เปิดใจอดีตผู้การทางหลวง มือปราบส่วยรถบรรทุกเผยเคยมีคนเอาเงินใส่กล่องจ่ายส่วย แต่โดนตอกหน้า ผู้การไม่รับจับติดคุกแทน ชี้วันเกิดเหตุยิงอาจมีตำรวจไม่กล้าจับเพราะเกรงใจกำนันนก
พล.ต.ต.อังกูร อาทรไผท อดีตผู้บังคับการตำรวจทางหลวง พูดถึงส่วยว่าเป็นเงินที่ให้โดยศรัทธา สมัยผมเป็นผู้การทางหลวง รถบรรทุกมี 4-5 แสนคัน เดี๋ยวนี้รถบรรทุกมีล้านกว่าคัน ส่วนประเภทของรถบรรทุกเมื่อก่อนมีแค่ 10 ล้อ เดี๋ยวนี้มี 22 ล้อ และรถพ่วง เลยมีการพัฒนาเรื่องน้ำหนัก สำหรับประเด็นส่วยทางหลวงที่คนมุ่งกันมันจิ๊บจ๊อย เพราะจ่ายส่วยรถวิ่งหนักถนนพัง แต่จริงๆตำรวจทางหลวงมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบนทางหลวง คดีอาชญากรรมบนทางหลวง แต่ที่อันตรายกว่าส่วยนั้นคือ ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว อาวุธสงคราม ก็มาทางรถทั้งนั้น
ส่วนเรื่องส่วย ทางอดีตผู้การทางหลวงเล่าว่าสมัยนั้นผมประกาศชัดเจนว่าไม่รับส่วย โดยเล่าถึงวิธีการว่า มีคนเสนอส่วยเป็นล้าน ซึ่งส่วยใส่เงินมาเป็นกล่องต้องชั่งกิโล พอตนเคยถามให้เงินกล่องนี้มีเงื่อนไขอะไร ทางนั้นบอกตรงๆ ว่าขอบรรทุกน้ำหนักเกิน อย่างสมัยก่อนบรรทุก 25 ตัน ขอบรรทุกเกิน 40 ตัน/ทาง พล.ต.ต.อังกูรเลยตอบคนมาให้ส่วยว่า ไม่ได้ เรื่องผิดกฎหมายอย่ามาคุยกับผม ซึ่งทางคนให้ส่วยกลับไปแล้วมาบอกว่าเพิ่มให้สองเท่า ตนยังตอกกลับว่า พูดไม่รู้เรื่องเดี๋ยว เซ่อซ่ามา จับดำเนินคดีฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน ทางอดีตผู้การทางหลวงเผยว่าถ้าจะดูว่าผู้การทางหลวงคนไหนพูดจริงหรือตอแหลเรื่องส่วย ให้ดูผลการจับกุม ถ้ารับเงินส่วยก็ไม่กล้าจับ ส่วนผมเองมีผลงานจับกุมในทางหลวงได้มากที่สุด ซึ่งการแก้ส่วยทางหลวงจริงๆ ง่ายมาก ระดับผู้การไม่รับก็จบ
ถามว่าเรื่องส่วยโยงไปถึงเรื่องอะไร 1.การแต่งตั้งตำรวจ ซึ่งตำรวจอยากย้ายก็ต้องใช้เงินวิ่งแหน่ง พอได้ตำแหน่งแล้วก็ต้องหาทุนคืน 2.นายเรียกเงิน ตำรวจชั้นผู้น้อยก็ต้องหาเงินส่งให้นาย
ถามว่าทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้นกับสารวัตรแบงค์ พล.ต.ต.อังกูร บอกตอนนี้เขาล้างส่วย เพราะตอนก้าวไกลออกมาขุดคุ้ยเรื่องส่วยตำรวจทางหลวง เลยมีการส่งตำรวจน้ำดีปราบส่วย เลยมีเรื่องขึ้น จริงๆ เสียดาย สองคนที่เสียไปเป็นตำรวจน้ำดี จบจากโรงเรียรนายร้อยตำรวจผ่านการฝึก การใช้อาวุธ การต่อสู้ป้องกันตัว ต่อสู้มือเปล่าต้องชนะให้ได้ 7 คน การใช้อาวุธปืนใช้ในวินาทีฉุกเฉิน
ส่วนประเด็นยิงตำรวจต่อหน้าตำรวจนั้น เรื่องนี้อดีตผู้การทางหลวงบอกจริงๆ เหตุเกิดขึ้นซึ่งหน้าจัดการได้เลย แต่ตนได้รับรายงานจากตำรวจชั้นผู้น้อยคนหนึ่งบอกว่าปืนอยู่ในรถ บอกจะพกไปเดี๋ยวน่าเกลียด ส่วนบางคนมีปืนติดตัวใช่ว่าจะฆ่าคนได้ เพราะใจไม่ถึง แต่ตำรวจพกปืนตลอดเพราะมีหน้าที่ 24 ชั่วโมง ถ้าเจอเหตุซึ่งหน้าก็ต้องดำเนินการยับยั้งจับกุม ถ้าคนร้ายมีปืน ตำรวจไม่มี เข้าไปก็ตายเปล่า นอกจากตายแล้วก็โง่ด้วย พร้อมโชว์ว่าผมก็เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บ พกปืนกระบอกเล็กติดตัวไว้ใส่ไว้ที่ข้อเท้า
อย่างในวันเกิดเหตุยิงในงานเลี้ยง วินาทีวิกฤตตอนนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ ถ้าช้าไปคนร้ายหนีไปได้ แต่ยิง 7 นัด ไม่มีใครวิ่งตามเลย หรือเกรงใจกำนันอยู่ ในมุมผมมองว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเกรงใจใครไม่ได้ถึงมีนายกมานั่งเราก็ต้องทำ กฎหมายจะคุ้มครองเรา คนทำผิดก็ต้องยิงเลย ถ้าเป็นผมอยู่ผมยิงทันทีไม่มีพลาดสมองกระจุยแน่ ยิงคนทำผิดกฎหมาย ไม่บาปเลย ต้องไปดับคนทำผิดก่อน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนี้ถือเป็นบทเรียนราคาให้ตำรวจทุกคน ต้องวางตัวให้เป็น อย่าเอาตัวไปเกลือกกลั้วจนถอนตัวไม่ขึ้น เพราะการไปบ้านกำนัน ผู้นำชุมชนสังกัดกระทรวงมหาดไทย การไปสมาคม ไปพบกันเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ได้ไปพร่ำเพรื่อ เฉพาะโอกาสสำคัญอย่างวันเกิด แต่ถ้าไปพบกันช่วงอื่น จะมีจุดประสงค์อื่นใด หรือการรับซองหรือไม่ เราไม่มีทางรู้ พร้อมติงว่าการไปนั่งกินดื่ม ตนมองว่าไม่ควร เพราะคนดีๆ คนมีสติปัญญา มีความรู้ความสามารถ แต่ต้องเพลี่ยงพล้ำไปเพราะการดื่มสุรา ทำให้การตัดสินใจช้าลง ส่งนกำนันตนมองว่าเป็นคนดี ทำประโยชน์ช่วยคน แต่นั่งกินเหล้า ก็ทำให้เพี้ยนเกิดเรื่อง วิเคราะห์ดูแล้วมือยิงไม่เคยยิงคนมาก่อน เพราะถ้ามือปืนของจริงเขาจะยิงทีเดียวไม่เหลียวมาดู ยิงเปรี้ยงเดียวไปเลย ออกจากที่เกิดเหตุไปเลย เพราะเดี๋ยวโดนตามมาจับ พร้อมบอกให้ตำรวจหัดร้องเพลงมาร์ชตำรวจปลุกใจ ถึงจะยิงคนร้ายแล้วตายก็ตายในหน้าที่ เพราะเรามีอำนาจ