จากกรณีครอบครัวของน้องเมย์ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ได้เข้าร้องเรียนขอให้ “กันจอมพลัง” ช่วยเหลือ หลังสงสัยว่าถูกน้าเขย ชื่อนายโจ วางยาข่มขืนเมื่อน้องสลบ พร้อมกับใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปไว้ โดยครอบครัวของน้องได้นำคลิปภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบ้านที่บันทึกเหตุการณ์ไว้มอบให้กันจอมพลัง ซึ่งในกล้องวงจรปิดจะเห็นน้าเขยที่ก่อเหตุ เดินวนเวียนและถอดเกงเข้าไปข่มขืนน้องที่กำลังนอนหมดสติอยู่ถึง 3 รอบ หลังเกิดเหตุครอบครัวของน้องได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566
ความคืบหน้าล่าสุด กัน จอมพลัง ได้พาน้องเมย์ และครอบครัวเดินทางมายัง สภ.พนมทวน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี และได้เข้าพบกับพันตำรวจโทภควรรษ กลั่นบุศย์ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.พนมทวน เพื่อสอบถามความคืบหน้าคดีว่าทำไมตำรวจถึงทำงานล่าช้า ติดขัดตรงไหน อย่างไร
พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 12 เมษายน 2566 นายโจได้อาศัยช่วงจังหวะที่คนในบ้านของน้องเมย์เผลอในเวลากลางคืน ซึ่งวันดังกล่าวบ้านน้องเมย์ได้จัดงานบุญที่บ้าน นายโจซึ่งเป็นญาติและได้เดินทางมาร่วมงานได้ฉวยโอกาสขณะที่ทุกคนในงานอยู่นอกบ้าน แอบเข้าไปในบ้านน้อง ซึ่งขณะนั้นน้องเมย์คาดว่าเมานอนหลับหมดสติ ซึ่งญาติสงสัยว่าน้องอาจจะถูกนายโจวางยาด้วย
หลังก่อเหตุนายโจยังใช้ชีวิตมีความสุข อัพ Facebook บอกว่า ไม่ต้องมาส่องในเฟซบุ๊กเจ้าตัวหรอก ยังมีความสุขดี และโพสต์รูปถืออาวุธปืนยาว พร้อมข้อความระบุว่า “อย่าพลาดมั่งก็แล้วกัน กูรอเอาคืนแน่” รวมถึงยังอัดคลิปลงติ๊กต็อกโดยมีเสียงบรรยายว่า “ถ้าหากพรากผู้เยาว์แล้วมันผิดกฎหมาย ถ้างั้นขอเปลี่ยนมาพรากผู้ใหญ่ได้มั้ยล่ะครับ” อีกด้วย
ขณะที่ ตำรวจแจงไม่ได้ทำคดีล่าช้า ตั้ง 3 ข้อหาหนัก "กระทำชำเรา-อนาจาร-พรากผู้เยาว์" เตรียมนำสำนวนส่งอัยการ 5 ก.ย. นี้ โดยยอมรับว่าไม่ได้ตรวจโทรศัพท์ผู้ก่อเหตุดูเรื่องคลิป จะพยายามตามให้ในภายหลัง
ด้านครอบครัวผู้เสียหาย บอกว่า ฝ่ายญาติของนายโจได้ติดต่อมาขอเคลียร์ บอกว่า ให้ไปคุยกันว่าจะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ แสนหรือครึ่งแสนอะไรอย่างนี้ให้เรื่องมันจบ จะได้ไม่ต้องติดคุก
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่บ้านของนายโจ พบว่านายโจกำลังนั่งจับกลุ่มพูดคุยกับเพื่อนอยู่บริเวณโรงจอดรถของบ้านอย่างยิ้มแย้ม แต่เมื่อนักข่าวแสดงตัวขอพูดคุยด้วย นายโจถึงกับหน้าถอดสี บอกกับทีมข่าวว่า พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปศาลเพื่อรับโทษแล้ว และขอให้อย่าเป็นข่าวเลย
นายโจชี้แจงสั้นๆว่า สารภาพว่า วันเกิดเหตุ 12 เมษายน 2566 ที่บ้านของน้องเมย์มีงานบวชงานบุญ ตนเองก็ไปร่วมงานตามปกติ และได้นั่งดื่มเหล้าสังสรรค์กันยันดึก และไม่ได้สังเกตว่าน้องเมย์หมดสติอยู่ในบ้าน เมื่อนั่งสังสรรค์ไปสักพัก ตนเองปวดปัสสาวะซึ่งตนเองเป็นคนรักสะอาดจะไม่ฉี่เรี่ยราด จึงได้เดินเข้าไปในบ้านของน้องเมย์เพื่อจะเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อเห็นน้องเมย์นอนหมดสติอยู่ ตนเองจึงรู้สึกมีอารมณ์ทางเพศขึ้นมา ประกอบกับความเมาจึงได้ลงมือก่อเหตุ โดยขณะนั้นประตูบ้านถูกปิดไว้ ทำให้ญาติๆ ที่นั่งอยู่นอกบ้านไม่เห็นว่าตนเองทำอะไร
ส่วนที่ทางฝั่งผู้เสียหายบอกว่า ตนเองได้นำโทรศัพท์มือถือถ่ายคลิป ยืนยันไม่มีการถ่ายคลิป ตนเองเพียงใช้แฟลชโทรศัพท์มือถือส่องเพื่อจะข่มขืนเท่านั้น เพราะในบ้านเวลานั้นมืดมองไม่เห็น โดยหลังเกิดเรื่องตนเองเสียใจมากกับสิ่งที่ทำลงไป และหากย้อนเวลากลับไปได้ตนเองจะไม่ทำเด็ดขาด และยืนยันตนเองไม่ได้วางยาสลบน้องเมย์ หรือวางแผนจะก่อเหตุ แต่เกิดจากความเมาล้วนๆ
ส่วนเรื่องที่หลังเกิดเหตุตนเองได้ขอให้ผู้ใหญ่ไปช่วยเคลียร์ให้จบเรื่อง ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงเพราะตนเองรู้สึกผิดและสงสารลูกและเมียของตนเองที่ทราบเรื่องและอยากให้น้องเมย์ยกโทษให้ ซึ่งตนเองเข้าใจว่าน้องเมย์รู้สึกเสียใจมาก ตนเองก็เช่นกัน และยืนยันหลังเกิดเหตุตนเองไม่เคยไปข่มขู่น้องเมย์เลยสักครั้ง
หลังเกิดเหตุตนเองก็ไม่ได้มีความสุขโพสต์เฟซบุ๊กท้าทายด้วย ตนเองยังนั่งกอดคอร้องไห้กับลูกและเมียอยู่เลย เพราะรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำพลาดไป ซึ่งในวันพรุ่งนี้ 4 กันยายน ศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้นัดให้ตัวเองมาที่ศาล ซึ่งตนเองยืนยันว่าจะไปขึ้นศาลชดใช้กรรมที่ก่อ ไม่หลบหนีไปไหนแน่นอน
และสุดท้ายตนเองอยากฝากขอโทษไปยังน้องเมย์และครอบครัวของน้อง รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำมันยากที่จะให้อภัย และตนเองยินดียอมรับกรรมที่ก่อไว้