นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าพบ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อขอคำแนะนำในการทำงาน หลังจากได้รับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ที่บ้านพรรคส่วนตัว ซ.พหลโยธิน 62/1 โดยพล.อ.อ.สุกำพล เดินออกมารับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกล่าวแสดงความยินดี ก่อนที่นายสุทิน จะมอบพวงมาลัย เพื่อแสดงความเคารพ
ระหว่างการการหารือ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่พลเรือนแท้ๆ มาคุมกระทรวงกลาโหม นายสุทิน จึงตอบกลับว่า "ผมมาทำงานตรงนี้เลือกไม่ได้ วันนี้ก็เลยอยากจะมาขอคำแนะนำ เพราะพลเรือนแม้จะศึกษามาเยอะ แต่ก็ไม่สู้คนที่ทำมาก่อน โดยเฉพาะความเป็นรัฐมนตรี จึงต้องมาขอคำแนะนำ" ทำให้พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวรับว่า ถือเป็นโอกาสดีที่มาขอคำแนะนำ เพราะบางคนอยากทำก็ทำเลย ทำไปแล้วผิดก็ไปเลย ไม่บอก มันก็ไปเรื่อย" นายสุทิน กล่าวต่อว่า นักวิชาการก็ต้องฟัง นายสุรชาติ บำรุงสุข ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ความมั่นคง คณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ
หลังพูดคุยกันนานกว่า 1 ชั่วโมง นายสุทินและพล.อ.อ.สุกำพล ได้ให้สัมภาษณ์ร่วมกัน ว่า วันนี้เราได้ความมั่นใจ ความรู้เยอะมาก ท่านเชื่อมั่นว่า ผมจะทำได้ จึงได้ถ่ายทอดความเป็นรัฐมนตรีว่าจะต้องบริหารอะไรบ้าง สิ่งสำคัญอันดับ 1 2 และ 3 คืออะไร และจะต้องวางตัวอย่างไร ถือเป็นประโยชน์มาก
นายสุทิน ยังเปิดเผยด้วยว่า ตนได้พูดคุยกับทหารหลายกลุ่ม ประมวลภาพแล้วถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดี ทำให้มีกำลังใจในการทำงาน
เมื่อถามว่า ได้มีการสะท้อนอะไรหรือไม่ เนื่องจากเป็นรัฐมนตรีคนเดียวที่เป็นฝ่ายพลเรือน นายสุทิน กล่าวว่า ไม่ได้สะท้อนอะไร แต่เราได้เห็นสัญญาณทางกองทัพก็เปิดใจกว้างรับพลเรือน และเราก็จับสัญญาณได้ว่า หากเราเข้าใจเขา มีแนวปฏิบัติชัดเจน และเขาเชื่อมั่นว่าเราทำเพื่อชาติ ตนเชื่อว่าทหารไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่าตอนนี้ไม่ได้รู้สึกลำบากใจอะไรแล้วใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ก็ไม่ได้ลำบากใจ แต่ก็ไม่ถึงประมาท // เพราะประมาทคือบริหารแบบไม่ต้องไปคิด ไม่ต้องไปอ่าน ไม่ต้องไปเตรียม ชิลๆ
เมื่อถามว่าที่กลัวเรื่องประมาท เพราะมีบทเรียนมา 2 ครั้งแล้วใช่หรือไม่ จากรัฐบาลพรรคไทยรักไทยและพรรคเพื่อไทย นายสุทิน กล่าวว่า อันนั้นเราไม่ได้คิด และไม่ได้คิดว่าจะเป็นประเด็นที่ต้องนำมาคิดด้วย ถ้าเราคิดว่าเรารู้ดีแล้ว ชำนาญแล้ว นั่นคือประมาท
เมื่อถามถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องยกเลิกเกณฑ์ทหารและงบจัดซื้อเรือดำน้ำ นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้มีการพูดคุยกับ 3 เหล่าทัพ แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียด ส่วนเรื่องการเกณฑ์ทหารพอได้พูดคุยแล้วพบว่ากองทัพคิดมานานแล้ว เขาทำเป็นขั้นตอน แต่ถ้าหากให้เร็วตามที่สังคมต้องการ รัฐบาลจะต้องเข้าไปกำกับและสนับสนุน ดังนั้น ตนไม่หนักใจ
