จากกรณีที่เพจโหดจังจังหวัดภูเก็ต ได้โพสต์คลิปจำนวน 3 คลิ๊ป ที่มีกลุ่มวัยรุ่นกำลังมีปากเสียงทะเลาะวิวาทตบตีกันในบาร์เหล้าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จ.ภูเก็ต
โดยมีข้อความว่า "สดจัง - อ้างเป็นญาติ กำนัน คนดัง กินเหล้า ทำเก้าอี้ร้านหัก เช็กบิล 6000฿ กว่า บวก เก้าอี้ 1000฿ กว่า ไม่พอใจ รุมอัดผู้หญิงเจ้าของร้าน แจ้งความไม่คืบหน้าผู้เสียหายบอก เส้นใหญ่ เลยร้องเรียนเพจข่าวท้องถิ่นโหดจัง-จังหวัดภูเก็ต ให้ช่วยเหลือด่วน ใครผิดใครถูกก็ว่ากันไป
ล่าสุด น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ. ฉลอง เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 00.50 น. ตนเป็นเจ้าของร้านบาร์ที่เกิดเหตุ ได้ทำการเรียกเช็กบิลกับลูกค้าโต๊ะหนึ่ง ลูกค้าเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) ซึ่งเป็นเวลาที่ร้านใกล้จะปิด เมื่อตนได้ยื่นยอดเช็กบิลค่าดื่มเป็นจำนวนเงิน 6,220 บาท ให้กับลูกค้าโต๊ะนั่น ลูกค้ามีอาการโวยวายโดยไม่ยอมจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มตามยอดบิลให้กับตน และได้เริ่มมีปากเสียงกัน หลังจากนั้นลูกค้าสามีภรรยาคู่นั้นได้เข้ามาทำร้ายร่างกายตน โดยกระชากผมของตน และลูกค้าได้เอาขวดเหล้าเข้ามาตีบริเวณต้นคอของตน ตนรู้สึกไม่ปลอดภัยและหวาดกลัว จึงเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน เพื่อที่จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ในขณะเดียวกันลูกค้าโต๊ะที่สอง ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน ได้ขอบิลโต๊ะที่หนึ่งไปดูและแสดงอาการไม่พอใจที่ตนคิดเงินในราคา 6,000 กว่าบาท กับโต๊ะที่ 1 จึงหาเรื่องตบตีตนเอาขวดเหล้าตีหัวตน และผู้เป็นภรรยาจับตนให้ สามีเอาขวดเหล้าตีหัวตน 1 ที และจะตีซ้ำอีกเป็นครั้งที่ 2 แต่ดีที่มีคนมาห้ามไว้
พฤติกรรมของสามีและภรรยาคู่นี้ มีกล้องวงจรปิดของร้านบันทึกไว้ทั้งหมดอย่างชัดเจน จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี ร้องทุกข์กล่าวโทษ กับชายหญิงซึ่งเป็นสามีภรรยากันคู่นี้ ให้ถึงที่สุด กลับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรฉลอง ต่อไป
เมื่อและต่อมาตนไปแจ้งความเอาผิดกับสองสามีภรรยาที่ทราบภายหลังว่าเป็นน้องชายของกำนันคนหนึ่ง ในตำบลราไวย์ โดยเมื่อกลางดึกของวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมาได้มีลูกค้ามานั่งดื่มเหล้าที่ร้านของตน โต๊ะที่ 1 จำนวน 4 คน ส่วนโต๊ะที่ 2 มีสามีภรรยาคู่หนึ่งซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นน้องชายกำนัน (ซื้อขาย) มานั่งดื่มเหล้าอยู่ด้วยแต่มาที่หลังอยู่ภายใน เมื่อถึงเวลากลางดึกตนก็เรียกเก็บเงินลูกค้าโต๊ะที่1 เป็นเงินจำนวน 6,000 กว่าบาท ลูกค้าโต๊ะที่1 ไม่มีปัญหาอะไรยินดีที่จะจ่ายเงินกับตน
ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ไปสอบถามน.ส.พรรณดารา อายุ 39 ปี และ นายปนัย 2 สามีภรรยาผู้ก่อเหตุ โดยนางสาวพรรณดารา ยอมรับว่าตนและสามี คือคนในคลิปวงจรปิดโดยวันนั้นตนไปที่ร้านอาหารดังกล่าว และได้ทานอาหารและเครื่องดื่มตามปกติ จากนั้นคนในร้านก็มาพูดใส่ว่าให้รีบจ่ายเงิน ทั้งที่ยังไม่ทันดูบิลด้วยซ้ำ โดยบอกว่าค่าอาหารและเครื่องดื่ม 6 พันกว่าบาท ใครจะเป็นคนจ่ายให้จ่ายมาเลยนะ พูดหลายรอบ และจะให้ตนและสามีจ่ายทันที นอกจากนี้ยังได้ถามถึงค่าเก้าอี้ที่หัก โดยบอกว่าถ้ารวมค่าเก้าอี้ก็จะเป็น 7 พันบาท ทั้งที่เก้าอี้ตัวดังกล่าวเป็นพนักงานในร้านที่ทำหักทำพัง ทางร้านก็ต้องรับผิดชอบเอง แฟนของตนจึงบอกไปว่าค่าเก้าอี้ไม่เกี่ยวเพราะพนักงานทำพังแต่ค่าอาหารยืนยันว่าจะจ่ายแน่นอน
ส่วนกรณีที่ที่แฟนของตนเอาบิลไปทุ่มใส่โต๊ะนั้น เป็นเพราะว่าโมโหที่ทางคนในร้านทวงเงินและบอกให้จ่ายตลอดเวลา ทั้งที่ตนและแฟนก็บอกว่าจะจ่ายแน่นอน ส่วนกรณีที่มีการทำร้ายร่างกายกันนั้น ยืนยันว่าต่างฝ่ายต่างก็ทำร้ายกันตนก็โดนทำร้ายเหมือนกัน นอกจากนี้ตนเองยังถูกด่าว่าเป็นโสเภณี (กะหรี่) อีกด้วยและมีหลักฐานทำให้ทางสามีก็ต้องออกมาปกป้องตนเองด้วย และหลังเกิดเหตุทางฝั่งตนเองก็ไปแจ้งความแล้ว
ขณะที่ นาย ปนัย บอกว่าเหตุการณ์วันนั้นตนไม่ได้ตั้งใจไปที่ร้านดังกล่าว แต่ทางเพื่อนโทรตามบอกว่าเงินไม่พอ จึงกดเงินไป 4 พัน พอไปถึงก็นั่งดื่มกับแฟนคนละขวด พอถึงตอนเช็กบิลเขาก็บอกว่าทั้งหมด 6,200 บาท ตนจึงหันไปถามเพื่อนว่ากินอะไรไปบ้างทำไมตั้ง 6,200 เพื่อนก็บอกว่ามี 11 ดริงก์กับเบียร์ 5 ขวด ตนก็เลยบอกว่าดริงก์ละ 180 กับเบียร์ขวดละร้อยมันก็แค่ 2900 ทำไมมันเกินมาจากไหน เพื่อนก็บอกว่าทางร้านคิดค่าเก้าอี้ที่พังด้วย ทั้งที่เก้าอี้นั้นพนักงานในร้านพากันเต้นขย่มกับเพื่อนจนพัง ถ้าตนเอาเก้าอี้ขว้างจนพังตนจะยอมจ่าย
ส่วนที่ทำให้เกิดอารมณ์โมโหก็เพราะทางร้านคะยั้นคะยอให้จ่ายทันที แต่ทางตนต้องการอยากรู้ว่าราคามันเกินมาจากไหน แต่ทางร้านก็ทวงตลอดเวลาจนตนโมโห จากนั้นทางร้านก็ทะเลาะกับแฟนตน จากนั้นแฟนตนเองก็ถีบเจ้าของร้านทำให้พนักงานอีก 4 คนมารุมทำร้านแฟน ก่อนจะแยกย้ายกัน
จากนั้นแฟนของตนกับเจ้าของร้านก็ยืนเถียงกันและด่ากัน โดยจากนั้นทางเจ้าของร้านก็ด่าแฟนว่าเป็นกะหรี่ ทำให้ตนโมโหจนฟิวส์ขาดคว้าขวดจะเข้าไปตี แต่ตนยังไม่ทันได้ตีก็มีคนมาแยกออกไป ส่วนที่ทางเพจบางเพจบอกว่าตนไม่จ่ายตังค์นั้นยืนยันว่าตนจ่ายทุกบาท และไม่เคยอ้างกำนันอย่างที่ถูกกล่าวหา