น้องชีต้าร์ อายุ 5 เดือน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ตอนนั้นไม่ได้มีการแจ้งว่าน้องตาย หลังจากนั้นพ่อกับแม่นำน้องไปฝัง วันนี้ (7 ก.ย. 66) ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องไปขุดศพเด็ก ซึ่งถูกฝังไว้ในพื้นที่หมู่ 8 บ้านควนยอ ต.ไทรขึง อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ขึ้นมาส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต โดยพบว่า ร่างเด็กสวมใส่เสื้อผ้าเด็กสีส้ม ห่อด้วยผ้าขนหนู
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ พบนายอัมพร หรือไข่ยาน อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นพ่อของน้องชีต้าร์ อายุ 5 เดือน 5 วัน เล่าว่า ลูกชายตนป่วยด้วยอาการปวดท้องมาประมาณ 5-6 วัน ซึ่งตนก็ได้พาลูกชายไปหาหมอแล้ว 2 ครั้ง แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น จนล่าสุดเมื่อเช้าวันนี้ ลูกชายเริ่มมีอาการแปลก ๆ คือมือเท้าเริ่มซีด ตนจึงรีบไปยืมรถของชาวบ้านเพื่อที่จะพาลูกไปหาหมอ แต่รถยังไม่ทันจะขับมาถึงบ้าน ปรากฏว่าลูกได้เสียชีวิตแล้ว นายอัมพรจึงตั้งท่าจะพาตัวลูกไปส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่า นางปราณี แม่ของตนได้เข้ามาห้ามไว้ และบอกให้พาเด็กไปฝังดินก่อน ค่อยไปแจ้งตำรวจทีหลัง เพราะนางปราณีเคยเป็นหมอตำแย จึงมีความเชื่อว่าไม่ควรปล่อยให้เด็กที่ตายท้องบวม ต้องรีบฝังดินก่อนที่ท้องจะบวม ตนเห็นว่าคัดค้านไม่ได้ จึงได้นำร่างของลูกไปฝังที่ใต้ต้นทุเรียนข้างบ้าน พร้อมกับจุดธูปเทียนบอกกล่าวลูกชาย ว่าถ้าชาติหน้ามีจริงก็ขอให้กลับมาเป็นพ่อลูกกันอีก
ส่วนประเด็นที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตนนั้นเป็นคนลงมือทำร้ายลูกแล้วนำไปฝังอำพราง ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากตนนั้นรักลูกชายมาก ขนาดที่ว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม เป็นไปไม่ได้ที่ตนจะทำร้ายลูก และคาดว่าน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งใส่ร้าย เพราะคนในหมู่บ้านนี้ไม่ชอบหน้าตน ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ชาวบ้านหลายคนมักอ้างว่า ตนเคยไปทำร้ายทุบตีเพื่อนบ้าน แต่ตนก็ตั้งคำถามขึ้นมาว่า ไหนเจ้าทุกข์ ไหนคนเดือดร้อน ก็ไม่เห็นมีใครไปแจ้งความให้ตำรวจมาจับ หากตนทำผิดหรือไปทำร้ายใครจริง ๆ ตอนนี้ก็ต้องมีตำรวจมาจับไปแล้วซิ
ด้านนายมโน เข็มเพชร อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 เปิดเผยว่า นายอัมพรเป็นบุคคลอันตรายภายในหมู่บ้าน เนื่องจากที่ผ่านมา นายอัมพรมีพฤติกรรมที่รุนแรง ทำตัวเป็นอันธพาลหาเรื่องชาวบ้านไปทั่ว ทั้งเอาหนังสติ๊กมายิงใส่รถที่ขับผ่านหน้าบ้าน เอาก้อนหินเขวี้ยงใส่ประตูชาวบ้าน โชว์ของลับในที่สาธารณะ ไปอาละวาดเด็กประถมที่โรงเรียน จนทำให้นักเรียนกว่า 50 คนลาออกจากโรงเรียน เนื่องจากผู้ปกครองกังวลในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งตนก็เคยโดนนายอัมพรบุกเข้ามาหาเรื่องแล้วหลายครั้ง ขนาดที่ว่านายอัมพรจะตะโกนด่าแม่ตนทุกครั้งที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าบ้าน หลายครั้งที่ตนได้ไปแจ้งความที่โรงพัก แต่ก็ไม่เคยมีความคืบหน้าใด ๆ เพราะตำรวจบอกว่าหลักฐานไม่เพียงพอ
ทีมข่าวได้สอบถามไปยังชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ได้ทราบข่าวว่าเด็กทารกถูกฝังดินในพื้นที่บ้านของนายอัมพร ซึ่งเบื้องต้นไม่เชื่อว่าเด็กได้เสียชีวิตเพราะอาการป่วยธรรมดา เนื่องจากทั้ง 2 ผัวเมียมีพฤติกรรมที่รุนแรงทั้งคู่ ทั้งติดยาเสพติด วันดีคืนดีก็ถือมีดถือพร้าออกมาเดินตามถนนและไล่ฟันชาวบ้าน ขับรถจะไล่ชนเด็กนักเรียน
จนล่าสุดเมื่อวานมีคนเห็นทางฝั่งนางสุนิสา แม่ของเด็ก เข็นเด็กทารกออกมาเดินตามถนน โดยชาวบ้านเล่าว่า นางสุนิสามักจะนำเด็กมาเข็นตามริมถนนอยู่บ่อยๆ ซึ่งการเข็นในที่นี้มันไม่ปกติ เนื่องจากบางครั้งชาวบ้านก็เห็นว่ามีแต่รถเข็น ไม่มีเด็กอยู่ในรถ บางครั้งก็นำเด็กมาเข็นตอนแดดเปรี้ยง ซึ่งมองแล้วมันผิดปกติ แม่ที่ไหนเขาจะพาลูกมาเดินเล่นตอนแดดร้อนๆ ทีมข่าวช่อง 8 จึงได้ไล่ดูภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า เมื่อวานนี้ (6 ก.ย. 66) เวลาประมาณ 10.07 น. ได้พบภาพขณะนางสุนิสาเข็นรถพาเด็กออกมาเดินเล่นตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน จากนั้นเวลาประมาณ 10.17 น. ได้เห็นนางสุนิสาเข็นเด็กกลับมายังทางเดิม
ด้านนายพิน อายุ 86 ปี ปู่ของเด็ก และพาเข้าดูในบ้าน พบภายในบ้านมีร่องรอยการทำลายและมีอุปกรณ์เสพยาเสพติดอยู่ นายพิน เล่าว่า น้องชีตาร์หลานชายป่วย ไม่สบายก่อนที่จะพบว่าช่วงเช้าได้เสียชีวิต ลูกชายพ่อของเด็กและแม่ของเด็กจึงนำไปฝังไว้ ถึงแม้ว่าลูกชายและสะใภ้จะเล่นยาบ้า โดยเฉพาะลูกชายที่เป็นคนค่อนข้างดื้อ ชอบทำลายข้าวของภายในบ้าน และอันธพาลชอบเอาหนังสติ๊กยิงใส่ชาวบ้านที่ผ่านไปมา ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง จนมีคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นใครได้มายิงใส่บ้าน ทำให้ประตูและหน้าต่างเสียหาย แต่ตนเองยืนยันว่าการเสียชีวิตของหลานชายนั้นไม่ได้โดนทำร้ายเพราะลูกชายรักลูกคนนี้มาก และตายจากการเจ็บไข้
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบปากคำโดยละเอียด และรอผลชันสูตรจากนิติเวชโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีอีกครั้ง