อาจารย์กฤษณพงค์ อธิบายเรื่อง“กำนันนก” ผู้มีอำนาจเงิน กับวงการตำรวจ ว่าทำไมประเทศไทย ถึงเกิดเหตุการณ์ซ้ำซาก

ทีมข่าวช่อง8 ได้คุยกับ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต มองว่า หากพูดถึงกลุ่มตำรวจที่เอาพยานหลักฐานไปทิ้ง ไปทำลายมีการคุ้มกัน พาผู้ต้องหาหลบหนี คนเหล่านี้ไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นโจร จิตวิญญาณ หัวใจของเขาไม่ใช่ตำรวจ ไม่มีสำนึกในการทำหน้าที่

เท่าที่ทราบมีหลายคนที่เป็นลูกน้อง เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของสารวัตรศิวกร หัวหน้าถูกยิงตาย แต่กลับพาผู้ต้องหาหลบหนี เขาไม่ได้เป็นลูกน้องของสารวัตร แต่เราเป็นลูกน้องของอำนาจเงิน

โดยตนเอง ชี้ว่า ปัญหาในวงการตำรวจเรื้อรังมายาวนาน พูดกันมาไม่รู้กี่ปีก็ยังซ้ำๆ วนๆ ปัญหาใหญ่คือการไม่ยอมแยกตำรวจออกจากการเมือง จะเห็นว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแทบไม่ชูนโยบายปฏิรูปตำรวจ ตราบใดที่เรายังแยกตำรวจออกจากการเมืองไม่ได้ ไม่ให้ตำรวจได้ทำหน้าที่พิทักษ์ประชาชนอย่างเป็นอิสระ ไม่ถูกการเมืองครอบงำ เชื่อว่าปัญหานี้จะไม่สามารถแก้ไขได้

ซึ่งจากกรณี รองสารวัตรคนหนึ่ง ให้การว่า ที่เห็นว่าขับรถนำหน้ารถของกำนันนก หลังเกิดเหตุยิงสารวัตรศิว เหมือนเป็นการขับรถคุ้มกันให้หลบหนี โดยรองสารวัตรให้การว่า ไม่ได้คุ้มกันผู้ต้องหาให้หลบหนี แต่ตั้งใจจะขับรถกลับบ้าน แต่บ้านอยู่ทางเดียวกัน จึงต้องกลับทางนั้น

ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่กำนันนก จะบอกว่า ไม่รู้เห็นว่านายหน่องจะไปยิง หรือไปทำร้ายสารวัตร มีรายงานจากคำให้การพยานว่า จุดเริ่มต้นเหตุการณ์มาจาก กำนันคุยกับสารวัตร แล้วกำนันตบโต๊ะ จากนั้นนายหน่องเดินมายืนหน้าสารวัตร เหมือนจะถามกำนันว่าใช่คนนี้ไหม พอกำนันพยักหน้า ก็เลยชักปืนออกมายิง เรื่องนี้มันก็ชัดเจนว่ากำนันต้องมีส่วนรู้เห็นอยู่แล้ว

ส่วนประเด็นเรื่องกล้องที่ยังกู้ไม่ได้อีก 2 ตัว และอยู่ในจุดสำคัญ ซึ่งเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์  ซึ่งหากไม่สามารถกู้ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้ เพราะประเทศไทยก่อนหน้านี้หลายสิบปี ก็ยังไม่มีการใช้กล้องวงจรปิดกันอย่างแพร่หลาย เวลาจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ก็จะอาศัยพยานบุคคล ซึ่งกรณีนี้ก็สามารถเทียบเคียง ได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามการมีหลักฐานจากกล้วงจรปิด ก็จะทำให้สำนวนมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตนเองยังให้ความเห็นที่น่าสนใจว่าวงการตำรวจเป็นอีกหนึ่งวงการ ที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง สั่งการอะไรโดยไม่ได้สนใจว่า งบประมาณมีเพียงพอไหม แต่สั่งแล้วต้องทำให้ได้ เมื่อถามว่าหาเงินจากไหน ก็คือเครือข่ายผู้มีอิทธิพลเหล่านี้นั่นเอง