เมื่อถามว่าการปรับลดกำลังพล ที่นายสุทินเคยพูดว่าจะเริ่มต้นได้เดือนเมษายนปีหน้า หลายคนวิจารณ์ว่าช้าไปหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ที่บอกว่าเมษายนปีหน้า คือทหารเกณฑ์ เพราะทหารเกณฑ์เขาจะเลือกเดือนเมษายน ซึ่งทางปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้มีการศึกษาเรื่องนี้ไว้แล้ว สามารถทำได้เลย ในเรื่องการเปิดรับสมัครแบบสมัครใจ ซึ่งหากจำนวนที่สมัครแบบสมัครใจเต็มแล้ว ก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ส่วนเรื่องการปรับลดกำลังพลเป็นเรื่องของการปรับสัดส่วนของนายพลที่บอกว่าเยอะเกินไป โดยกองทัพก็มีแผนอยู่แล้ว ปี 2570 ขนาดของกองทัพจะเปลี่ยนไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาวางไว้ รัฐมนตรีมีหน้าที่ช่วยให้เป็นไปตามแผน
เมื่อถามย้ำถึงการลดการเกณท์ทหาร ว่าเราใช้วิธีการรับสมัครแบบ 100% ไม่ได้เพราะยังขาดทหารเกณฑ์อีกประมาณ 40,000 คน นายสุทิน กล่าวว่า
"ข้อเท็จจริงหนึ่งที่เราต้องยอมรับคือต้องมีทหาร เพราะเขาประเมินแล้วว่าศักยภาพของกองทัพต้องมีกำลังพลเท่าไหร่ เราจึงจะต้องเปิดรับสมัครก่อน และการที่เราจะเปิดรับสมัครแค่ได้เยอะ เราจะต้องสร้างแรงจูงใจคือเพิ่มสวัสดิการให้ดีขึ้นและปรับทัศนคติ ไม่ให้มีทัศนคติเชิงลบกับทหารเกณฑ์ ติดภาพการฝึกแบบโหดร้าย ทารุณ เด็กเจ็บและเด็กตาย อันนี้เราต้องกลับความเชื่อเขา และยังมีความเชื่อ โดยเฉพาะผู้ปกครองในต่างจังหวัด ว่าเอาลูกเขามาเป็นทหารเกณฑ์ ได้เงินเดือนจริงแต่รับจริงไม่ถึง เราต้องพูดให้ชัดว่าเด็กที่เป็นทหารเกณฑ์ต่อไปนี้ จะได้รับเงินเดือนเต็ม หักก็หักเท่าที่จำเป็น เราจะได้อธิบายได้ เข้าบัญชีโดยตรง"
จากนั้น พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่าที่พูดคุยกันในวันนี้ก็ชี้แจงให้ฟังว่าเข้าไปแล้ว จะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่มันก็เป็นครั้งแรกที่พลเรือนเข้ามาคุมทหาร ซึ่งได้พูดคุยกันก็มีความเข้าใจ นายสุทินก็รับได้เยอะแล้วคงไปเตรียมตัวเองให้พร้อม ตนคิดว่าเมื่อพลเรือนมาคุมทหาร มีจิตใจที่ดี ทหารก็คงมีจิตใจที่ดี ทุกอย่างก็จบ เข้าหากันคนละครึ่งทาง
นายสุทิน เปิดเผยต่อด้วยว่า หลังจากนี้จะมีการเดินทางไปพบ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีต ผบ.ทบ.และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และนายสุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการฝ่ายความมั่นคง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ นอกจากนี้ยังมีคิวที่ประสานอยู่ เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และพล.อ.วิชิต ยาทิพย์ ก่อนวันแถลงนโยบายก็คงจะครบพอดี
ส่วนจะมีการขอพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบกด้วยหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสก็จะไปพบท่าน ไม่เลือกฝ่ายไหน
เมื่อถามว่าการเดินสายพบบุคคลสำคัญแสดงให้เห็นว่ายังไม่พร้อมในการบริหารกระทรวงกลาโหมใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่ มันเป็นสไตล์การทำงานของตน เราคิดว่าขอความรู้ ขอประสบการณ์ ยังเป็นน้ำให้เต็มตุ่ม มีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ และการที่ไปพบก็ได้ความรู้กับมาทั้งนั้น
ทั้งนี้ นายสุทิน กล่าวด้วยว่า ยังไม่รู้ว่าวันไหนจะเข้ากระทรวง ต้องรอแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน