จากกรณี เซลล์สาวปล่อยเงินกู้หนีตายร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกนายทุนเงินกู้โหด จ.ชลบุรี สั่งลูกน้องใช้ไม้เบสบอลรุมตีจนได้รับบาดเจ็บ ฉุนไล่เก็บเงินลูกค้าไม่ได้ตามยอด
สายไหมต้องรอด พาเหยื่อนายทุนเงินกู้โหดร้องบิ๊กโจ๊ก
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (6 ก.ย. 66) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้พานายแซ็ก และนางสาวอาร์ต สองผัวเมียผู้เสียหายมาเข้าพบกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หลังพวกเธอได้ถูกนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ ชื่อ “เจ๊ปุ้ม ศรีราชา” ก่อเหตุใช้ด้ามปืนตบหน้าและสั่งลูกน้องประมาณ 4-5 คน รุมทำร้ายและใช้ไม้เบสบอลรุมฟาดทั้งสองคนจนได้รับบาดเจ็บ
ด้านนายแซ็ก เล่าเหตุการณ์ว่า ตนเองเป็นเซลล์รับจ้างเก็บเงินกู้นอกระบบ ให้กับเจ๊ปุ้ม ซึ่งเป็นนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ รายใหญ่ในพื้นที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี มีเงินทุนหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และมีธุรกิจเปิดร้านคาร์แคร์ โดยเจ๊ปุ้มเป็นนายทุนที่มีอิทธิพลและรู้จักสนิทสนมกับนายตำรวจในพื้นที่อย่างมาก ส่วนตนเองรับจ้างเก็บเงินกู้ให้กับเจ๊ปุ้มมาได้ประมาณ 3 ปีแล้ว ได้ค่าจ้างเก็บเดือนละ 5,000 บาท
ส่วนเหตุการณ์ที่ตนเองและแฟนสาวถูกทำร้ายนั้นเกิดขึ้นเมื่อ 6 โมงเย็นของวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา ตนเองได้เดินทางไปเก็บเงินกู้ให้กับเจ๊ปุ้มกับลูกค้ารายหนึ่ง ชื่อ ป้ากล้วย (นามสมมุติ) ป้ากล้วยมีอาชีพขายเสื้อผ้าเด็ก โดยก่อนหน้านี้ป้ากล้วยได้ติดต่อขอกู้เงินนอกระบบกับเจ๊ปุ้มจำนวน 15,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อวัน ซึ่งป้ากล้วยได้จ่ายแต่ดอกเบี้ย วันละ 300 บาทต่อวันเป็นเวลา 1 ปีกว่าแล้ว จนป้ากล้วยจ่ายแต่ดอกให้กับเจ๊ปุ้มไปกว่า 109,500 บาทแล้ว (คิดจากที่ป้ากล้วยจ่าย แต่ดอกเบี้ย วันละ 300 บาท เป็นเวลา 365 วัน)
ทำให้ตนเองซึ่งเดินทางไปเก็บเงินกู้กับป้ากล้วย รู้สึกสงสารเพราะป้ากล้วยไม่มีเงินมาตัดต้น จำนวน 15,000 บาทกับเจ๊ปุ้มสักที และป้ากล้วยวันนั้นได้ขอผลัดจ่ายเงินจำนวน 300 บาทออกไปก่อน เพราะขายของไม่ได้เงิน ไม่มีลูกค้ามาซื้อเสื้อผ้า
ตนเองด้วยความสงสาร เพราะป้ากล้วยก็ส่งดอกให้ตนเองมานาน จึงไม่ได้เก็บเงินป้ากล้วยในวันนั้น และลงในบัญชีว่า “คงค้าง” ซึ่งถือเป็นการผิดคำสั่งของเจ๊ปุ้มที่สั่วตนเองว่า ต้องไปเก็บเงินกับลูกหนี้ทั้งหมดให้ได้ หากไม่ให้ก็ให้ใช้ความรุนแรงจัดการ แต่ตนเองทำไม่ลงเพราะสงสารจึงผิดคำสั่ง
จากนั้น ตนเองได้นำเงินทั้งหมดประมาณ 20,000 บาท ที่เก็บลูกหนี้ได้วันนั้น และนำสมุดบัญชีเงินกู้ไปส่งให้เจ๊ปุ้มตรวจสอบก่อนที่จะได้เดินทางกลับบ้าน
ปรากฎว่า เมื่อเจ๊ปุ้ม เห็นในสมุดบัญชีว่า ตนเองเก็บเงินจำนวน 300 บาทกับป้ากล้วยไม่ได้ จึงโมโห และได้โทรศัพท์เรียกตนเองมาหาที่บ้าน
ตอนนั้นตนเองกำลังจะเดินทางพาแฟนสาวไปกินข้าวนอกบ้าน จึงได้พาแฟนสาวแวะเข้าไปที่บ้านของเจ๊ปุ้มด้วย เมื่อเข้าไปถึงเจ๊ปุ้มได้สอบถามว่า ทำไมตนเองเก็บเงินไม่ได้ตามเป้า ก่อนจะใช้ด้ามปืนตบเข้าที่ใบหน้าตนเองและแฟนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งแฟนสาวตนเองไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
