จากคดีสะเทือนขวัญ คนร้ายก่อเหตุฆ่าทุบหัว นายอนันตศิลป์ อายุ 63 ปี หรือ "ป๋าสาร์จ" ผู้กว้างขวางเงินกู้นอกระบบในจังหวัดลำปาง ภายในบ้านพัก ต.ปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง

โดยผู้ก่อเหตุ คือ นายจรัล (ต๋อง) อายุ48ปี ประกอบอาชีพขายบะหมี่เกี๊ยว ซึ่งเป็นลูกหนี้ผู้ตายด้วย 20,000 บาท โดยถูกตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ขณะหลบหนีในโรงแรมแห่งหนึ่ง จ.พะเยา

โดยวันนี้ ตำรวจคุมตัวนายต๋อง ไปค้นบ้าน โดยใช้อาวุธเป็นท่อนเหล็กยาว 18 ฟุต ที่ใช้ก่อเหตุ ไปทิ้งไว้ที่ป่าข้างบ้าน

โดยมีกระเป๋าเงินของป๋าสาร์จ จึงเป็นหลักฐานที่ใช้มัดตัวผู้ต้องหา

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้เดินทางมาสอบปากคำนายต๋องด้วยตัวเอง ที่ สภ.เขลางค์นคร

โดยนายต๋อง ให้การสารภาพกับรองผู้บัญชาการ ทุกข้อกล่าวหา และยินดีให้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ประเด็นเรื่องหนี้สิน เบื้องต้น นายต๋อง อ้างว่าติดหนี้ป๋าสาร์จ ก่อนจะลงมือก่อเหตุจำนวน 50,000 บาท ส่วนทรัพย์สินของป๋าสาร์จที่นำติดตัวไปด้วยได้นำทองรูปพรรณ 10 บาทของป๋าสาร์จไปขายที่ร้านทองได้เงินมา 250,000 บาท ซึ่งหลังจากได้เงิน ก็นำเงินไปใช้หนี้เจ้าอื่นที่ติดอยู่ และได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปไถ่ถอนรถจักรยานยนต์ 2 คันที่นำไปจำนำเอาไว้ก่อนก่อเหตุ ซึ่งเหลือเงินติดตัวไปในการหลบหนีประมาณหมื่นกว่าบาท

จนกระทั่งเมื่อมีการสอบปากคำเสร็จ ระหว่างที่ตำรวจกำลังนำตัวขึ้นไปยังห้องแถลงข่าว ทีมข่าวได้มีโอกาสสอบถามกับนายต๋องถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่นายต้อง ไม่ค่อยพูด และตอบเพียงบางคำถาม ซึ่งนายต๋อง อ้างว่าปมเหตุมีเรื่องเดียวคือเรื่องเงิน ยอมรับที่ผ่านมาที่ต้องเป็นหนี้เป็นสิน เนื่องจากเอาเงินไปเล่นการพนัน และมีหนี้สินอย่างอื่น ยอมรับตั้งใจไปก่อเหตุ เพราะเก็บความแค้นสะสมไว้ในใจหลายอย่าง สำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังเกิดเหตุไม่ได้ตั้งใจจะหนีไปไหน แค่ไปตั้งหลักที่บ้านเพื่อน และตั้งใจว่าจะเข้ามอบตัวกับตำรวจ แต่ตำรวจตามไปจับได้เสียก่อน

จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายต๋อง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจุดแรกที่ตำรวจนำตัวนายต๋อง ไปทำแผน ก็คือบ้านของป๋าสาร์จ ซึ่งบรรยากาศก่อนที่ตำรวจจะนำตัวนายต๋อง ลงจากรถ มีตำรวจในเครื่องแบบประมาณ 20 นาย ได้ยืนกันพื้นที่เอาไว้ 2 ด้าน ก็คือบริเวณหน้าบ้านของป๋าสาร์จ ซึ่งจะมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งยืนรอดูการทำแผน ส่วนอีกด้านก็คือที่ข้างบ้านของป๋าสาร์จ มีชายฉกรรจ์ และผู้หญิงซึ่งเป็นลูกน้องของป๋าสาร์จ ประมาณ 10 คนยืนรอดูการทำแผน

