จากกรณีนางสาวอาย อายุ 27 ปี แฟนสาวของหลานเจ้าของบ้าน ร้องนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ ว่าตนได้รับความเดือดร้อน หลังซื้อบ้านเมื่อปี 2534 ต่อมาทิ้งร้างไว้ 30 ปี จนกระทั่งวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา ญาติแฟนหนุ่มให้ตนและแฟนหนุ่มเข้าไปดูบ้านพักที่ได้ซื้อไว้ เพื่อจะทำการรีโนเวทเป็นของขวัญการใช้ชีวิตคู่ระหว่างตนและแฟนหนุ่ม แต่ปรากฏว่า บ้านหลังดังกล่าวมีเพื่อนบ้าน คือ "นิด" เข้ามาวางของ และมีการต่อเติมตัวบ้านบางส่วน
ภายหลังได้มีการเสิร์ชรูปตัวบ้านที่เกิดเหตุใน Google Maps จนพบบ้านของตนเองมีลักษณะเปลี่ยนแปลงอาคารตัวบ้านเกือบทุกปี เป็นเวลาประมาณ 4-5 ปี โดยที่ตนซึ่งเป็นหลานเจ้าของบ้านไม่ได้รับการติดต่อและไม่ทราบก่อนหน้านี้
วันนี้ 3 ก.ย. 2566 ครอบครัวผู้เสียหายเข้าพบทนายเดชา โดยมีนายเหม อายุ 64 ปี เจ้าของบ้านตัวจริง และนายซัน อายุ 27 ปี หลานเจ้าของบ้าน ไปปรึกษาหารือกับกรณีที่เกิดขึ้น เนื่องจากตอนนี้ทั้งครอบครัวเครียด หลังเพื่อนบ้านที่เข้าไปอาศัยวางอุปกรณ์ชิ้นส่วนการประปาและมีข้าวของบางอย่างในบ้านพักที่เกิดเหตุ ซึ่งนายเหมเป็นเจ้าของ อยากได้รับความยุติธรรมและอยากดำเนินคดีกับเพื่อนบ้านที่บุกรุก
ทนายเดชา บอกว่า หลังจากได้พูดคุยและดูพยานหลักฐานกับครอบครัวผู้เสียหายแล้ว ชัดเจนว่าเพื่อนบ้านบุกรุก เข้าไปอยู่ในบ้านคนอื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา ข้อหาแรกในมาตรา 365 ร่วมบุกรุกด้วยกันตั้งแต่2คนขึ้นไป ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนการทำลายผนังและเจาะเข้าไปด้านหลัง เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญาข้อหาที่ 2 ในมาตรา 358 ทำให้เสียทรัพย์ ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ซึ่งประโยชน์ผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของอยู่ด้วย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อีกทั้งเพื่อนบ้านยังได้ขโมยทรัพย์สินบางอย่างของผู้เสียหายไปด้วย เช่นบานประตู บานหน้าต่าง และโถส้วมอันเก่า ที่เพื่อนบ้านเปลี่ยนรีโนเวทใหม่ ในส่วนตรงนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา ข้อหาที่ 3 ในมาตรา 335 ลักทรัพย์โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ต้องระวางโทษจำคุก 1-5 ปี
และหากเพื่อนบ้านจะมาอ้างว่าครอบครองปรปักษ์ก็ให้ระวัง เพราะอาจจะเจอข้อหาเพิ่มอีก เนื่องจากการครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นการครอบครองเพื่อตัวเอง โดยมีเจตนาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป แต่ทางผู้เสียหายได้หลักฐานจาก Google street view ยืนยันหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ว่า เพื่อนบ้านครอบครองบ้านผู้เสียหายไม่ถึง 10 ปี อย่างมากก็แค่ 5-6 ปี ทางคู่กรณีก็จะโดนข้อหาเบิกความเท็จและสืบพยานเท็จอีก ก็ติดคุกไปอีกเยอะเลย อยากฝากถึงทางคู่กรณีให้ลองดู เข้ามาทำความเสียหายบ้านผู้เสียหาย มายึดบ้าน จะมาเอาบ้านเป็นของตัวเองก็ลองดู
ส่วนที่ทางคู่กรณีอ้างว่าไม่ได้ยึด แต่แค่มาดูแล ตนอยากถามกลับว่า ใครให้มาดูแล ในการดูแลทางกฎหมาย คือ การที่เจ้าของบ้านมอบหมายให้อีกฝ่ายดูแล กรณีนี้เจ้าของบ้านไม่ได้อนุญาตให้ดูแลแทน เป็นการจัดการนอกสั่ง และขอฝากถึงทนายของคู่กรณี หากยังสู้ต่อก็จะโดนแจ้งข้อหาทั้งทนายและคู่กรณี และส่วนที่คู่กรณีอ้างอีกว่าประตูพังก็เลยเข้ามา โดยประตูพังเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของบ้านไม่ใช่เป็นกรรมสิทธิ์ของคู่กรณี ไม่ต้องมาดูแลแทน เหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้น
