จากกรณีวันที่ 5 ก.ย.66 เวลา 20.15 น. กู้ภัยเหยี่ยวแดงได้รับแจ้งจาก สภ.เชียงดาว ว่ามีคนถูกยิงที่บ้านห้วยน้ำฮาก ในตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย คือ นายตาปู อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของสวนลำไยเสียชีวิตอยู่ในบ้าน ถูกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ยิงที่หน้าอก 1 นัด และที่จมูกอีก 1 นัด
ทีมข่าวสอบถาม ลูกชายของนายตาปู อายุ 15 ปี ที่เห็นเหตุการณ์คาตาขณะที่พ่อถูกยิง เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุพ่อนอนอยู่ในห้องนอนบนบ้าน ส่วนตนเองกับแม่นั่งแกะข้าวโพดอยู่หน้าบ้าน กระทั่งประมาณ 2 ทุ่มกว่า มีผู้ชายแปลกหน้า 2 คน ลักษณะสวมหมวกแก๊ปและสวมหน้ากากอนามัยปิดบังหน้าตา ขี่รถมาจอดตรงต้นอ้อย จากนั้นผู้ชายคนที่ซ้อนท้ายก็เดินลงมาถามตนเองว่า ปูอยู่ไหน ซึ่งตนเองเข้าใจว่าเขาถามหาพ่อก็เลยเดินไปเรียกพ่อ ซึ่งตอนนั้นผู้ชายคนนั้นได้เดินประกบมาด้วย กระทั่งเมื่อพ่อก้าวเท้าออกมาจากประตูห้องนอน ผู้ชายคนนั้นก็บอกกับพ่อว่า น้ามีอะไรจะคุยด้วย แต่พ่อยังไม่ทันได้ตอบอะไร ผู้ชายคนนั้นก็ชักปืนออกมายิงไปที่ใบหน้าพ่อ 1 นัด จากนั้นเมื่อพ่อล้มลงกับพื้นก็เดินไปยิงซ้ำที่หน้าอกอีก 1 นัด พอยิงเสร็จก็หันปืนมาจ่อที่หัวตนเอง แล้วก็พูดขึ้นมาว่า "มึงอย่ายุ่ง" แล้วก็วิ่งไปขึ้นรถที่มีผู้ชายอีกคนจอดรออยู่ขี่หนีไป
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร โดยเวลา 20.14 น. จะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นติดต่อกัน 2 นัด จากนั้นจะเห็นว่า เมื่อสิ้นเสียงปืน เจ้าของบ้านได้ออกมายืนดู กระทั่งผ่านไปไม่เกิน 1 นาที ก็จะได้ยินเสียงรถและแสงไฟจากรถที่คนร้ายขี่หนีออกมาจากจุดเกิดเหตุ
ส่วนภาพวงจรปิดอีกตัว อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 70 เมตร ก็จะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดเช่นเดียวกัน หลังสิ้นเสียงปืนก็จะได้ยินเสียงผู้ชายร้องโวยวาย กระทั่งผ่านไปไม่ถึงนาที ก็จะเห็นรถจักรยานยนต์ของคนร้ายขี่ออกมาจากจุดเกิดเหตุ
ลูกชายของผู้ตายยังบอกอีกว่า ตอนนั้นตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก จะหาไม้ในบ้านมาช่วยพ่อก็หาไม่เจอ ซึ่งตอนที่เขาเอาปืนมาจ่อหัวก็สองจิตสองใจว่าจะแลกดีหรือไม่ แต่เลือกที่จะเฉยและไม่ส่งเสียงโวยวาย จึงไม่ถูกคนร้ายยิงในตอนนั้น ยืนยันก่อนจะเกิดเหตุ มีรถแปลกๆ วนเวียนผ่านเข้ามาที่บ้านหลายครั้ง แต่ไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่าเป็นรถของชาวบ้าน ซึ่งวันนี้ถ้าพ่อไม่ถูกยิงตาย พ่อตั้งใจจะซ่อมหลังคาบ้าน เสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจาก เมื่อวานนี้ก่อนจะเกิดเหตุ ตนเองสัญญากับพ่อเอาไว้ว่า หากเดือนหน้าครบรอบวันเกิด จะหัดขับรถเพื่อแบ่งเบาภาระช่วยพ่อทำสวนลำไย แต่ก็ฝันสลายเพราะพ่อมาจากไปเสียก่อน
