"เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย" เคาะกระหม่อม "เศรษฐา" อวยชัย ขอบริหารประเทศให้ดี ขณะเจ้าตัวก้มกราบรับพร ขณะประชาชนรุมผูกผ้าขาวม้าพร้อมระบุ "ต้องผูกแน่นๆ เพื่อให้อยู่นานๆ" จากนั่นแวะตลาดผ้านาข่าทิ้งท้ายทริป อุดหนุนผ้ายกดอกสุรินทร์ 8,500 บาท
วันที่ 9 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะเดินทางต่อมายังวัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย เพื่อเข้าสักการหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ"บ้านหลวงพ่อพระใส" ซึ่งเป็นอารามหลวง ทันทีที่นายเศรษฐา ได้เดินมาถึงอุโบสถได้มีชาวบ้านเข้ามาขอถ่ายรูป พร้อมนำผ้าขาวม้ามาผูกที่เอว พร้อมกล่าวว่า "ต้องผูกแน่นๆ จะได้อยู่นานๆ พวกเรารอมานานแล้ว นายกฯ ต้องอยู่นานๆ"
จากนั้นนายเศรษฐา ได้เข้ากราบสักการะพระพุทธรูปหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปสำคัญคู่เมืองหนองคาย และนมัสการ พระเทพวชิรคุณ (รศ.ดร.พิศิษฐ์ สุวีโร) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย พร้อมทั้งรับพรจากเจ้าอาวาสที่ระบุว่า "ได้ติดตามพวกท่านทั้งหมด รู้จักชื่อรัฐมนตรีทุกคน ขอให้ช่วยกันบริหารประเทศให้ดี" จากนั้นนายเศรษฐา ได้ก้มกราบรับน้ำมนต์จากเจ้าอาวาส โดยเจ้าอาวาสได้ใช้ตอกพรมน้ำมนต์แตะไปที่ศีรษะของนายกรัฐมนตรี
ก่อนที่เวลา 15.00น. นายเศรษฐา และคณะได้เดินทางมาที่ตลาดผ้าบ้านนาข่า ซึ่งเป็นการร่วมกลุ่มทอผ้าของชาวบ้าน จนมีการบริหารกันในรูปแบบธุรกิจ โดยเฉพาะการขายผ้าไหมลายขิด และผ้าฝ่ายย้อมคราม รวมถึงการประยุคตัดเย็บตามเอกลักษณ์ของผ้าชาวอีสานด้วยงานแฮนเมดทั้งสิ้น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากพ่อค่าแม่ขายในพื้นที่เข้ามาขอถ่ายรูปกันอย่างคึกคัก
ทั้งนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า อยากได้ผ้าไทยไปตัดชุด สำหรับใส่เข้าประชุมคณะรัฐมนตรี แต่เดินจนสุดซอยแล้วยังไม่ได้สีที่ถูกใจ แต่เห็นผ้าสีเหลือง ซึ่งเป็นผ้ายกดอกสุรินทร์ จึงได้อุดหนุนแม่ค้า 1 ผืนในราคา 8,500 บาท
อย่างไรก็ตามในช่วงก่อนเดินทางกลับนายเศรษฐา ได้ถ่ายรูปที่จุดถ่ายรูปที่ระลึกของตลาดผ้านาข่า พร้อมกับ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับสินค้า OTOP แต่เข้าใจว่าตอนนี้มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูง จะขอยืนยันว่าในการประชุมครม. นัดแรกจะลดค่าไฟฟ้า และค่าน้ำมัน เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์เบื้องต้นส่วนปัญหาหนี้สินก็จะดูแลด้วย
จากนั้นนายกฯและคณะได้เดินทางต่อไปยังสนามบินนานาชาติจังหวัดอุดรธานี เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ถือเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจของนายเศรษฐา ลงพื้นที่ 3 จังหวัดภาคอีสาน เพื่อรับฟังความเห็นพี่น้องประชาชนและภาคธุรกิจก่อนแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 11 และ 12 กันยายนนี้