ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ที่บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลนครปฐม และด้านในโรงพยาบาลที่บันทึกภาพ เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2566 คืนที่เกิดเหตุ พ.ต.ท.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ ตำรวจทางหลวงถูกยิงเสียชีวิต ส่วน พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ภาพจากกล้องวงจรปิด ระบุเวลาประมาณ 21.18 น. จับภาพช่วงที่รถเก๋งสีบรอนซ์พา พ.ต.ต.ศิวกร หรือสารวัตรแบงค์ มาส่งที่โรงพยาบาลนครปฐม จากภาพจะเห็นว่า รถคันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็ว และจอดหน้าห้องฉุกเฉิน เพราะรถยังไม่ทันจอดสนิท ตำรวจที่นั่งมาด้วยด้านหลัง ก็รีบเปิดประตูลงจากรถ แล้วรีบเรียกเจ้าหน้าที่ จากนั้นก็มาเปิดประตูด้านหน้าฝั่งคนนั่ง และเมื่อรถจอดสนิทแล้ว ตำรวจที่เป็นคนขับรถ ก็รีบลงมาเพื่อช่วยกันกับเจ้าหน้าที่ นำสารวัตรแบงค์ขึ้นเปลนำเข้าห้องฉุกเฉินทันที
ทั้งนี้ ในภาพยังเห็นว่า ขณะนั้นคนขับที่ลงจากรถมา สวมเสื้อกั๊ก CIB คาดว่าน่าจะเป็นตำรวจทางหลวง ส่วนตำรวจ 2 นาย ที่พาสารวัตรแบงค์มายังโรงพยาบาล คือ พันตำรวจเอกกฤษฎาพร จงอักษร ผู้กำกับการ สน.พญาไท คือ คนที่นั่งเบาะหลัง ส่วนคนขับคือ หมู่เจน ยังไม่ทราบสังกัด
จากนั้น เวลา 21.21 น. กล้องวงจรปิดได้จับภาพรถกระบะ 4 ประตูสีบรอนซ์ ขับมาจอดบริเวณห้องฉุกเฉินเพื่อนำตัวของ พ.ต.ท.วศิน ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บมาส่งโรงพยาบาล จากนั้นมีตำรวจคนหนึ่งลงจากประตูฝั่งคนนั่ง ก็คือ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล.
ส่วนผู้ชายเสื้อสีเขียว คนที่เปิดกระบะท้าย ทราบชื่อคือ พ.ต.ท.ณรงค์ พิทักษ์ฉนวน สว.ฝอ.กก.2 บก.ทล
ส่วนคนขับที่พามาก็เป็นตำรวจ แต่ยังไม่ทราบว่า คือใคร ซึ่งตำรวจทั้ง 3 คน ช่วยกันนำ พ.ต.ท.วศิน มาส่งโรงพยาบาล
นอกจากนี้ ยังมีรถเก๋งสีดำที่ขับตามมาอีก 1 คัน คนขับที่ลงมาจากรถ ก็คือ พ.ต.ท.ภทร วรญาวิสุทธิ์ สว.สส.สภ.สระยายโสม และทั้ง 4 คน ก็เข้าไปภายในห้องฉุกเฉินเพื่อนำส่งผู้บาดเจ็บ
จากนั้น หลักฐานตัวใหม่ที่ทีมข่าวได้มา ถือกล้องภายในโรงพยายาบ ซึ่งจะเห็นว่า มีตำรวจเพียงแค่ 6 นายเท่านั้น ที่ให้ช่วยเหลือนำตำรวจทั้ง 2 ส่งโรงพยาบาล
และจากภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าตำรวจทั้ง 6 นายที่กำลังยืนอยู่ภายในโรงพยาบาลมีท่าทีเดินไปเดินมาแสดงถึงความเป็นห่วง และคอยสอบถามเจ้าหน้าที่ รพ. อยู่ตลอด ส่วนตำรวจอีกกว่า 17 คนนั้น ไม่เห็น
ทีมข่าวยังได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่เวรเปลที่อยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุ เล่าให้ฟังว่า ช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง มีรถเก๋งสีบรอนซ์ขับมาด้วยความเร็ว ก่อนจะมีชาย 2 คนลงจากรถ โดยทั้งสองคนไว้ผมเกรียนเหมือนข้าราชการ จากนั้นชาย 1 คน ได้รีบลงจากรถ และตบมือเรียกให้พวกตนเองที่เข้าเวรอยู่หน้าห้องฉุกเฉินให้รีบพาสารวัตรศิวกรขึ้นเปล โดยตะโกนบอกพวกตนเองว่า “มารับคนเจ็บหน่อย ถูกยิงมา ด่วนๆๆ” ซึ่งขณะนั้นชายสองคนไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นตำรวจ แต่ตนเองก็พอสังเกตได้เนื่องจากมี 1 นายสวมเครื่องแบบครึ่งท่อน ส่วนตัวผู้บาดเจ็บ สารวัตรศิวกร ขณะนั้นถูกยิงเสียเลือดมาก และหมดสติแล้ว จึงรีบพาเข้าห้องฉุกเฉินทันที