ขณะที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เชียงดาว ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 5 กว่า 30 นาย ได้ร่วมกันลงพื้นกระจายกำลังกันเก็บหลักฐาน ทั้งในที่เกิดเหตุและบริเวณรอบๆหมู่บ้าน พร้อมกับสอบปากคำคนในหมู่บ้านเพื่อแกะรอยหาร่องรอยคนร้าย ซึ่งตามข้อมูลเบื้องต้น พบว่า คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยกันสองคน
ทีมข่าวยังได้คุยกับนางพรพิมล (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ภรรยาของผู้ตาย แต่ต้องคุยผ่านล่ามเนื่องจากภรรยาของผู้ตายพูดภาษาไทยไม่ค่อยได้ โดยนางพรพิมล บอกว่า อาชีพของสามีเป็นชาวสวนลำไย มีที่ดินปลูกลำไยประมาณ 30 ไร่ ซึ่งก่อนจะเกิดเหตุมีนายหน้าชื่อว่าป้าออย (นามสมมติ) มาขอเหมาลำไยในราคา 130,000 บาท แต่ไม่วางเงินมัดจำ กระทั่งใกล้เวลาที่ลำไยจะต้องถูกตัดไปขาย ป้าอ้อยก็ไม่ติดต่อมา ทำให้สามีตัดสินใจติดต่อนายหน้ารายอื่นมาเหมาลำไยแทนเพราะต้องการเงินไปใช้หนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าภายหลังสามี ไปมีปัญหากับป้าอ้อยเรื่องนี้หรือไม่
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของป้าอ้อย แต่ปรากฏว่า ป้าอ้อยไม่อยู่บ้าน ทีมข่าวจึงได้ไปพูดคุยกับชาวสวนที่ค้าลำไยในพื้นที่ ชื่อนางแก้ว (นามสมมติ) ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ก่อนหน้านี้นายตาปูเคยซื้อขายลำไยกับป้าอ้อยจริง แต่ปีนี้ไม่รู้ว่านายตาปูไปขายลำไยให้กับใคร ส่วนป้าอ้อยเท่าที่รู้ปีนี้เขาไปตระเวนหาซื้อลำไยพื้นที่อื่น ส่วนประเด็นปัญหาที่นายหน้าซื้อลำไยกับเจ้าของสวน เท่าที่รู้ไม่เคยมี เพราะหากนายหน้าคนไหนเอาเงินไปวางมัดจำ แล้วเจ้าของสวนเก็บไม่ทันหรือเอาลำไยไปขายให้เจ้าอื่น อย่างมากก็แค่คืนเงินมัดจำให้กัน แต่ในส่วนของป้าอ้อย เท่าที่รู้เคยได้ยินข่าวมาว่าป้าอ้อยก็มีปัญหาเรื่องแบบนี้กับเจ้าของสวนคนอื่น แต่ไม่รู้ว่าเขาเคลียร์กันจบยังไง
ด้านภรรยาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากปัญหาเรื่องขายลำไยแล้ว ยอมรับว่า เคยมีปัญหากับคนในหมู่บ้านที่เป็นญาติกัน ในเรื่องน้ำที่ต่อไปใช้ในสวน แต่เรื่องนี้เคลียร์กันจบแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ไม่รู้ว่าคนร้ายมายิงสามีด้วยเรื่องอะไร เพราะก่อนหน้านี้ สามีไม่เคยมีปัญหากับใครนอกจากสองเรื่องนี้ที่เกี่ยวข้องกับสวนลำไย