จนกระทั่งเมื่อตำรวจแน่ใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น จึงเริ่มนำรถของนายต๋อง ซึ่งเป็นรถคันเดียวกันกับที่นายต๋องขี่มาก่อเหตุลงไปจอดในรั้วบ้าน จากนั้นก็ได้นำตัวนายต๋อง ลงจากรถไปยืนชี้จุดที่มีการนำท่อนเหล็กขนาด 18 ฟุต ทำร้ายร่างกายป๋าสาร์จ ตามภาพในวงจรปิด ซึ่งในการทำแผน นายต๋อง ได้ทำท่าทางให้ตำรวจดูว่าตอนก่อเหตุใช้ท่อนเหล็กตีไปที่ท้ายทอยของป๋าสาร์จ 3 ครั้ง จากนั้นเมื่อป๋าสาร์จแน่นิ่ง ก็ได้กวาดทรัพย์สินของป๋าสาร์จใส่กระเป๋าสะพายของป๋าสาร์จ ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะแล้วก็เดินไปขึ้นรถขี่หลบหนีไปที่บ้าน

ซึ่งหลังจากทำแผนในจุดแรกเสร็จ ในขณะที่ตำรวจกำลังคุมตัวนายต๋อง ออกไปทำแผนในจุดที่ 2 ปรากฏว่านายหนุ่ม (นามสมมติ) ก็พยายามเดินปรี่เข้าไปหานายต๋อง แต่ผ่านตำรวจที่ยืนกันพื้นที่ไปไม่ได้ นายหนุ่ม ก็เลยตะโกนต่อว่านายต๋อง เพราะแค้นที่มาทำร้ายป๋าสาร์จจนเสียชีวิต

นอกจากนี้ ยังมีอีกคนส่วน นายอินสม อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนที่พานายต๋องหลบหนี เมื่อคืนนี้หลังตำรวจไปจับกุมนายต๋อง เจ้าตัวบอกกับทีมข่าวว่า หลังนายต๋อง ก่อเหตุ นายต๋อง ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปหาที่บ้าน หลังจากนั้นตนเองก็ซ้อนรถนายต๋องออกมา โดยคืนแรกนายต๋อง ได้ขี่รถพาไปนอนที่จังหวัดลำพูน จากนั้นพอตื่นมานายต๋องก็พาไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ตนเองนอนค้างคืนไม่ได้ เนื่องจากวันที่ 2 เป็นวันเกิดลูกตนเอง ก็เลยชวนนายต๋อง กลับมาเปิดรีสอร์ต นอนในตัวเมืองจังหวัดพะเยา กระทั่งตำรวจตามไปจับกุม

ขณะเดียวกัน มีภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพนายต๋องอยู่กับนายอินสม โดยเป็นภาพขี่รถจักรยานยนต์ไปเที่ยว

โดยในช่วงการทำแผนประกอบคำรับสารภาพวันนี้ ตำรวจคุมตัวนายอินสม มาร่วมชี้จุดด้วย เพราะนายอินสมมีส่วนร่วมกับนายต๋อง ขี่รถจักรยานยนต์ไปกับนายต๋อง

ซึ่งนายอินสม ให้การกับตำรวจว่า หลังจากนายต๋อง มายืนเรียกหน้าบ้าน เจ้าตัวได้เข็นรถออกไปตรงหน้ารั้ว ซึ่งจะมีนายต๋อง เป็นคนเปิดประตูรั้วให้ จากนั้นเมื่อนำรถออกไปที่หน้าบ้าน คนที่เป็นคนขี่รถไปตามเส้นทางหลบหนีคือนายต๋อง ซึ่งจะมีนายอินสม ซ้อนท้ายไปตามเส้นทางกระทั่งไปถูกตำรวจจับที่จังหวัดพะเยา

จากนั้นได้เดินทางไปรับลูกน้อง คือนายอินสม อายุ 50 ปี ที่เคยดูแลโต๊ะสนุ๊กให้กับต๋อง ที่บ้าน จากนั้นก็ได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนี ไปที่จังหวัดลำพูนซึ่งได้เปิดห้องพักที่โรงแรมม่านรูดนอน1คืน จากนั้นเช้าวันที่30ส.ค.66 ก็ได้เดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ และเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านตัวเมืองเชียงใหม่ อีกหนึ่งคืน จนเช้าวันที่31ส.ค.66 หลังจากเช็กเอ้าต์ ก็ได้ขับรถจยย. ไปตามเส้นทาง เชียงใหม่-เชียงราย เพื่อเดินทางไปยังจ.พะเยา จนมาถูกจับพร้อมกับเพื่อนได้ที่หอพักแห่งหนึ่งในตัวเมืองพะเยา

