วันนี้ (31 ส.ค. 2566) เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม นายนิรันดร์ ทีมงานเพจสายไหมต้องรอด พร้อมนายกำพล และนางดวงพร ครอบครัวของนายอนุชา ผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษหรือ 191 ออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหามาผิดคนก่อนจะถูกส่งตัวเข้าไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จากนั้นครอบครัว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนที่ศาลจะพบว่าเป็นการออกหมายจับผิดตัวจึงอนุญาตให้ปล่อยตัวนายอนุชาออกมาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา
ภายหลังจากที่นายอนุชา ผู้เสียหายได้รับการปล่อยตัวจากเรือน เมื่อเดินมาถึงบริเวณด้านหน้าประตูเรือนจำ ได้โผกอดพ่อ-แม่ และก้มลงกราบเท้า พร้อมกับยกมือไหว้
ซึ่งผู้ต้องหาตัวจริงทราบชื่อนายภูวดล อายุ 26 ปี เป็นเพื่อนนายอนุชา โดยเหตุการณ์กระทำผิดเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 23 ส.ค.63 นายภูวดล ขับรถฮอนด้า แจ๊ส สีเทา ไม่ติดแผ่นป้าย ถูกตำรวจ บก.สปพ. เรียกตรวจค้นพบพิรุธรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วงส่งตรวจหาเสพติดพบมีสารเสพติดประเภท1อยู่ในร่างกาย
เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเสพสารเสพติดประเภท 1 ขณะขับขี่ วันเกิดเหตุนายภูวดลอ้างไม่ได้นำบัตรประชาชนติดตัว อ้างว่าตัวเองชื่อนายอนุชา ถูกพิมพ์ลายนื้วมือ วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่นำตัวไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาล และทราบภายหลังว่าแม่ของผู้ต้องหาไปขอบัตรประชาชนของนายอนุชามาอ้างว่าเพื่อมาใช้เป็นหลักฐานประกันลูกชาย แต่เมื่อได้บัตรมาแล้วนำให้นายภูวดลให้เป็นหลักฐานว่าชื่อนายอนุชาตามที่ระบุไว้ครั้งแรกและวันนั้นมีคนมาขอยื่นประกัน 2 หมื่นบาท นายภูวดลถูกปล่อยตัวชั่วคราว ต่อมาไม่มารายงานตัวตามศาลนัด ศาลออกหมายจับชื่อในบัตรประชาชน
ด้าน พรพรรณ พี่สาวของนายอนุชา บอกกับทีมข่าวของเราว่า สิ่งที่น้องชายได้รับ ไม่ใช่แค่การถูกยัดเยียดข้อหา และติดคุกฟรี แต่ยังรวมไปถึงสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ ไม่เหมือนนายอนุชาคนเดิม ซึ่งเมื่อประเมินจากอาการแล้ว น้องชายมีอาการนอนไม่หลับ ปรับตัวกับการออกมาใช้ชีวิตไม่ได้ อาจถึงขั้นอยากให้แพทย์ช่วยตรวจประเมินด้านสุขภาพจิต จึงทำการพูดคุยกับน้องชาย แต่น้องชายไม่ตอบ
อีกอย่างหนึ่งที่น้องชายเปลี่ยนไป คือไม่นึกว่า น้องชายจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ ว่าทำไมอยู่ๆ น้องชายออกมาแล้ว ถึงไม่อยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง จึงมีการเปิดใจพูดคุยกัน น้องชอบตอบว่า อยากให้เรื่องจบ ไม่อยากต้องเข้าไปในห้องพิจารณาคดีหรือไปที่ศาลอีกครั้งหนึ่งเพราะจะทำให้นึกถึงภาพเหตุการณ์เก่าที่แผลในใจของตัวเอง จึงไม่อยากเรียกร้องความเป็นธรรมและไม่อยากไปขึ้นศาลเพื่อเรียกร้องอะไรอีก น้องชายบอกแค่ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้เรื่องจบแล้วไม่ต้องไปขึ้นศาล เพื่อไม่ให้ความทรงจำที่ไม่ดีย้อนกลับมาอีก