วันที่ 3 ก.ย. 2566 กรณีวิศวกรหนุ่มรายหนึ่งออกมาเรียกร้องผ่านสื่อ หลังถูกสาวภูเก็ตหลอกให้รักและมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกันมากว่า 1 ปี แต่ต่อมาถูกฝ่ายหญิงอ้างป่วยมะเร็งรังไข่ และมะเร็งปากมดลูก ต้องฉายแสงกว่า 10 ครั้ง ค่ารักษาเหยียบเจ็ดหลัก ด้วยความรักและสงสารอยากให้เขารอดและต้องการให้อยู่สร้างครอบครัวร่วมกัน สุดท้ายทุ่มเงินหมดค่ารักษาพยาบาล ออกเงินลงทุนเปิดร้านอาหาร รวมถึงกู้เงินผ่อนบ้าน เบ็ดเสร็จสูญไปทั้งสิ้น 7.8 ล้านบาท
แต่มาจับโป๊ะได้ตอนที่ฝ่ายหญิงเดินทางขึ้นมาหาที่กรุงเทพฯ จึงพาไปที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อไปตรวจอาการหาเนื้อร้ายดังกล่าวที่ฝ่ายหญิงอ้างมาโดยตลอด จนได้เอกสารจากแพทย์มา ตนจึงแอบส่งเอกสารให้เพื่อนๆ ที่เชี่ยวชาญช่วยกันตรวจสอบ ปรากฏว่า เพื่อนที่เป็นหมอด้วยกันบอกว่าเป็นถุงน้ำดีอักเสบ กับเนื้องอกที่ปากมดลูก โดยที่เนื้องอกนั้นยังไม่ได้ถูกระบุชัดเจนว่าเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็ง เท่ากับว่าสาวภูเก็ตคนนี้เป็น "มะเร็งทิพย์"
ด้วยเหตุนี้ ทำให้วิศวกรหนุ่มคนดังกล่าวรู้สึกเหมือนถูกหลอก ความฝันที่จะสร้างครอบครัวด้วยกัน สุดท้ายไม่เป็นอย่างที่คิด ซ้ำตอนนี้ต้องเผชิญกับปัญหาหลายอย่าง ทั้งหนี้บ้าน หนี้บัตรเคนดิต ที่ไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาปิดให้หมด
ล่าสุด ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายธนกฤษณิ์ อายุ 37 ปี หนุ่มวิศวกรที่ถูกหลอก วันนี้ได้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับนางดาว (นามสมมติ) อดีตแฟนที่ สภ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
นายธนกฤษณิ์ เปิดใจกับทีมว่า เบื้องต้นตอนนี้ได้เข้าแจ้งความเพื่อให้นางดาวย้ายข้าวของออกจากบ้านของตนภายใน 15 วัน และได้เล่าเรื่องราวที่แสนปวดใจให้กับทีมข่าวฟัง โดยวันที่ตนเริ่มจับโป๊ะของนางดาวได้ คือวันที่ 12 สิงหาคม 2566 นางดาวได้เดินทางไปหานายธนกฤษณิ์ที่กรุงเทพฯ จากนั้นนางดาวได้บ่นว่าปวดท้อง ตนจึงได้พาไปตรวจที่โรงพยาบาล ซึ่งจากผลตรวจแพทย์ทำให้ทราบว่า นางดาวนั้นเคยมีประวัติการตั้งครรภ์ มีบุตร 2 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนไม่เคยทราบมาก่อน เนื่องจากนางดาวอ้างว่าเด็กอายุ 15 และ 18 ปีที่นำมาเลี้ยงดูคือหลานของตัวเอง จากนั้นนายธนกฤษณิ์จึงได้เริ่มสืบข้อมูลและประวัติต่างๆ ของนางดาว ยิ่งช็อกหนักกว่าเดิม เพราะจากที่สอบถามทางโรงพยาบาล นางดาวไม่เคยมีประวัติการผ่าตัดใดๆ ทั้งสิ้น แต่ที่ผ่านมาตนได้โอนเงินค่าผ่าตัดต่างๆ เป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท เพราะนางดาวได้ทำใบเสร็จปลอมมาหลอกตนเพื่อให้โอนเงินเป็นค่ารักษาพยาบาล
เมื่อตนรวบรวมหลักฐานและปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ได้ ตนจึงได้รวบรวมความกล้าและเข้าไปถามครอบครัวของนางดาวว่า ที่ผ่านมาได้หลอกอะไรตนไปบ้าง เป็นมะเร็งจริงหรือเปล่า แล้วเด็กสองคนนั้น ตกลงแล้วเป็นแค่หลานหรือแท้จริงแล้วเป็นลูก แต่ทางครอบครัวของนางดาวก็ยังพร้อมใจกันปิดบังและหลอกนายธนกฤษณิ์ต่อ ซ้ำยังพูดให้ความหวังว่าจะสร้างครอบครัวไปด้วยกันจนแก่เฒ่า แต่ตอนนี้มองว่ามันไม่สามารถไปกันต่อได้แล้ว เพราะถ้าคนรักกันก็คงจะไม่หลอกกันตั้งแต่แรก หลังจากเกิดเรื่องต้องบอกตรงๆ เลยว่าตอนนี้รู้สึก "ว่างเปล่า" เหมือนความหวัง ความฝัน ทุกอย่างมันพังทลายลง ตอนนี้คงต้องเดินหน้าเริ่มต้นใหม่ และหาเงินมาปิดหนี้ที่ค้างไว้
จากนั้น ก่อนที่นายธนกฤษณิ์จะเดินทางไปหานางดาวที่บ้านหลังดังกล่าว นายธนกฤษณิ์ได้บอกกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า "ขอแวะไปที่นึงก่อน ผมคาใจ" จากนั้นก็ได้พาทีมข่าวไปตำหนักแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ระหว่างทางก็ได้เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ก่อนหน้านี้ นางดาวเคยพาตนมาที่ตำหนักแห่งนี้ และได้มาปรึกษาดูดวงชะตาชีวิตคู่ของทั้งสองคน โดยหมอดูได้บอกให้ช่วยเหลือนางดาว เพราะจะทำให้ชีวิตดีขึ้น ตนก็เชื่อหมอดูมาตลอด จนมาวันนี้ที่ชีวิตตนพังไม่เป็นท่า วันนี้เลยอยากจะไปมูเตลูอีกซักรอบ ว่าจะไปอัปเดตกับหมอดูซักหน่อยว่า ตนนั้นได้ช่วยเหลือนางดาวตามที่หมอดูแนะนำแล้ว มาวันนี้ก็อยากจะให้หมอดูช่วยตนหน่อย เพราะนางดาวใช้ชีวิตสบายไปแล้ว แต่ตนต้องมาลำบากแทน
เมื่อไปถึงที่ตำหนัก หมอดูก็ได้บอกนายธนกฤษณิ์ว่า ไม่ได้รู้จักนางดาวเป็นการส่วนตัว เพียงแค่แนะนำไปตามที่เห็น และนางดาวก็ไม่ได้เข้ามาที่ตำหนักนานแล้ว หมอดูขอยืนยันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือนางดาวแต่อย่างใด
ต่อมา นายธนกฤษณิ์จึงได้เดินทางไปยังบ้านที่กู้เงินมาสร้างให้นางดาวอาศัยอยู่กับครอบครัว เมื่อไปถึงหน้าบ้าน ปรากฏว่า นางดาวไม่ยอมออกมาคุยด้วย เพราะอ้างว่าตอนนี้กำลังป่วย จึงให้พ่ออายุราว 70 ปี และลูกชายวัย 18 ปี ออกมาพูดคุยแทน โดยเบื้องต้นนายธนกฤษณิ์ได้แจ้งกับทางพ่อของนางดาว ให้ย้ายข้าวของออกจากบ้านภายใน 15 วันเท่านั้น และได้ยืนพูดคุยกันอยู่นานพอสมควร โดยนายธนกฤษณิ์ก็ได้ถามหาความจริงจากครอบครัวนางดาวว่าทำไมต้องมาหลอกกัน ที่ผ่านมามองตนเป็นคนในครอบครัวบ้างไหม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมา นอกจากคำว่าไม่รู้และไม่เกี่ยว