ยืนยันว่าตนจะดำเนินคดีทั้งทางอาญาและคดีแพ่ง เพราะลักษณะดังกล่าวเป็นการกระทำที่จงใจผิดกฎหมาย 1. เรียกค่าเสียหายจากที่บ้านพัง 2. เจ้าของบ้านขาดประโยชน์ก็คิดค่าเสียหายได้ ก็ย้อนหลังไปว่าคู่กรณีเข้ามากี่ปี คาดว่ารวมมูลค่าหลักล้าน
นอกจากนี้ อยากให้กำลังใจกับช่อง 8 ที่ทางคู่กรณีผู้เสียหายได้บอกว่า ได้แจ้งความเอาผิดเรื่องการเสนอข่าว และทำให้บริษัทของผู้เสียหายได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง ตนแนะนำให้แจ้งความกลับ เพราะสื่อนำเสนอตามความจริงที่ปรากฏและเพื่อเตือนภัยสังคม ประชาชนได้ประโยชน์จะได้ระวัง เสนอข่าวโดยสุจริต ซึ่งทางคนที่แจ้งความก็เข้าข่ายแจ้งความเท็จติดคุกอีก 5 ปี เพิ่มจากลักทรัพย์ บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ รวมทั้งหมดติดคุก 18 ปี
ทนายเดชาได้แนะนำให้นายซัน หลานเจ้าของบ้านพัก ไปแจ้งความเพิ่มที่ สน. โคกคราม เพื่อดำเนินคดีกับคู่กรณีใน 3 ข้อหาลักทรัพย์ บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์
นายซันยืนยันจะดำเนินคดีกับเพื่อนบ้านถึงที่สุด ที่ได้บุกรุกบ้านของตนและทำให้บ้านตนได้รับความเสียหาย โดยจะไม่เข้าไปพูดคุยหรือเคลียร์ใจกับคู่กรณี แต่จะให้กฎหมายเป็นคนดำเนินการเอง เพราะส่วนตัวมีความรู้สึกว่าคู่กรณีไม่ได้สำนึกผิดกับสิ่งที่ทำ ยังอ้างว่าเข้ามาดูแลบ้านของตนแทนชั่วคราว และเข้ามารีโนเวทบางส่วนในบ้านให้ เหมือนตนติดบุญคุณ แต่จริงๆ แล้วเพื่อนบ้านเป็นคนบุกรุก
นอกจากนี้ตนยังติดใจอีกที่ว่าตอนที่ลุงของตนมอบหมายให้ตนไปดูบ้านพักดังกล่าว และพบกับนางนิดคู่กรณี นางนิดเป็นคนบอกว่าจะยอมย้ายออก แต่เจ้าของจะต้องจ่ายค่าเสียหายที่ตนรีโนเวทบ้านพักหลังนี้ แต่ต่อมากลับมาให้สัมภาษณ์กับช่อง 8 ว่าจะไม่เอาเงินสักบาทจากตนและลุงของตน เชื่อว่าคำพูดของคู่กรณีเชื่อถือไม่ได้ และหากคู่กรณีจะย้ายออกก็คงย้ายออกแล้ว แต่ทราบมาล่าสุดวันนี้ว่า มีการขนของบางส่วนออกจากบ้านพักตนแล้ว แต่ทางทนายเดชาก็ยืนยันกับครอบครัวตนว่า แม้จะย้ายของออก แต่คู่กรณีกระทำความผิดสำเร็จแล้วสามารถดำเนินคดีได้
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่บ้านที่เกิดเหตุ และพบกับนางนิด คู่กรณี จึงเข้าไปสอบถาม ปรากฏว่า มีเพื่อนบ้านในซอยที่เป็นผู้ชายใช้มือถือถ่ายรูปทีมข่าว และมีผู้หญิงคนหนึ่งก็ใช้มือถืออัดคลิปตลอดระยะเวลาที่ทีมข่าวสอบถามคู่กรณีของผู้เสียหาย
คู่กรณีเล่าว่า ตนตกใจที่ทราบว่า ผู้เสียหายไปแจ้งความตน 3 ข้อหาที่ สน.โคกคราม ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้บอกเจตนาที่เข้ามาบ้านพักที่เกิดเหตุกับทีมข่าวช่อง 8 แล้ว โดยตนกำลังสงสัยว่า ตนพูดไม่ดีกับผู้เสียหายตรงไหน ไปอะไรกับเขาอย่างไร และไปทำความเสียหายอะไร ต่อจากนี้ผู้เสียหายไม่ต้องร้องนักข่าว แต่ให้เอาหมายศาลมาเลย เราคุยกันในชั้นศาลได้ เชื่อศาลแยกออกใครเจตนาดีเจตนาร้าย ที่ผ่านมาตนจะครอบครองทรัพย์โดยเป็นปรปักษ์ก็ทำได้ เพื่อนบ้านก็มีและเป็นพยานได้ แต่ตนไม่เคยทำ เพราะไม่ได้มีเจตนาที่จะเอาของคนอื่น
พร้อมทั้งอ้างว่า ที่ผ่านมาผู้เสียหายนำนักข่าวมากดดันเพราะตนไม่ยอมย้ายออกใช่ไหม ยืนยันตอนนี้ย้ายของออกแล้ว เพราะต้องการเคลียร์เพื่อทำบางอย่าง หลังเป็นข่าวกับช่อง 8 ปรากฏว่า ตนถูกโซเชียลถล่มหาว่าโกงบ้าง หาว่าอยากได้ของเขา จี้ช่อง 8 ไปทำข่าวอย่างอื่นให้ประโยชน์ประชาชนบ้าง ไม่ใช่เป็นเครื่องมือผู้เสียหายในการทำร้ายคนอื่น พร้อมชี้แจงแจ้งความช่อง 8 แล้ว ทำข่าวบิดเบือนและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
โดยในส่วนที่ผู้เสียหายให้ข้อมูลกับทีมข่าวก่อนหน้านี้ว่า ตนเองทำบริษัทไม่เป็นความจริง ตนเองไม่ได้มีบริษัทส่วนตัว และบ้านที่อยู่ข้างผู้เสียหายก็ไม่มีป้ายชื่อบริษัท จึงอยากถามเช่นกันว่า ไม่ได้มีเงินเยอะแล้วผู้เสียหายจะเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่งตนอย่างไร