หลังจากนี้ตนคงนิ่งสักระยะ ไปเที่ยวถูกหรือเปล่ายังไม่รู้ เพราะที่ผ่านมานั่งรถจากบ้านมาทำเนียบทุกวัน ชีวิตเราหายไป 9 ปี ก็อยากอยู่กับครอบครัว สถานการณ์มันก็เปลี่ยนไป ตามสภาวะซึ่งขณะนี้ ก็สงบเรียบร้อยในระดับที่น่าพอใจ หากพวกเราช่วยกันรักษามันก็ไปได้ เราต้องทำให้ต่อเนื่อง วันนี้ไม่ขอวิจารณ์ หลังจากนี้ตนก็จะปฏิบัติหน้าที่ยังบ้านพัก จนกว่า ครม.ชุดใหม่จะถวายสัตย์ปฏิญาณ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงนายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เดินทางมาพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า แล้วถามถึงห้องนอน พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า
"แล้วแต่ท่าน ถ้าจะนอนก็มีห้องเล็กๆอยู่ ซึ่งหากงานเยอะ งานสำคัญ ก็แล้วแต่ท่าน แต่ตนไม่เคยนอน เพราะพวกเธอมารบกวนนอนไม่หลับ พูดผิดไปตนก็โมโห แล้วก็กลับมาเสียใจ พร้อมกับยกตัวอย่างนายอนุทินสายหวานไม่เคยทะเลาะกับใคร พูดจาดีตลอด ส่วนฉันสายดาร์ก หรือขี้โมโห มันก็เป็นประจำ อยู่แล้วเพราะเป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว บางทีอาจไม่เหมาะสม แต่เราก็ดูผลงานที่ออกมา เพราะเราเป็นทหารมาก่อน"
เมื่อถามว่า หลังหมดวาระจากนายกรัฐมนตรีไปจะไม่เหงาใช่หรือไม่ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เหงา เป็นคนช่างคิดช่างอ่าน เพราะตนเองชอบอ่านหนังสือไปเรื่อย และเลี้ยงสุนัข ขอพักสมองบ้าง เนื่องจากเจอเอกสารมา9 ปี ส่วนเพลงที่ตนเองแต่งย้ำว่าชอบทุกเพลงเพราะมันเป็นสิ่งที่เคยทำมา ร้อยเรียงจากบทกวีเขียนจากถ้อยคำที่ต้องพูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาปลุกเร้าอารมณ์ ให้มีจิตใจในการสู้รบมีสาระบ้าง ตลกบ้าง วันนึงพูดได้เป็น 2- 3 ชั่วโมง พร้อมเผยเทคนิคการแต่งเพลง ต้องเขียนเนื้อก่อนค่อยเอาทำนองมาใส่ ซึ่งต่างจากคนอื่นที่มีทำนองก่อนแล้วค่อยใส่เนื้อเพลง
อย่างไรก็ตามพลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวถึง การบริหารราชการ ว่า ต้องระมัดระวัง ในการใช้อำนาจ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย นี่คือวิธีการทำงานของเรามีกระบวนการยุติธรรมมีอำนาจตุลาการนิติบัญญัติเขาก็มีอำนาจของเขาเราไม่สามารถไปก้าวล่วงได้เราต้องเคารพตรงนี้
เมื่อสื่อถามย้ำว่างานอดิเรกจากนี้ไปของพลเอกประยุทธ์ นอกจากอ่านหนังสือแล้ว จะมีการเขียนหนังสือหรือไม่ พลเอกประยุทธ์กล่าวว่าขอคิดดูก่อน ขอพักสมองบ้าง เพราะเจอกับหนังสือมา 9 ปีแล้ว
ขณะที่พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึงเพลงที่แต่ง ว่า ตนชอบทุกเพลงที่แต่งมา เพราะมีความหมายสำหรับเรา เราไม่ใช่กวี แต่เราทำได้ก็เลยทำ ภาษาไทยเราก็ได้ดีเพราะแม่เป็นครู เวลาประชุมทหารก็มีกลอนมีกวีตลกบ้างอะไรบ้าง แล้วก็ปลุกใจน้องๆทหารเด็ก เพราะไม่เช่นนั้นเวลาไปถึงสนามรบแล้วอ่อนแอ จะไม่สามารถสู้รบได้ แต่ที่ชอบสุดคือ "เพลงสะพาน" เนื่องจากได้แรงบันดาลใจมาจาก การข้ามสายน้ำที่เกรี้ยวกราด Bridge over Troubled water พร้อมบอกให้สื่อมวลชนเปิดเพลงสะพานและฮัมเพลงตาม
ส่วนเพลง "เราจะทำตามสัญญา" พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า "หลายคนยังเอามาพูด ตอนนั้นก็คิดอย่างนั้นจริงๆ ไม่ได้คิดจะมาถึงตอนนี้หรอก ก็รู้ว่าเข้ามาอย่างไร สถานการณ์เป็นอย่างไร ถ้ามันเรียบร้อยฉันก็ไปนานแล้ว ถ้ามันสงบเรียบร้อย ไม่มีปัญหาก็ไม่ได้ตั้งใจอยู่มาถึงขนาดนี้หรอก 4 ปีแรก 4 ปีหลังอย่าลืมว่าเข้ามาด้วยอะไร ไม่ใช่พูดอยู่อย่างนั้นแหละไม่ยอมเลิกสักที ต้องไปดูว่าตอนนั้นเกิดอะไร ขึ้นบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อกันเป้าหมายฉันมีแค่นั้น"
จากนั้นพลเอกประยุทธ์ ได้ขึ้นไปสักการะศาลพระพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่กับตึกไทยคู่ฟ้า ในเวลา 13.00 น. ก่อนที่จะลงมาพบข้าราชการที่มารอส่ง กว่า 100 คน เนื่องจากพลเอกประยุทธ์ จะเข้าทำงานที่ทำเนียบวันสุดท้าย