เบื้องต้นนายอินสม ยืนยันไม่ได้พานายต๋องหนี เพราะนั่งซ้อนท้ายนายต๋อง ส่วนจะสมรู้ร่วมคิดในการพาหนีหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมของตำรวจ แต่เบื้องต้นนายอินสมถูกแจ้งข้อหาเสพยาเสพติด เพราะตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง

นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นภาพช่วงนายต๋อง เข้าไปก่อเหตุ ซึ่งจะเห็นว่า ก่อนจะเกิดเหตุ นายต๋อง ได้ขี่รถไปจอดที่หน้าบ้านของป๋าสาร์จ ในเวลา 13.38 น. จากนั้นเมื่อนายต๋องไปถึง ก็ได้มีการยืนเกาะรั้วตะโกนเรียกป๋าสาร์จ มาจากนอกบ้าน ซึ่งจะเห็นว่า ในขณะที่เรียกแล้วป๋าสาร์จ ไม่ออกมาเปิดประตูให้ นายต๋องได้เดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าประตูรั้วอยู่ประมาณ 1 นาที

กระทั่งในเวลา 13.39 น. ก็จะเห็นว่าป๋าสาร์จ ได้เดินถอดเสื้อใส่กางเกงขาสั้นสีออกม่วงๆเดินไปเปิดประตู ทำให้นายต๋อง เข็นรถเข้ามาจอดในบ้าน แล้วก็ไปก่อเหตุตามภาพวงจรปิดที่สื่อได้ไปก่อนหน้านี้

ส่วนวงจรปิดถัดไป จะเป็นภาพนิ่งจากวงจรปิด ที่จะเห็นว่า หลังจากนายต๋อง ก่อเหตุเสร็จ นายต๋อง ได้ขี่รถหนีออกไปตามทางตรงซอยข้างบ้านของป๋าสาร์จ ซึ่งขากลับเจ้าตัวจะไม่สวมทั้งหมวกกันน็อกและหมวกแก๊ป

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวช่อง8 ลงพื้นที่ไปยัง วัดใหม่จันทราราม ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ นายอนันตศิลป์ หรือป๋าสาร์จ

โดยทีมข่าวได้นั่งพูดคุยกับ นางลาวัน ภรรยาของป๋าสาร์จ เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โดย นางลาวัน เล่าว่า ถ้าได้อยู่ตอนทำแผน อยากจะเอาเท้าถีบหน้านายต๋องสักที และมันจะรู้ไหมว่าหลานวัย3ขวบ จะต้องทรมานเดินทางมาแล้วนอนหน้าโลงศพของตาเขาแล้ว ร้องว่า "อยากนอนกับตา ตาหายรึยัง"

"เบื้องต้นตอนนี้ทราบแล้วว่าคนร้ายคือ นายต๋อง ซึ่งตนก็แปลกใจว่ามำไม นายต๋องถึงทำได้ขนาดนี้ เพราะตนก็จะรู้จักกับนายต๋องเพียงผิวเผิน แต่ป๋าสาร์จ จะมีความคุ้นเคยมากกว่า ซึ่งนายต๋องนั้นเป็นพ่อค้าบะหมี่เกี๊ยว และเคยมากู้เงินกับป๋าสาร์จ โดยกู้ไป 20,000 บาท ซึ่งป๋าสาร์จ ก็มองว่านายต๋องเป็นคนดี และไว้ใจ จึงให้เข้าไปในบ้าน ซึ่งปกติแล้วจะไม่เคยให้ใครเข้า

แต่ตนคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ นายต๋อง มาก่อเหตุคือต้องการชิงทรัพย์ เพราะนายต๋องจะเป็นคนที่เป็นหนี้คนอื่นไปทั่ว และเป็นหนี้เยอะ" คุณลาวัน กล่าว