จากกรณีน.ส.ชลิดา พะละมาตย์ รองประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง ได้รับร้องเรียนจากนางสาวลูกแก้ว (นามสมมติ) อายุ 31 ปี ถูกนายกร (นามสมมติ) อ้างว่าเป็นรองนายกเทศบาลเมืองสองพี่น้อง หย่าขาดกับภรรยาแล้วขณะเข้ามาพูดคุยจีบตนจนตนหลงเชื่อ
ต่อมาจีบได้ว่ามีภรรยาจึงขอเลิกขาด แต่กลับถูกนายกร ทำร้ายร่างกายและบังคับถ่ายคลิปและภาพโป๊ จากนั้นเผยแพร่ภาพตนในโลกออนไลน์ หนำซ้ำเรียกเงิน 200,000 บาทจากตน หากไม่ให้จะเผยแพร่ในโลกออนไลน์ต่อ จับโป๊ะได้ทีหลังไม่ใช่รองนายกเทศบาลเมืองสองพี่น้อง แต่เป็นประธานชุมชนร่วมพัฒนา หลอก
โดยมีหลักฐานภาพถ่ายที่ฝ่ายชายขู่แบล็กเมล์นางสาวลูกแก้ว เพื่อยืนยันว่าตัวผู้เสียหายถูกฝ่ายขายทำร้ายจริง จากภาพจะเห็นนางสาวลูกแก้วถูกมัดปาก มือ และเท้านอนเปลือยกายบนเตียง
สาวผู้เสียหายเผยถูกคนก่อเหตุมัดมือมัดเท้าแล้วถ่ายภาพโป๊ เอาปืนมาจี้ และขู่จะจุดไฟเผา จนต้องกราบร้องขอชีวิต
ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้พูดคุยกับนางสาวลูกแก้ว ผู้เสียหายซึ่งยังได้เปิดเผยคลิปตอนที่ตนเองและฝ่ายชาย คบหาดูใจกันซึ่งตอนนั้นยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่มีความสุข เป็นช่วงที่ฝ่ายชายย้ายมาอยู่กับตนที่จ.ชลบุรี
นางสาวลูกเเก้ว เปิดเผยว่า ตนเองเคยคบหากับฝ่ายชาย คือ นายกร (นามสมมติ) ตอนรู้จักกับนายกรกชเนื่องจากตนทำงานภายในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมานายกรเป็นลูกค้าที่มานั่งดื่มในร้านได้เข้ามาจีบตน ตอนเเรกอ้างว่าตัวเองมีตำเเหน่งเป็นรองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสองพี่น้อง
จนตัดสินใจคบหาดูใจกับนายกร ซึ่งฝ่ายชายได้บอกตนไม่ต้องทำงานและรับปากว่าจะเป็นฝ่ายเลี้ยงดูเอง หลังจากนั้นตนเองจึงย้ายมาอยู่ที่จังหวัดชลบุรีเนื่องจากต้องมาเรียนเสริมสวยแล้วฝ่ายชายก็ยังตามมาอยู่ด้วยทั้งที่ตนเองไม่เต็มใจ
ตอนที่อยู่ด้วยกันก็มีปากเสียงกันบ่อยครั้ง เนื่องจากฝ่ายชายพยายามจะเป็นเจ้าของชีวิต บังคับไม่ให้ตนออกไปทำงาน ซึ่งนายกรเป็นคนอารมณ์ร้อน ชอบทำร้ายทุบตีตนบ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังชอบถ่ายภาพโป๊เปลือยของตนเก็บไว้ด้วย จากพฤติกรรมดังกล่าวทำให้ตนเองทนไม่ได้จึงขอเลิกรา แต่ฝ่ายชายไม่ยอม จับตนมัดแขนมัดขา ปิดปาก แก้ผ้า และทุบตี นอกจากนี้ยังเคยเอาปืนมาจี้ และขู่จะจุดไฟเผาจนต้องกราบร้องขอชีวิต
กระทั่งช่วงเดือนเมษายน ตนทราบความจริงว่านายกรกชมีครอบครัว มีภรรยาอยู่แล้ว ยังไม่ได้มีการเลิกรากัน ทั้งที่ตอนมาจีบตนอ้างว่าเป็นชายโสด ตนเองจึงเอาเรื่องนี้มาเป็นเหตุผลในการเลิก
หลังจากเลิกรากันไป ปรากฏว่านายกรได้มีการข่มขู่ พร้อมทั้งได้ส่งภาพโป๊เปลือยของตน มาให้แฟนคนปัจจุบัน ส่งให้กลุ่มเพื่อนๆ แล้วยังอ้างว่าเอาภาพดังกล่าวไปลงในเว็บไซต์ออนไลน์แล้ว และยังมีการเรียกเงินจำนวน 200,000 บาท อ้างว่าเป็นเงินที่ตนเองติดหนี้เขา
ตนขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลา 3 - 4 เดือนที่คบหากัน ตนไม่เคยติดหนี้ฝ่ายชาย และตอนอยู่ด้วยกัน ทรัพย์สินที่ฝ่ายชายซื้อให้ ก็มีเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้า และข้าวของที่ใช้ภายในบ้านเท่านั้น
ทั้งนี้ขอเปิดอีกหลักฐานหนึ่งเป็นแชทที่ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับนายกรกชหลังจากที่เลิกรา โดยตนบอกอีกฝ่ายว่า” สงสารหนูบ้างได้ไหม หนูก็เลิกกับพี่แล้วจะเอาอะไรกับหนูอีก” แต่ฝ่ายชายก็โชว์รูปกล่องกระสุนปืนสองกล่องส่งมาให้ตน พร้อมระบุข้อความว่า “รู้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน กูเตรียมพร้อมรับมือ” จากนั้นมีการส่งรูปกล่องเก็บปืนซึ่งมีปืนออโตเมติก 1 กระบอก อยู่ด้านในและลูกกระสุนปืน 24 นัด พร้อมกล่องกระสุนปืนอีก 2 กล่องเพื่อข่มขู่ตน
ฝ่ายชายชี้แจงเรื่องนี้ผู้หญิงติดเงิน 2 แสน และมีรสนิยมซาดิสม์
ทีมข่าวช่อง 8 ได้หาข้อมูลเพื่อติดต่อกับนายกร จนสามารถติดต่อได้ โดยนายกรได้ชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทีมข่าวว่า “พอจะทราบบ้างแล้วว่า น.ส.ลูกแก้ว ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เบื้องต้นทราบว่าไปแจ้งความเรื่องที่ตนนั้นไปทวงเงินจำนวน 200,000 บาท แต่เรื่องที่มีการแจ้งเรื่องภาพอนาจารนั้นพึ่งจะทราบจากทีมข่าว
ตนได้เจอกับ น.ส.ลูกแก้ว ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ได้แอบคบกันประมาณ 6-7 เดือน เพราะตนนั้นมีภรรยาและลูกอยู่แล้ว ในระหว่างที่คบกันก็ทราบว่า น.ส.ลูกแก้ว มีอาการทางจิต แต่ไม่ทราบว่าเป็นไบโพล่า หรือ โรคซึมเศร้า ซึ่งเมื่อคบกันได้ระยะหนึ่ง น.ส.ลูกแก้ว ก็ให้ตนกู้เงินเพื่อที่จะมาทำร้านทำผมและเสริมสวย ซึ่งตนก็กู้ให้ไป แต่พอมาระยะหลังก่อนจะเลิกรากัน น.ส.ลูกแก้วก็ได้บังคับให้ตนขึ้นรูปคู่ ระหว่างตนและ น.ส.ลูกแก้ว ในโปรไฟล์เฟซบุ๊ก แต่ตนไม่ทำให้ก็เกิดการไม่พอใจจนทะเลาะกันและนำไปสู่การเลิกรา แต่หลังจากเลิกเรื่องเงินที่กู้มา 200,000บาท ก็บอกว่าจะคืนให้ก็ไม่คืนทำนิ่งเฉย จนเป็นเหตุให้ต้องทวง
ในส่วนกรณีโพสต์ภาพอนาจาร และเรื่องการทำร้ายนั้น ตนยืนยันว่าไม่เคยโพส์ลงในสื่อโซเชียลที่ใด และในตอนนี้ก็ได้ลบภาพพวกนี้ไปหมดแล้ว แต่ที่ขู่ไปในแชทว่าให้ไปดูในพันทิปนั้น ก็เพียงต้องการที่จะได้เงิน 200,000 บาทคืน เพียงเท่านั้นซึ่งในการจะเอารูปไปโพสต์ในสื่อต่างๆนั้นตนทำไม่เป็น และในส่วนรูปทีมีการมัดมือมัดเท้า และอนาจารนั้น น.ส.ลูกแก้ว มีรสนิยมซาดิสม์ ในเรื่องแบบนี้และเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศสูงจึงเป็นในรูปแบบภาพดังกล่าว
และในส่วนเรื่องที่มีการง่าตนว่าแอบอ้างเป็นรองนายกเทศมนตรีนั้นไม่เป็นความจริง เพราะตนไม่เคยไปแอบอ้างที่ไหนเลย เพียงแต่เป็นการพูดคุยเล่นกันในวงเหล้า ระหว่างเพื่อน เช่น เพื่อนของตนทำงานอยู่ที่อำเภอแต่ตำแหน่งคนขับรถ ตนก็เรียกว่า “ปลัด” ส่วน เพื่อนๆก็เรียกตนว่า “รอง” เพียงเท่านั้น แต่ น.ส.ลูกแก้ว มาได้ยิน นึงนำไปเข้าใจเองว่าตนแอบอ้าง