วันที่ 11 ก.ย. 2566 ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือผู้การแต้ม ในประเด็นการปลิดชีพของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก. 2 บก.ทล. หรือ ผกก.เบิ้ม โดยมองว่า การเสียชีวิตของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.สทล.1 บก.ทล. นั้น ก่อนอื่นต้องแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวผู้สูญเสียทุกคน ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องหา สารวัตร หรือผู้กำกับ ต้องขอแสดงเสียใจ และในเรื่องของคดี ก็คงต้องให้ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวนว่า การปลิดชีพครั้งนี้มีเลศนัยหรือไม่ อาจจะปลิดชีพ ด้วยเป็นส่วนหนึ่งทำให้ลูกน้องตาย ทำให้ตัวเองเสียชื่อ หรือปลิดชีพเพราะถ้ามีการสืบสวนสอบสวนจะเป็นผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดหรือเปล่า หรือในประเด็นที่ประชาชนมองว่าเป็นการตัดตอนของคดี ก็เป็นสิ่งที่ทางตำรวจต้องสอบสวน และออกมาชี้แจงให้กระจ่าง ถ้าไม่มีการชี้แจง สิ่งที่ตามมาคือศรัทธาของประชาชน

สำหรับคดีนี้ ตนมองว่า ไม่ได้มีอะไรที่ลับลมคมใน เพราะมันเกิดเหตุที่บ้านกำนันนก แต่เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าในวันนั้น ซึ่งอยากให้ประชาชนมองตามหลักความจริงว่า หน่อง มือปืน และสารวัตรศิวกร ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันมาก่อน แต่ที่ยิงนั้นอาจเป็นเพราะกำนันสั่ง เพราะโกรธแค้น แต่ก็ต้องหาสาเหตุเกิดจากอะไร จาการขอแต่งตั้งตำแหน่งหรือส่วยนั้น คือข้อสำคัญที่ต้องทำให้กระจ่าง

ในเรื่องกรณี 6 ตำรวจที่โดนหมายจับที่มีพฤติการณ์แกล้งจับและพาหนี ต้องบอกว่าเป็นพฤติกรรมที่เลวร้าย ตอนเกิดเหตุคุณไม่ได้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิง มันก็เป็นเรื่องเลวร้ายอยู่แล้ว คุณไม่ได้ทำตามหน้าที่ของคุณ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อมีการจับกุม ยังมีการพาหนี และปล่อยตัวไปอีก พร้อมทำลายพยานหลักฐานของคดีที่จะมัดตัวผู้ต้องหา และผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมมีการล้างคราบเลือด เอาเซิร์ฟเวอร์ไปทิ้ง นี่คือพฤติการณ์ที่เลวร้ายของตำรวจทั้ง 6 คน พร้อมอาวุธปืนก็เป็นของตำรวจ ที่มือปืนใช้ยิง และยังขับนำพาหนีอีก แบบนี้เรียก ตำรวจเลว

และในกรณีที่มีคนมองว่า กำนันนก อาจจะรอดจากคดี เพราะไม่ได้การโดนโยง จากตำรวจ หรือ มือปืนว่าเป็นผู้สั่งการ ต้องบอกว่าหลุดยาก เพราะในการทำงานของตำรวจ จะมีพยานอยู่ 3 อย่าง พยานแรก คือ พยานบุคคล คือการสอบสวนทุกคน มันก็จะมีคนรักตัวกลัวตาย ซึ่งตอนนี้ก็มีแล้ว มีการรับสารภาพจากหลายๆ คน สองพยานวัตถุก็ คือ ปืนที่ขุดเจอ และชี้ชัดว่าปืนนี้เป็นปืนที่ยิงสารวัตร ภาพวงจรปิด เซิร์ฟเวอร์ก็สามารถจะกู้ได้ นี่คือพยานวัตถุ และก็พยานนิติวิทยาศาสตร์รอยเลือด ภาพที่จะปรากฏจากพยานวัตถุ คือ เซิร์ฟเวอร์

ดังนั้น จิ๊กซอว์ต่างๆ จะถึงกำนันนก แม้จะปฏิเสธอย่างไร แต่หลักฐานก็สามารถเชื่อมต่อกันได้ ถึงตำรวจหลายคนจะให้การไม่ตรงกัน มันเป็นเรื่องปกติ เพราะบางคนอาจนั่งหันหลังให้ บางคนอาจจะมองเห็นหรือไม่เห็น แต่ทุกคนเวลาให้การแล้วจะเป็นจิ๊กซอว์ที่เชื่อมไปหากำนันนก และตนยืนยันว่า ถึงแม้มือปืน จะโดนวิสามัญไปแล้ว ไม่สามารถจะพูดได้ กำนันนก ก็ไม่รอดเหมือนกัน
ในเรื่องนี้ตนมองว่า ไม่มีตำรวจที่ใหญ่กว่าที่รายชื่อออกมาแล้ว ที่จะเกี่ยวข้อง เพราะเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า มันเกิดจากการไม่พอใจ ในเรื่องการขอตำแหน่ง หรือส่วย และมองว่า หลังจากนี้จะมีหมายจับออกมาอีก ทั้งตำรวจและภาคเอกชน

ส่วนในเรื่อง จากคดีที่ยิงสารวัตรศิวกรเสียชีวิต และโยงมาถึงการตรวจสอบ ธุรกิจของกำนันนก มันเกิดจากการขยายผลที่ต่อยอด มันไม่ได้แค่เรื่องธุรกิจ ไหนจะเรื่องปืน 9 กระบอกของกำนันนกก็ต้องตรวจสอบ ปืนที่ใช้ยิงสารวัตรก็ต้องมีการเอาไปตรวจด้วย ว่าเคยเอาไป ก่อเหตุอีกหรือไม่ มีหลักฐานอะไรไหม มันคือการขยายผลไปอีกหลายอย่าง ลูกน้องของกำนันนก ก็ต้องขยายผล และตัวกำนันนกเองก็ต้องเช็คว่า ธุรกิจ ถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกต้องทำไมลูกน้องเยอะ เครือข่ายเยอะ การมีเยอะขนาดนี้ ก็ต้องมองว่าไม่ถูกต้องก่อน

และตนเชื่อว่า ในด้านคดีนี้จะไม่ยาวมาก ไม่เกิน 3 เดือนก็จะจบ พร้อมมีคำตัดสิน สุดท้ายคดีแบบนี้มีเยอะการล้างผู้มีอิทธิพลนั้นมันเคยมีและก็หยุดและมีอีก แต่สิ่งที่ได้ คือการถอดบทเรียนจากคดีนี้ คือ การทำงานของตำรวจ ถอดบทเรียนของผู้มีอิทธิพลหรือผู้กว้างขวางว่า คุณใช้อำนาจเกินขอบเขตไปไหม ต่อไปก็จะไม่กล้า ถ้ามีเรื่องกับเจ้าหน้าที่รัฐ ก็คือการถอนรากถอนโคน จะเป็นตัวอย่างให้สังคมอยู่ในร่องในรอยมากขึ้น สิ่งที่อยากบอกกับประชาชน คือ ให้ฟัง ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ อย่าฟังจากข่าวเยอะ ไม่อยากให้บีบคั้นตำรวจที่ทำคดี ทำเร็ว หลุดมา มันไม่ดี ทำช้า รอบคอบคนร้ายติดคุก มันดีกว่า และสำหรับตำรวจที่ทำไม่ดีก็อยากให้กลับหลัง เลิกซะ

ผู้การแต้มเดือดลั่นเลวร้าย คนไม่จับกำนันนก ฉะผู้กำกับตายกำนันระวังคิวต่อไป