วันที่ 13 ก.ย. 2566 ตั้งแต่เวลา 05.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดปฏิบัติการฟ้าสาง นัดรวมพลกว่า 100 นาย รวมเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยปฎิบัติการพิเศษ ตำรวจกองปราบปราม ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 7 ชุดสืบจังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่ ปปช. ปปง. ปปท. และ ปปป. ซึ่งทั้งหมดมีการบูรณาการร่วมกัน และได้กระจายกำลังบุกค้นบ้านเป้าหมายที่อาจมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายกำนันนก
หนึ่งในบ้านเป้าหมายที่เจ้าหน้าที่บุกค้น คือ บ้านของนายเต้ง หรือ นายศักดิ์รินทร์ ซึ่งตำรวจสงสัยว่าอาจเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายกำนันนก เนื่องจากมีข้อมูลว่า นายเต้ง หรือฉายา “กำนันเต้ง” ได้รู้จักและสนิทสนมกับกำนันคนหนึ่งในพื้นที่ซี่งกำนันคนดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายกำนันนก
เมื่อไปถึงบ้านนายเต้ง ตำรวจชุดสืบสวนได้กระจายกำลังค้นหานายเต้งแต่กลับไม่พบตัว พบเพียงนางวิลาสินี พี่สาวของนายเต้ง บอกว่า ตัวนายเต้งได้เดินทางกลับมาจากเขมร เมื่อ 1 อาทิตย์ก่อน เพื่อกลับมาช่วยงานศพยายที่เพิ่งเสียชีวิตไป จากนั้นก็ได้เดินทางกลับเขมรไปแล้ว
และส่วนตัวตนเองไม่ทราบว่า นายเต้งน้องชายมีความเชื่อมโยงกับกำนันนกได้อย่างไร เพราะน้องชายมีอาชีพขายข้าวมันไก่อยู่เกัมพูชา แทบไม่ค่อยได้อยู่ประเทศไทย จะไปๆ มาๆ เท่านั้น ส่วนที่มีคนเรียกน้องชายว่า “กำนันเต้ง” เป็นเพียงฉายาเฉยๆ ที่จริงน้องชายไม่ได้เป็นกำนัน และเคยเป็นลูกน้องคนสนิทกับกำนันคนหนึ่งในพื้นที่เท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่ากำนันคนดังกล่าวมีความเชื่อมโยงอย่างไรกับกำนันนก ยืนยันน้องชายตนเองไม่เกี่ยวยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมาย
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าค้นห้องนอนของนายเต้ง และพี่สาวพร้อมกับตรวจยึดซองจดหมายบางอย่าง และกระดาษที่มีการเขียนตารางบันทึกบางอย่างนำไปตรวจสอบ และจากการตรวจค้นเบื้องต้นยังไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายใดๆ
ทีมข่าวได้พบป้าสาย พี่สาวของกำนันเต้ง บอกว่า กำนันเต้งได้ไปขายข้าวมันไก่ที่ประเทศกัมพูชาหลายปีแล้ว เธอคุยล่าสุดเมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา ยืนยันว่ากำนันเต้งไม่ได้รู้จักกับกำนันนก และไม่เคยทำธุรกิจร่วมกัน ซึ่งก่อนที่กำนันเต้งจะไปขายอาหารที่ประเทศกัมพูชาก็มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ตัวป้าก็ไม่รู้จักกำนันนกเช่นกัน ส่วนกำนันเต้งไม่ได้เป็นกำนันแต่ชาวบ้านเรียกว่ากำนัน และจากการตรวจสอบประวัติพบว่า กำนันเต้งเคยถูกดำเนินคดีฆ่าคนตาย
นอกจากนี้ นายศักรินทร์ หรือ กำนันเต้ง ได้ไลฟ์สด ชี้แจงว่า ตนมีอาชีพขายข้าวมันไก่ที่กัมพูชา ไม่ได้มีอะไรพัวพันกับกำนันนก อดีตที่เคยเกิดขึ้นก็คืออดีต แต่คนที่ไม่รู้จักก็เอาไปพูดจนไปเกิดเรื่องไปหมด ถามว่าเมื่อก่อนทำจริงไหม ก็จริง แต่มันคืออดีต ที่เป็นหนี้ก็ต้องหาเงินใช้หนี้เขา ก็ต้องทำความผิด
อาชีพก่อนหน้านี้ ตนเคยขายพระมาก่อน ตอนนี้ก็มีเงินหลักล้านต้นๆ แต่ก็เป็นหนี้เหมือนกัน แต่ก็เข้าใจคดีนี้เป็นเป็นคดีใหญ่ที่ทุกคนติดตาม และเมื่อตนมีคดีมาก่อนก็เข้าใจได้ และปืนที่เจอ 3 กระบอก เป็นชื่อตนจริง และขึ้นทะเบียนถูกต้อง
และถ้าตำรวจอยากเช็กว่าตนรู้จักกำนันนกไหม ก็สามารถเอาเบอร์โทรไปเช็กได้เหมือนกันว่าเคยโทรหากำนันนกไหม หรือเคยติดต่อกันบ้างไหม ซึ่งธุรกิจที่ตนทำก็คือขายข้าวมันไก่ ราคาเริ่ม 65-99 บาท และมีร้านขายข้าวแกงอีกร้าน ออเดอร์ก็เข้ามาตลอด ตนก็ต้องมีเงินบ้าง ตั้งแต่ตนออกคุกมา 7 ปี ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวงการมืดอีกเลย พยายามทำมาหากินมาตลอด จนทุกวันนี้มีแบบนี้ อยากวอนสื่อที่ไปเล่าข่าวให้ออกมา นำเสนอ ด้วยเนื้อหาไม่ถูกต้อง ออกมาแก้ให้หน่อย ว่าตนไม่ได้รู้จัก กำนันนก ทำงานสุจริต มีเมียคนเดียว ไม่ได้มีหลายคนอย่างที่เป็นข่าว