เมื่อเจ๊ปุ้มใช้ด้ามปืนตบยังไม่หนำใจ จึงได้สั่งลูกน้องประมาณ 4-5 คน รุมทำร้ายตนเองและแฟนสาว พร้อมกับใช้ไม้เบสบอลฟาดหัวตนเองและแฟนสาวจนเลือดอาบ โดยเจ๊ปุ้มได้พูดทิ้งท้ายก่อนจะไล่ตนเองและแฟนสาวออกจากบ้านไปว่า “อย่าให้กูเจอพวกมึงแถวชลบุรีอีกนะ” ตอนนั้นตนเองจึงรีบพาแฟนสาวรีบหนีออกจากบ้านเจ้ปุ้มทันที และตอนนี้พวกตนเองรู้สึกไม่ปลอดภัยมาก และอยากให้สายไหมต้องรอด และ บิ๊กโจ๊กช่วยเหลือ
เปิดใจเจ๊ปุ้ม ปัดเป็นเจ้าแม่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ผัวแฉผู้เสียหายขายปืนเถื่อน เปิดคลิปทดสอบปืน อ้างวันเกิดเหตุผู้เสียหายพกปืนจะมาทำร้ายครอบครัวก่อนจึงต้องป้องกันตัว
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่บ้านของเจ๊ปุ้ม เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง โดยเจ๊ปุ้ม ได้เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนเองเคยรู้จักกับนายแซ็คและนางสาวอาร์ต ซึ่งเป็น 2 ผู้เสียหายที่ให้การว่าเธอและลูกน้องเป็นคนรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ รู้จักมาประมาณ 2 ปีกว่า
สำหรับนางสาวอาร์ตเคยเป็นลูกน้องที่เธอจ้างมาขายก๋วยเตี๋ยว และนายแซ็คเคยเป็นลูกจ้างที่คาร์แคร์ก่อนที่เธอจะให้ไปดูแลบ่อปลาที่อำเภอพัทยาและทั้งคู่ก็ขอลาออกไปเมื่อช่วงเดือนมกราคม
ที่ผ่านมาระหว่างที่สองผัวเมียคู่นี้เป็นลูกจ้างของเธอก็มักจะมีพฤติกรรมขี้โกงและเห็นแก่ตัว ส่วนนายแซ็ค มักจะโกงเงิน ค่าสิ่งของในบ่อปลาเป็นประจำอย่างเช่นหากขายเบียร์ได้ก็จะเอาเงินส่วนต่าง เก็บไว้ที่ตัวเองและไปซื้อเบียร์มาใส่ไว้ในตู้แช่ตามเดิม
ที่ผ่านมาเธอรับรู้เรื่องนี้มาโดยตลอดแต่ก็ไม่ติดใจเอาความโดยหลังจากที่ทั้งคู่ลาออกจากเธอไปแล้วก็มาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวขายแข่งกับเธอ และขโมยสูตรก๋วยเตี๋ยวไปด้วย แต่เธอก็ไม่อยากที่จะมีปัญหาด้วย จึงไม่ได้มีการต่อว่าอะไรกัน แต่ระหว่างนั้นก็ไม่เคยเจอหน้าและติดต่อกันอีกเลย
จนมาถึงช่วงเย็นของวันที่ 4 สิงหาคมระหว่างที่เธอพักอาศัยอยู่ภายในบ้านก็ได้ยินเสียงมีคนทะเลาะวิวาทกันอยู่ที่บ้านหลังใกล้เคียงจึงเดินออกไปดูเห็นว่านายแซ็ค และนางสาวอาร์ต กำลังมีปัญหาถูกเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวทำร้ายร่างกายกัน แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามาจากเรื่องอะไร ซึ่งจะยืนยันว่า ตามที่นายแซ็คและนางสาวอาร์ต อ้างว่าเธอและลูกน้องทำร้ายร่างกายนั้นไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน โดยบาดแผลบริเวณใบหน้าและศีรษะอาจจะมาจากการที่ทั้งคู่ทะเลาะวิวาทกับเจ้าของบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ถัดจากบ้านเธอไปประมาณ 2 หลัง
และตนเองก็ยืนยันไม่ได้มีอาชีพปล่อยเงินกู้นอกระบบแต่อย่างใด ที่สองผัวเมียกล่าวหาว่า ตนเองมีเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้าน หากจริง ตนเองคงไม่ได้อยู่บ้านแค่หลังเท่านี้หรอก
ยืนยันหากมีหลักฐานตนเองไปทำร้ายร่างกายจริง ก็แจ้งตำรวจจับเลย แต่หากไม่มีหลักฐาน ตนเองเตรียมฟ้องกลับแน่นอน
วงจรปิดผู้เสียหายก่อนถูกทำร้าย ผัวเจ๊ปุ้มงัดวงจรปิดแฉในกระเป๋านายแซ็คพกปืนมาด้วย
ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านของเจ๊ปุ้มโดยจะเห็นว่าช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเย็นของวันที่ 4 กันยายน นายแซ็คและนางสาวอาร์ตสองผู้เสียหายได้ขับรถเก๋งมาจอดข้างบ้านของเจ๊ปุ้ม ก่อนจะเดินไปที่บ้านของลูกพี่ลูกน้องเจ๊ปุ้มเพื่อคุยเรื่องอะไรบางอย่างก่อนที่ทั้งสองจะถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งนายบิ๊ก ผัวของเจ๊ปุ้ม ได้ส่งให้ทีมข่าว โดยบอกว่า ภายในกระเป๋าสะพายของนายแซ็คนั้นพกอาวุธปืนสั้นมาเพื่อจะเข้ามาทำร้ายอีกฝ่ายก่อน