จากนั้นผ่านไปไม่นาน ก็มีรถกระบะอีกคันขับมาจอดหน้าห้องฉุกเฉินโดยมีชายหัวเกรียนอีก 3 คน และรถเก๋งดำ มาอีก 1 คน รวม 4 คน พาคนเจ็บอีกคน นำส่งโรงพยาบาล โดยคนเจ็บคนที่ 2 (พ.ต.ท.วศิน) เท่าที่เห็นถูกยิงบริเวณแขนได้รับบาดเจ็บ แต่ยังมีสติพูดคุยสอบถามได้
หลังจากพาผู้บาดเจ็บทั้งสองเข้ารับการรักษา ตนเองได้เห็นตำรวจทั้งหมด 6 เฝ้าอยู่ในโรงพยาบาลไม่ห่าง และไม่ได้หนีหายไปไหน จากนั้นสักพัก ก็มีพรรคพวกของตำรวจอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่า เป็นตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุด้วยหรือไม่ เดินทางมาเสริม แต่ห้วงเวลาก็ทิ้งไปนานพอสมควรแล้ว
ล่าสุด ทีมข่าวยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในเขตเทศบาลนครนครปฐม โดยจะเห็นรถเก๋งสีบรอนซ์พา พ.ต.ต.ศิวกร หรือสารวัตรแบงค์ มาส่งที่โรงพยาบาลนครปฐม ภายในรถมีตำรวจ 2 นาย ที่พาสารวัตรแบงก์มายังโรงพยาบาลนั้น คือ พันตำรวจเอกกฤษฎาพร จงอักษร ผู้กำกับการ สน.พญาไท คือ คนที่นั่งเบาะหลัง ส่วนคนขับคือ หมู่เจน ยังไม่ทราบสังกัด
ขณะที่ พ.ต.อ. กฤษฎาพร จงอักษร ผกก.สน.พญาไท ถูกเชิญตัวมาสอบปากคำที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7 ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา กระทั่งช่วงเย็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวไปสอบปากคำที่บริเวณชั้น 3 ระหว่างที่นำตัวไป ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่าในวันเกิดเหตุได้ให้การช่วยเหลือสารวัตรแบงค์ พ.ต.อ. กฤษฎาพร ได้แต่พยักหน้า ยืนยันว่า ได้ช่วยเหลือจริง
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังถามถึงในวันเกิดเหตุด้วยว่า ในคืนวันเกิดเหตุ เห็นบุคคลที่สั่งให้ทำลายกล้องวงจรปิด หรือให้การช่วยเหลือผู้ก่อเหตุหลบหนีหรือไม่ พ.ต.อ. กฤษฎาพร โบกมือ ปฏิเสธว่าไม่เห็น ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเชิญตัวขึ้นลิฟต์ไป
ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้จำลองเหตุการณ์คืนวันที่สารวัตรแบงค์ถูกนำตัวหามส่งโรงพยาบาลให้แน่ชัดว่า หลังเกิดเหตุ เพื่อนตำรวจได้นำตัวสารวัตรแบงค์ส่ง รพ.ทันที และรวดเร็วจริงหรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่กองปราบ ระบุว่า เสียงปืนดังขึ้นเวลา 21.26 น. และส่งตัวสารวัตรแบงค์ถึง รพ. คือเวลา 21.46 น. ซึ่งเพื่อนตำรวจจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที ถึงโรงพยาบาล
ทีมข่าวได้ตั้งต้นที่บ้านกำนันนก ทดสอบเส้นทางหามสารวัตรแบงค์ส่ง รพ. ในเส้นทางที่คาดว่าเพื่อนตำรวจพาส่งโรงพยาบาล
ซึ่งจากการทดสอบพบบ้านของกำนันอยู่ห่างจาก รพ. 10 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีตามเวลาในกูเกิ้ลแม็ป แต่หากทีมข่าวได้ทดลองขับจริง เพื่อดูอุปสรรค และสภาพการจราจรระหว่างทาง จะต้องใช้เวลาประมาณเท่าไหร่
โดยจากการทดสอบของทีมข่าว พบว่า ทีมข่าวได้ใช้เวลาจากบ้านของกำนันนกไปถึงโรงพยาบาลนครปฐม ใช้เวลาประมาณ 15 นาที โดยอุปสรรคสำคัญระหว่างทางคือ ต้องขับผ่านชุมชนและต้องข้ามทางรถไฟ ซึ่งช่วงที่ทีมข่าวจำลองได้ติดขบวนรถไฟสักพัก ก่อนจะถึง รพ.