โดยพลเอกประยุทธ์ กล่าวกับข้าราชการ ว่า อะไรที่ทำให้ไม่สบายใจ ไม่พอใจไม่ได้ตั้งใจแบบนั้น ก็ขอให้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและวิสาหกิจ เข้มแข็งเดินหน้าต่อไป จากนั้น พลเอกประยุทธ์ร้อง "เพลงคำสัญญา" ให้ข้าราชการและเปิดเพลงด้วยรักและผูกพันธ์ จากนั้นข้าราชการได้ร้องเพลงศรัทธาให้กับพลเอกประยุทธ์อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นภาพบรรยากาศที่ชื่นมื่น หลายคนนำดอกกุหลาบมามอบให้พลเอกประยุทธ์ เพื่อเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย
จากนั้นได้เดินออกจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อไปทักทายกับบรรดาแฟนคลับ ที่มารอบริเวณข้างสนามหญ้าข้างตึกไทยคู่ฟ้ากว่า 50 คน
ช่วงหนึ่งพลเอกประยุทธ์ ได้หันกลับมามองพร้อมกวาดสายตามองรอบตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกับยกมือไหว้ และเดินไปทักทายกับประชาชน โดยแฟนคลับที่มารอต่างตะโกนเรียกชื่อ"ลุงตู่" เสียงดังกึกก้องทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ เปิดเผยหลังทักทายประชาชนว่า "รู้สึกดีใจที่หลายคนเข้าใจการทำงานและเราก็ทำทุกอย่างมาเพื่อให้พวกเขามาโดยตลอด และก็ต้องทำงานเดินหน้าต่อไปให้ได้"
อย่างไรก็ตามก่อนที่พลเอกประยุทธ์ จะขึ้นรถ
เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ ได้สวมกอดกับนายพีระพันธุ์ สารัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนขึ้นรถผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นว่า พลเอกประยุทธ์ ตาแดงและเหมือนจะมีน้ำตาซึม
จากนั้นรถของพลเอกประยุทธ์ ก็เคลื่อนออกจากทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ ได้เปิดกระจกโบกมือลาครั้งสุดท้าย ให้กับข้าราชการประจำทำเนียบและบรรดาแฟนคลับตลอดเส้นทาง ซึ่งถือว่าเป็นการลาแล้ว ของ"รัฐบาลบิ๊กตู่" ที่บริหารประเทศมานานกว่า 9 ปี
ภายหลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ช่อง YouTube ไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นช่องทางของสำนักโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่คลิป MV เพลงความฝันอันสูงสุด รวบรวมภารกิจตลอด 9 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมเสียงคำกล่าวระบุว่า "รักก็คือรัก รักด้วยหัวใจ รักด้วยสมอง รักด้วยปัญญา ทำให้โลกเราน่าอยู่ นั่นคือสิ่งที่ทำให้โลกเราน่าอยู่ โลกเราสามัคคี วันนี้มีอันตรายมากมายที่เกิดขึ้น ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เราจะต้องรักกัน ถ้าตราบใดที่คน 60 กว่าล้านรักกัน ประเทศไทยไปได้แน่ๆ"
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวก่อนเป็นประธานประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกฯ ว่า "ห้ามถามการเมืองนะ ไม่เล่นการเมืองแล้ว เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียว ไม่ได้เล่นการเมือง"
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียวแล้วในตำแหน่ง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พล.อ.ประวิตร กล่าวทันทีว่า "เดี๋ยวก็จะลาออก คนอื่นก็ทำไป"
เมื่อถามถึงความชัดเจนว่าจะลาออกเมื่อไหร่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว
เมื่อถามย้ำว่า จะยังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียวใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ใช่ อย่างเดียว"
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและกล่าวอวยพรสื่อ อย่างอารมณ์ดี " โอเคนะ โชคดีนะทุกคน โชคดีจ๊ะ" จากนั้นเดินทางเข้าห้องรับรอง และเมื่อออกจากห้องรับรอง ได้เอ่ยปากชวนผู้สื่อข่าวมาถ่ายรูปรวมกันทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หาก พล.อ.ประวิตร ลาออกจากส.ส. บัญชีรายชื่อ ผู้ที่จะขยับขึ้นมาเป็นสส.แทน คือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค พปชร.ที่มีชื่อเป็น รมช.สาธารณสุข แต่หากนายสันติ ไม่รับตำแหน่ง ก็จะเป็นคิวของนายชัยวุฒิ ธนาคณานุสรณ์ ลำดับที่ 3
บิ๊กป้อมกล่าวต่อว่าสำหรับการเมือง เป็นหน้าที่คนอื่น ตนทำมาเยอะแล้ว
เมื่อถามย้ำว่าทำมาเยอะแล้วและอยากทำต่อหรือไม่ ก่อนผู้สื่อข่าวจะแซวว่า ทำอยู่ ทำต่อ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ทำอยู่ ทำต่อ หมายความว่าอย่างไร
ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า หมายถึงทำให้ประเทศ พลเอกประวิตร กล่าวว่า "ผมทำมาเยอะแล้ว ผมทำให้พรรคบ้าง"