กรณีนายไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในอาการห่มร้องให้แจ้งเบื้องต้นว่าตนเองอยู่ที่ศาลจังหวัดทุ่งสง และศาลจังหวัดทุ่งสงได้อ่านคำพิพากษาในคดีบุกรุกและลักทรัพย์ในเคหะสถาน โดยศาลพิพากษาจำคุกตน 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา ตนไร้ที่พึ่งและเป็นห่วง “น้องกฤษณ์” ลูกชายวัย 12 ขวบ ไม่มีใครดูแล ไม่รู้จะอยู่กับใคร จึงขอวิงวอนให้ช่วยไปรับน้องกฤษณ์ มาอุปการะดูแลและให้เรียนให้จบ ป.6 ด้วย หลังจากนั้นขอให้น้อง “น้องกฤษณ์” ไปบวชเป็นสามเณรเป็นลูกศิษย์ของพระมหาอารยนันต์ อานันโท เจ้าอาวาสวัดเขาพระทอง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นั้น
น้ำตาท่วมศาล!! หลังศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปีสาวพิการตาบอดแถมป่วยสารพัดโรคข้อหาลักทรัพย์-วิงวอนสื่อช่วยอุปการะลูกวัย 12 ปี
นางกัญญาวีร์ หรือ “เจี๊ยบ” อายุ 52 ปี แม่ของน้องกฤษณ์ และเป็นผู้ต้องหาคดีบุกรุกเคหาสถานและลักทรัพท์ ได้โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือกับตัวเอง เนื่องจากตัวเองเคยรู้จักกับนางเจี๊ยบ เพราะเคยทำข่าวเขาเมื่อปี 2565 ซึ่งตอนนั้นน้องกฤษณ์ เคยจูงมือนางเจี๊ยบแม่ตาบอดไปขอข้าวที่วัด
นางเจี๊ยบ บอกว่า ให้ตัวเองไปรับตัวน้องกฤษณ์หน่อย เนื่องจากตัวของเจี๊ยบเอง เขาถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา แล้วตอนที่เขาโทรศัพท์มานั้น เขาก็พึ่งถูกศาลตัดสินที่หน้าบัลลังก์ศาลมา จากนั้นตัวเองจึงรีบขับรถจากอำเภอเมือง เพื่อไปที่ศาลจังหวัดทุ่งสง พอไปถึงก็มีโอกาสได้พูดคุยกับนางเจี๊ยบ
ซึ่งเขาได้สั่งเสียกับตัวเองว่า เรื่องคดีความเขาไม่ได้ทำความผิด แต่โดนญาติของเขากลั่นแกล้ง และหมดหนทางจะต่อสู้ เนื่องจากฝั่งนั้นเขามีทนายความที่เก่ง เธอยังบอกอีกว่า เธอมีกันแค่แม่ลูก 2 คนเท่านั้น ถ้าเธอเข้าเรือนจำไป ก็จะไม่มีใครดูแลน้องกฤษณ์ นางเจี๊ยบ จึงฝากให้ตัวเองดูแลส่งเสียน้องกฤษณ์ให้จบ ป.6 ซึ่งเหลืออีก 1 เทอม ซึ่งถ้าจบ ป.6 แล้วก็ให้น้องกฤษณ์ บวชเรียนต่อ ซึ่งตัวเองก็รับปากนางเจี๊ยบ แล้วตัวเองก็รู้สึกสงสารนางเจี๊ยบด้วย ที่เขาต้องเข้ารับโทษที่เรือนจำ เนื่องจากนางเจี๊ยบเขาตาบอดสนิท 1 ข้าง อีกหนึ่งข้างก็ฝ้าฟาง ทั้งยังเป็นหลายโรค อาทิ โรคนิ่ว โรคไต โรคความดัน โรคกรดูก และนิ่วในไต
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือน้องกฤษณ์ หลังจากนี้ก็มีหน่วยงานของบ้านพักเด็กจังหวัดนครศรีธรรมราช มาสอบถามข้อมูล แต่ตัวเองก็ยืนยันว่า จะเป็นคนส่งเสียน้องกฤษณ์ จนให้เขาจบ ป.6 แล้วก็ถามน้องกฤษณ์แล้วว่า หากเรียนจบ ป.6 แล้ว น้องพร้อมที่จะบวชเรียนต่อหรือไม่ ซึ่งน้องกฤษณ์ก็ตอบว่า เขาพร้อมที่จะบวชเรียน
ที่ผ่านมาน้องกฤษณ์ ช่วยดูแลแม่เขามาตลอด อาทิช่วยแม่ทำกล้วยฉาบไปเดินขายในชุมชน ,ช่วยพาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล และช่วยพาไปขึ้นศาล ตลอดระยะที่สู้คดีของแม่มา
น้องกฤษณ์เผยต้องตั้งใจเรียนและเป็นเด็กดีอย่างที่แม่บอก เพื่อรอวันแม่พ้นโทษออกมา
ด้านน้องกฤษณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้ก่อนจะถูกขัง แม่ได้สั่งเสียกับตัวเองว่า ให้ตัวเองเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ทำแต่สิ่งดีๆ อย่าดื้อกับลุงฑูรย์ ถ้าแม่พ้นโทษออกมาตัวเองอยากจะถามแม่ว่า แม่อยู่ข้างในนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
น้องกฤษณ์ ยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า ที่ผ่านมาแม่ต่อสู้ และเลี้ยงดูตัวเองมาอย่างเหน็ดเหนื่อย แล้วแม่ก็สอนให้ตัวเองเป็นเด็กดี หลังจากนี้ตัวเองจะตั้งใจเรียนจนจบ ป.6 แล้วก็จะบวชเรียนต่อ ตามที่แม่ตั้งใจไว้
น้องกฤษณ์ ยังเล่าให้ทีมข่าวฟังต่อว่า ตัวเองรักนางกัญญาวีร์ แม่ของตัวเองมาก ถึงแม้เขาจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ทีมข่าวก็ถามน้องกฤษณ์ว่า แล้วแม่แท้ๆน้องกฤษณ์อยู่ไหนครับ น้องกฤษณ์ก็ตอบว่า นางกัญญาวีร์ เคยเล่าให้น้องกฤษณ์ฟังว่า ก่อนหน้านี้แม่แท้ๆของน้องกฤษณ์ ซึ่งเป็นชาว จังหวัดสุราษฎร์ธานี มาขอยืมเงินนางกัญญาวีร์ เพื่อจะทำแท้งตัวเอง เพราะพ่อแท้ๆของน้องกฤษณ์เสพยาหนัก แล้วแม่แท้ๆก็มีลูกอีกหลายคน จนนางกัญญาวีร์ได้บอกกับแม่แท้ๆของน้องกฤษณ์ว่า ไม่ต้องทำแท้ง เดี๋ยวนางกัญญาวีร์จะรับน้องกฤษณ์มาเลี้ยงเอง พอแม่แท้ๆคลอดได้ 1 เดือน นางกัญญาวีร์ ก็ไปรับตัวเองมาเลี้ยงจนถึงปัจจุบัน