จากกรณีที่หน่วยกู้ภัยนทีธรรมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบร่างผู้เสียชีวิตนอนอยู่บริเวณหลังบ้าน สภาพร่างผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้าไม่สวมใส่เสื้อผ้าทราบชื่อต่อมาคือ นายเคียงฮี อายุ 86 ปี คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน และข้างกันพบคุณยายทราบชื่อ นางสมศรี อายุ 62 ปี เป็นภรรยาของคุณตา และยังเป็นโรคอัลไซเมอร์นั่งเฝ้านอนเฝ้าคุณตาไม่ห่างถึงแม้จะไม่ทราบว่าสามีเสียชีวิต

ล่าสุดผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาที่บ้านหนองตอ ตำบลนาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ พบว่าชาวบ้านหนองตอ ได้ช่วยกันจัดพิธีฌาปนกิจศพนายเคียงฮี เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานนี้

ต่อมาเราได้ไปคุยกับนางสมศรี ภรรยาของคุณตาที่เสียชีวิตและป่วยเป็นอัลไซเมอร์ โดยมีนางยิ้ม อายุ 64 ปี เพื่อนบ้านและชาวบ้านช่วยเราสอบถามนางสมศรี เนื่องจากนางสมศรีจะไม่ค่อยให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้

ในระหว่างที่คุยชาวบ้านก็จะถามนางสมศรีว่า ชื่ออะไร นางสมศรีตอบว่า"ชื่อและ" จากนั้นชาวบ้านก็ถามหาลูกชายคนกลาง"นายสมบัติไปไหน" นางสมศรี ตอบว่า"ไม่รู้ไปไหน"

ต่อมาชาวบ้านถามอีกว่าคุณตาไปไหน" "รู้ไหมว่าคุณตาไปไหน" นางสมศรีก็จะตอบชาวบ้านว่า"ไม่รู้ไม่รู้" ชาวบ้านก็ถามต่อว่า "ตาได้บอกไหมว่าไปไหน" นางสมศรีก็จะตอบว่า"ไม่รู้"

ชาวบ้านถามต่อว่ายายจะไปอยู่ไหนไปอยู่กับลูกๆไหมหรือจะไปอยู่เชียงใหม่ ซึ่งนางสมศรีตอบว่า"รอลูกก่อน"

จากนั้นชาวบ้านจะช่วยนางสมศรีอาบน้ำ เนื่องจากตั้งแต่วันที่นายเคียงฮีเสียชีวิต นางสมศรียังไม่ได้อาบน้ำ อีกทั้งเสื้อผ้าบางส่วนของนางสมศรีก็เปื้อนเลือดและน้ำเหลืองของสามี แต่นางสมศรีก็ปฏิเสธและบอกว่า"รอลูกมาก่อน"

ต่อมาเราก็ได้พูดคุยกับนางสมศรี บ้างเล็กน้อย ก็สอบถามว่ารู้ไหมว่าตาไปไหน ซึ่งยายก็จะตอบคำถามแบบเดิมๆคือ"ไม่รู้" เราถามว่า"ยายกินข้าวยัง" ยายก็ตอบว่า"กินแล้ว"


ต่อมานางยิ้ม อายุ 64 ปี เพื่อนบ้านได้เปิดเผยกับเราว่า นางสมศรี อายุ 62 ปี และนายเคียงฮี อายุ 86 ปี เป็นชาวกรุงเทพ โดยทั้งสองสามีภรรยาย้ายมาอยู่ที่บ้านหนองตอ เมื่อช่วงประมาณ 16-17 ปีก่อน เนื่องจากนายศักดิ์ นามสมมุติ ลูกชายคนเล็ก มาแต่งงานมีภรรยาชาวบ้านหนองตอ ก่อนจะเลิกรากันไป จากนั้นนายศักดิ์ก็ไปทำงานอยู่กรุงเทพ ส่วนลูกชายคนโต ซึ่งเป็นสาวประเภทสองตนเองไม่เคยเห็นสักครั้ง โดยบ้านหลังดังกล่าวจะมีนางสมศรี สามีและลูกชายคนกลาง ซึ่งกลายเป็นคนเร่ร่อนสติไม่ดี แต่ส่วนใหญ่จะมีแค่นางสมศรีและนายเคียงฮี อยู่อาศัย 2 คน