ผู้การจรูญเกียรติ เสียงปืนถ้าดังขึ้นมา 1 นัด มันจะบ่งบอกคนเป็น 3 กลุ่ม

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รรท. ผบก.ทล. เผยว่า หลังเกิดเหตุการณ์นี้ผมเชื่อว่าทุกคนหดหู่ การที่คุณออกจากบ้าน คุณอาจจะไม่ได้กลับบ้าน มันเป็นวิสัยของตำรวจ

ส่วนประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ยุทธวิธีที่ตำรวจในงานพบปืนไปแต่ไม่ต่อสู้ หรือการหนีเอาชีวิตรอด มันเป็นอย่างไร ถ้าเป็นความคิดผมเองเชื่อว่าตำรวจมีทั้งพกปืนและไม่พกปืน อยู่ในที่เกิดเหตุ เสียงปืนถ้าดังขึ้นมา 1 นัด มันจะบ่งบอกคนเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือช่วยเหลือสารวัตรศิวกับรองวศิน กลุ่มที่สองคือช่วยกำนัน กลุ่มที่สามคือกลุ่มหลบหนี มีเท่านั้น

ส่วนการที่วงจรปิดจุดสำคัญถูกถอดปรั๊กออก จะกำนันพ้นผิดเรื่องการสั่งฆ่าหรือไม่ ส่วนตัวเขื่อว่ายากที่จะหลุดคดี พยานในที่เกิดเหตุ ส่วนกรณีคิดเห็นอย่างไรเรื่องเมื่อตำรวจได้ยินเสียงปืนนัดแรงวิ่งหนีหมดเลย คือผมขอความเห็นใจหน่อยว่า ถ้าเราไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุชั่วโมงนั้นเราจะทำอย่างไร ทุกคนต่างมีเหตุมีผลของตัวเองที่จะทำ เสียงปืนนัดแรกทุกคนต่างตะลึง บางคนหลบใต้โต๊ะ บางคนหาที่หลบ การเกิดเหตุการณ์เฉพาะหน้าเนี่ยมีนต่างกัน บางคนสามารถควบคุมสติได้ บางคนก็ไม่มี ตำรวจไม่ได้เก่งทุกคน ซึ่งก็จะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป

แต่เมื่อสิ้นเสียงปืนแล้วตำรวจบางกลุ่มกลับไปช่วยคนร้ายหลบหนี ตำรวจเหล่านั้นคาดจากการเป็นตำรวจแล้ว ชุดนี้ต้องเอาให้หนักอย่าปล่อยไว้ คุณจะช่วยเหลือผู้มีพระคุณหรือไม่ไม่รู้ แต่เมื่อคุณได้ยินเสียงปืน คุณต้องเป็นตำรวจมนการเป็นผู้พิทักสันติราชรักษากฎหมาย ไม่ใช่ไปช่วยผู้กระทำความผิด

ส่วนวงจรปิดวันเกิดเหตุ ผมไม่ขอดู เพราะมันหดหู่ ส่วนความเชื่อว่าฟางเส้นสุดท้ายของกำนันนก กับสารวัตรศิว คือคำว่ากำนันสู้ผมไม่ได้ แล้วกำนันไม่เคยแพ้ใคร เชื่อว่านี่คือสิ่งที่คำให้กำนันโมโห หลังจากที่ดวนดื่มเหล้ากัน เมื่อมีการขอโทษกัน ไม่เกิน 10 นาที เสียงปืนดัง เชื่อว่าคนเราจะฆ่าใครซักคนคงไม่ใช่เรื่องเดียว คงมีหลายเรื่องแต่เรื่องสุดท้ายคือฟางเส้นสุดท้าย

 

ผู้เชี่ยวชาญด้ายอาวุธปืนตั้งคำถามสารวัตรแบงค์ถูกยิงกี่นัด กระสุนเข้าจุดตายตรงไหน หลังรองผบ.ตร. เผยกระสุนปืนโป้งแรก

พ.ต.ท.ศรายุทธ อรุณฉาย รองผู้กำกับการควบคุมฝูงชน 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืน โดยเราได้สอบถามว่าปืนกระบอกที่ยิงสารวัตรแบงค์บรรจุกระสุนได้ 15 นัด พอก่อเหตุยิงแล้วในแม็กกาซีนเหลือกระสุน 10 นัด และในรังเพลิงมีกระสุน 1 นัด เท่ากับยิงไป 4 นัดใช่หรือไม่ ตรงนี้ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่ายิง 4 นัดแน่นอน ส่วนกระสุนนัดที่ 5 คาในรังเพลิงยังไม่ได้ยิงแน่นอน

