จ่ายไม่ไหว!! แม่ค้าสาวกู้เงินออนไลน์ลงทุนค้าขาย หนี้ทบต้นทบดอกรวมค่าปรับล่าช้ากว่า 2.5 ล้าน ดอกเบี้ยวันละ 1.5 แสน
เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.นครพนม ได้มีแม่ค้าอายุ 26 ชาว อ.ปลาปาก จ.นครพนม ออกมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม พร้อมสะท้อนเตือนภัยสังคม กรณีหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อแก๊งเงินกู้นอกระบบในรูปแบบออนไลน์ หลังตกงานหวังหาเงินมาลงทุนค้าขาย จึงพบเห็นมีการเปิดให้กู้ผ่านระบบออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ จึงทดลองเข้าไปทักแชต สอบถามรายละเอียดพูดคุย ก่อนแจ้งข้อมูลเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงที่อยู่หมายเลขโทรศัพท์มือถือ พร้อมได้รับอนุมัติวงเงินกู้ งวดแรก จำนวน 30,000 บาท แต่ถูกหักดอกเบี้ยล่วงหน้า 10,000 บาท รับเงินจริง แค่ 20,000 บาท เงื่อนไขส่งคืนเต็ม 30,000 บาท ในเวลา 7 วัน แต่งวดแรกหาเงินส่งคืนทัน
ต่อมางวดที่สองจึงได้รับอนุมัติวงเงินกู้เพิ่ม เป็นเงิน 50,000 บาท หักดอกเบี้ยล่วงหน้าตามเดิม รับเงินจริง จำนวน 32,000 บาท กำหนดจ่ายเงินคืนภายใน 7 วัน จากนั้นเกิดปัญหาสภาพคล่อง ไม่สามารถส่งคืนได้ตามกำหนด จึงตัดสินใจไปกู้ผ่านระบบออนไลน์เจ้าอื่นเพื่อหมุนเวียนในรอบ 2-3 เดือน ไม่ทราบมาก่อนว่าหากเลยกำหนดชำระ จะถูกเรียกทั้งดอกเบี้ยรวมถึงค่าปรับล่าช้าอีกหลาย 10 เท่า จนกระทั่งเกิดปัญหาทับถมทั้งต้นทั้งดอก รวม 18 เจ้า เป็นหนี้ทั้งต้นทั้งดอก รวม 2.6 ล้านบาท ถูกติดตามให้ชำระต้นรวมดอกวันละประมาณ 1.5 แสนบาท แต่ไม่ไหว ทำให้ถูกคุกคามข่มขู่ทุกรูปแบบ พร้อมโพสต์ประจาน เชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการ จึงเกรงจะเกิดอันตรายกับตนและครอบครัว
เบื้องต้นจึงได้เข้าแจ้งความเป็นหลักฐานกับพนักงานสอบสวน สภ.ปลาปาก เพื่อพิจารณาดำเนินคดีในส่วนที่มีความผิดเกี่ยวกับการทวงหนี้ รวมถึงออกมาร้องทุกข์ สะท้อนปัญหาไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง เตือนภัยสังคม เรียกร้องให้ภาครัฐปราบปรามจริงจัง โดยยืนยันไม่มีเจตนาเบี้ยวหนี้ แต่พร้อมที่จะชำระหนี้ตามกฎหมาย และดอกเบี้ยตามความเป็นจริง
แม่ค้าอายุ 26 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ยืนยันไม่มีเจตนาจะเบี้ยวหนี้ แต่เริ่มแรกต้องการนำเงินมาลงทุนค้าขายเพราะตกงาน จึงทดลองกู้ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ที่มีการโฆษณาชวนเชื่อ ไม่คิดว่าจะได้จริง จึงทำการกู้รอบแรก และมีการชำระคืน จนได้วงเงินเพิ่มอีกเท่าตัว จากนั้นมีข้อพิรุธว่า จะมีนายทุนเงินกู้นอกระบบออนไลน์อีกจำนวนมาก เข้ามาทักแชตผ่านไลน์ ชักชวนให้กู้ยืม ส่วนใหญ่จะเป็นไลน์อวตารไม่มีตัวตน จึงหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ มารู้ทีหลังว่าเป็นนายทุนคนเดียวกัน แต่ทำงานเป็นทีม ยอมรับหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อเพราะคิดง่าย ปัจจุบันเป็นหนี้ทบต้นดอก และรวมค่าปรับล่าช้า รวม 2.6 ล้านบาท ถูกข่มขู่ให้ผ่อนชำระวันละ ประมาณ 1.5 แสนบาท ทั้งที่รับเงินจริงแค่ 4-5 แสนบาท สุดท้ายไม่มีความสามารถที่จะจ่ายไหว ทำให้ถูกข่มขู่คุกคามจะทำร้ายทุกรูปแบบ ปัจจุบันยังมีการโทรมาข่มขู่คุกคามทุกวัน และยืนยันคำเดียวจะให้ชำระหนี้คืนทั้งหมด ไม่ให้ผ่อนชำระ ไม่มีส่วนลด