นางยิ้ม บอกว่า สมัยช่วงที่สองสามีภรรยาย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ นางสมศรีจะเป็นคนที่สวยมาก ส่วนนายเคียงฮีจะเป็นคนอัธยาศัยดี พูดจาเพราะ โดยเมื่อก่อนนางสมศรียังไม่ป่วยหนัก แต่เคยได้ยินนางเคียงฮี เล่าให้ฟังนานแล้วว่าภรรยาป่วย เนื่องจากสูญเสียลูกคนแรก จนกระทั่ง 4-5 ปีที่ผ่านมา นางสมศรีป่วยหนัก เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง และจำใครไม่ค่อยได้ จำได้แค่นายเคียงฮีคนเดียว มักจะปิดประตูหน้าบ้านไม่ให้คนอื่นไปรบกวนอยู่ตลอดเวลา นายเคียงฮีผู้ตายจะดูแลภรรยาเป็นอย่างดี ทั้งอาบน้ำ แต่งตัวให้ จึงทำให้นางสมศรีเชื่อฟังและเชื่อใจแค่สามีคนเดียว ส่วนอาหารการกินลูกชายก็จะโทรสั่งร้านค้าให้นำอาหารมาส่งให้พ่อกับแม่ พอตนเองเห็นนางสมศรีแล้วรู้สึกสงสาร เพราะสามีเสียชีวิตแล้วก็ไม่รู้ใครจะมาดูแลนางสมศรี เพราะลูกๆก็ไม่มีใครกลับมาเยี่ยมพ่อกับแม่สักครั้ง


ด้านนายทัชชา อ่อนกาสิน อายุ 54 ปี กำนันตำบลนาสวรรค์ เล่าว่า ปกติทั้งคู่จะปิดล็อกบ้านเงียบ ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งหรือเข้าใกล้บ้าน วันเกิดเหตุตนเองพยายามติดต่อลูกๆของนายเคียงฮี เพื่อแจ้งข่าวการตายของนายเคียงฮี โดยได้โทรศัพท์ติดต่อไปหาลูกชายคนโต แต่ลูกชายคนโตของนายเคียงฮี อ้างว่า ป่วยอยู่โรงพยาบาลไม่สามารถเดินทางมาจัดงานศพได้

ส่วนลูกชายคนเล็ก อ้างว่า ไม่สามารถเดินทางมาจัดงานศพได้เช่นกัน ให้ชาวบ้านจัดการได้ทันทีเลย ชาวบ้านจึงได้จัดงานศพให้กับนายเคียงฮีจนแล้วเสร็จ ก็ยังไม่เห็นลูกๆของผู้ตายกลับมาบ้าน

ตนเองเป็นห่วงว่าหลังจากที่นายเคียงฮีเสียชีวิตจะไม่มีใครดูแลนางสมศรี เพราะลูกชายคนกลางที่อยู่กับทั้งคู่ ก็เป็นคนเร่ร่อน นานๆถึงจะกลับมาบ้าน
ซึ่งล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ (1กย.66) ตนเองติดต่อลูกๆ ของนายเคียงฮีไปอีกครั้ง ว่าจะทำอย่างไรกับแม่ ซึ่งลูกชายของผู้ตายบอกว่าให้ตนเองติดต่อบ้านพักคนชราให้เพื่อที่จะนำนางสมศรีไปไว้ที่บ้านพักคนชรา และให้จัดการขายบ้านทันที ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจว่าลูกลูกของนางสมศรีจะกลับมารับนางสมศรีไปดูแลหรือไม่

เวทนายายอัลไซเมอร์ เฝ้าศพผัว 3 วันไม่รู้ตาย เศร้าลูก 3 คนให้ส่งบ้านคนชรา