ส่วนลักษณะการยิงเป็นแบบไหนนั้น เรื่องนี้ทางผู้เชี่ยวชาญบอกว่าหน่องอาจจะแค่ยิงปืนเป็น พอขึ้นลำเข้าไปใกล้ๆ สารวัตรแบงค์ก็ยิง 4 นัดต่อกันเลย เป็นการยิงเผาขนระยะใกล้ไม่เกิน 5 เมตร ซึ่งเป็นการยิงหวังผล ไม่ใช่ยิงสาด ส่วนจะยิงเร็วช้าอย่างไรนั้นเราก็ไม่อาจทราบได้เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์

ถามว่า 4 นัดยิงเจาะร่างสารวัตรแบงค์ทุกนัดหรือไม่ ประเด็นนี้ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ากำลังหาข้อมูลอยู่ว่าสารวัตรแบงค์ถูกยิงตรงไหนบ้าง ส่วนรองผกก.ที่ถูกกระสุนบาดเจ็บนั้น เป็นไปได้ว่าอาจมีกระสุนนัดใดนัดหนึ่งทะลุร่างสารวัตรแบงค์แล้วไปแฉลบโดนแขนขวาคนเจ็บ ซึ่งก็ต้องดูจากผังที่นั่งในโต๊ะงานเลี้ยงประกอบด้วย

ส่วนประเด็นที่ว่ากระสุน 1 นัดเจาะร่างสารวัตรแล้วสารวัตรหมดลมไปเลยนั้น ทางตำรวจเองตอนนี้อยากรู้ว่ากระสุนที่ถูกร่างกี่นัด และโดนจุดไหนบ้าง โดยเทียบจากเป้าปืน มันจะเป็นรูปขวด จะเป็นจุดตายทั้งหมด ถ้ากระสุนเจาะในแนวรูปขวด คนที่โดนกระสุนในวงนี้ จะแบ่งเป็น ตายเลย ตายเร็ว หรือตายช้า

ส่วนที่มีข่าวรายงานว่าหลังเสียงปืนดังทุกคนแตกกระเจิง ตรงนี้ทางผู้เชี่ยวชาญบอกเป็นไปได้ที่ทุกคนจะแตกกระจาย เพราะทุกคนไม่ทันตั้งตัว ขนาดผมเองถ้าอยู่ในเหตุการณ์จะชักปืนยิงหรือไม่ ยังตอบยากเลย เพราะตอนนั้นทุกคนรวมถึงตำรวจในงานเลี้ยงอยู่ในสภาวะ Shock Action หรืออยู่ในอาการตะลึง ใครหายจากภาวะนี้เร็วหรือช้าก็อีกเรื่องหนึ่ง แล้วบางทีก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ ยิ่งถ้าคนที่นั่งอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นเมาด้วยแล้ว ปฏิกิริยาตอบโต้ก็ช้าลงอีก ส่วนถ้าเจอเหตุซึ่งหน้าจะยิงไหมขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ สมมติถ้าเห็นคนถือปืนเดินเข้ามาเตรียมตัวทัน ระงับเหตุได้ แต่ถ้ามาถึงยิงเผาขนมันเกิดขึ้นรวดเร็ว

อีกประเด็นที่มีรปภ.ถือปืนในบ้านกำนันนก ถ้าตำรวจไปงานเห็นทำไมไม่เบรค

ส่วนประเด็นเสียงปืน 1 นัดยิงสารวัตรแบงค์ ส่วนนัดที่เหลืออีก 3 เปิดทาง ตรงนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะถ้ายิงเปิดทางจะเป็นอีกแบบหนึ่ง แล้วคนยิงรู้ว่าตำรวจที่ไปงานมีปืนหรือไม่มีปืน ส่วนเสียงปืน 4 นัด มาจากปืนกระบอกเดียว ไม่มีเสียงแทรกมาจากกระบอกอื่น เพราะถ้ามากกว่า 1 กระบอกน่าจะมีคนเจ็บมากกว่านี้

ชัด! กำนันสั่งตายสารวัตร แฉยิงกระตุกทำทรมาน ผู้หมวดคุ้มกำนันอ้างกลับบ้าน