ผู้การแต้ม ชี้ ให้การโกหกไม่กระทบ เพราะมีพยานวัตถุและบุคคลมัดชัด
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 2 เผยถึงกรณีที่ บิ๊กโจ๊ก ตั้งโต๊ะแถลงข่าว วานนี้ (14 ก.ย.) ว่า การให้การของคนในบ้านกำนันทั้งพลเรือนและตำรวจ มีการให้การเท็จ พูดโกหก ไม่ตรงตามวงจรปิดที่เปิดเซิร์ฟเวอร์ออกมาได้ว่า การเรียกสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นตัวของผู้ต้องหาหรือพยาน ทุกอย่างถูกบันทึกและทำเป็นสำนวนไปแล้ว หากตัวของพยานมีการให้การเท็จก็ถือว่าเข้าข่ายให้การเท็จในฐานะพยาน , และหากตัวของผู้ต้องหามีการให้การเท็จซึ่งไม่ตรงตามเซิร์ฟเวอร์ที่เปิดมาได้ ก็เท่ากับว่าจะทำให้เป็นพิรุธ ในการให้การและจัดให้ปากคำในครั้งต่อไป โดยจะมีผลในชั้นของพนักงานสอบสวน อัยการ และชั้นศาล ซึ่งจะไม่มีความน่าเชื่อถือและ”ศาลจะไม่เชื่อ” ฉะนั้นไม่ว่าจะให้การอย่างไรทุกอย่างก็ถูกบันทึกเอาไว้ทั้งหมด และจะเป็นไปตามผลของที่ติวิทยาศาสตร์ พยานบุคคล และพยานวัตถุหลักฐาน
กรณีการก่อเหตุ ยิง4นัด ตามที่มีเสียงภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ ผู้การแต้ม เผยว่า การก่อเหตุดังกล่าวถือว่าค่อนข้างชัดเจนเพราะมีเสียงบันทึกเอาไว้ได้ ซึ่งการก่อเหตุครั้งนี้ถือว่ามีเจตนาฆ่า เมื่อมีคนตาย คือการฆ่าโดยเจตนา ไม่ว่าจะยิง1นัด ไม่ตั้งใจ 3นัดยิงมั่ว แต่มีคนตายก็ถือว่าเป็นเจตนา แต่ถ้าหากจะอ้างว่า1นัดยิง 3นัดเปิดทางให้ครตื่นตกใจ การยิง3นัด ก็ต้องเป็นการยิงขึ้นฟ้า แต่ไม่ใช่ว่ามีกระสุน แฉลบไปโดน ตำรวจอีกคนเจ็บ ดังนั้นมันก็คือเจตนาชัดเจน ที่เข้าข่ายถึงขั้นพยายามฆ่า
และการดำเนินคดีกับกลุ่มคนก่อเหตุในคดี ทราบว่ามีการแบ่งกลุ่ม 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่เข้าจับกุม ควบคุมตัว แต่มีการให้การช่วยเหลือ กลุ่มนี้ถือว่ามีความผิดชัดเจน ทั้งทางอาญาและทางวินัย 2.กลุ่มที่ช่วยเหลือคนเจ็บ แต่อ้างว่าพาคนเจ็บส่งโรงพยาบาลจิกไม่ได้ช่วยเหลือหรือช่วยในการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ อาจจะรอดการถูกดำเนินคดีในทางอาญา แต่ไม่รอดในความผิดทางวินัย 3.กลุ่มนี้มีการวิ่งหนีอ้างว่าตกใจ ซึ่งมีความผิดชัดเจนทางอาญาและวินัย ทั้งที่สามารถช่วยเหลือและควบคุมเหตุการณ์ได้แต่มีการหนี
ดร.ตฤณห์ ชี้ตำรวจโกหกเพราะเป็นปฏิกิริยาทางธรรมชาติที่จะปัดความผิดทุกอย่าง
ทีมช่าวช่อง 8 ได้คุยกับ ดร.ตฤณห์ โพธิรักษา นักอาชญาวิทยาเชิงจิตวิทยา อ.คณะสังคมศาสตร์ฯ ม.มหิดล กล่าวว่า เหล่านายตำรวจที่ไปร่วมงานเลี้ยง แล้วสอบปากไม่ตรงกับความจริง แท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องปกติของคนที่ทำความผิด ที่เกิดจากความกลัว ซึ่งการโกหกมันเป็นปฏิกิริยาทางธรรมชาติที่จะปัดความผิดทุกอย่างออกจากตัว ซึ่งถ้าหากเขาไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย อันที่จริงไม่น่าจะต้องโกหก จึงรู้ได้ว่าความชัดเจนของความเป็นคน เวลาที่เกิดเหตุก็จะเกิดความกลัว ตกใจ โดยสัญชาตญาณจะมีด้วยกัน 3 แบบ ว่าจะซ่อน จะสู้ หรือจะหนี
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ชัดเจนว่าจะมีคนสู้ ทั้งผู้บาดเจ็บ หรือเพื่อนในงานด้วยกัน ที่พาเพื่อนไปโรงพยาบาล เพื่อแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้า และอีกกลุ่มนึงก็คือหนี ทั้งติดหลักวิชาชีพของตำรวจด้วย ผิดปกติด้วยว่า ไม่รู้ว่าต้องใช้เหตุอะไร เช่น รีบกลับบ้าน แต่การเอาตัวเองออกจากสถานการณ์ มองให้เห็นถึงความกลัว กระตุ้นให้เห็นถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จนความกลัวเป็นภัยมาถึงตัว เป็นไปตามรูปแบบตามธรรมชาติ
ส่วนการโกหก ก็เป็นการเอาตัวรอดเฉพาะหน้า ซึ่งถ้าหากว่าเรากลัวมากๆ จิตใต้สำนึกของเรา เราก็จะวิ่งไปหาคนที่สามารถช่วยเราได้ เหมือนรู้สึกว่าเราเป็นพวกกัน
ส่วนตัวมองว่าการที่ตำรวจที่ไปร่วมงานด้วยกัน เกิดความกลัว และโกหกในการสอบปากคำ เวลาถูกจับแล้ว เป็นธรรมดาที่ทุกคนต้องปฏิเสธไว้ก่อน แม้เวลาเราไปสอบถามทางญาติหรือคนสนิทของผู้ที่กระทำผิด เขาก็จะบอกทุกครั้งว่า “ลูกฉันเป็นคนดี” ทำให้เราไม่ทราบได้ว่าข้อเท็จจริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคนเราพูดอะไร แต่มันจะอยู่ที่พยานหลักฐานตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ก็จะมีคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่รู้ดีที่สุด
ทั้งนี้ทางตำรวจไทยน่าจะเป็นชาติเดียวที่ให้เจ้าหน้าที่ซื้อปืน ซื้อกระสุนเอง ทั้งที่อาวุธแพงยิ่งกว่าเงินเดือนเสียอีก ขณะที่ต่างประเทศเขามีปืน มีเสื้อเกราะของหลวงให้ใช้ ออกจากราชการก็คืนหลวงไป การเป็นตำรวจไทยไม่ง่าย ทำให้เป็นช่องโหว่ที่ทำให้เจ้าหน้าที่เลือกจะรับผลประโยชน์ รับเงินจากผู้มีอิทธิพลต่างๆ
นิรุตติ์ ตั้งข้อสงสัยคดีกำนันนก มีจุดน่าสงสัยเต็มไปหมด
เพจเฟซบุ๊ก FM96.5 ได้โพสต์คลิปที่ นิรุตติ์ ศิริจรรยา นักแสดง ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องของกำนันนก โดยระบุว่า ตนสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่บ้านกำนันนกว่าตำรวจส่วนใหญ่ที่อยู่ในงานเป็นตำรวจทางหลวง มีเพียง 2-3 นายที่ไม่ได้สังกัดทางหลวงแต่ก็เคยมีความเกี่ยวข้อง เคยดำรงตำแหน่งในตำรวจทางหลวงมาก่อน นั่นคือสิ่งที่ตนสงสัยว่าทำไมกำนันนกถึงได้เจาะจงเลี้ยงเฉพาะตำรวจทางหลวงเท่านั้น
โดยการจัดเลี้ยงนั้นเป็นการเลี้ยงที่บ้านไม่ได้เปิดร้านอาหารหรือโรงแรมเลี้ยง เป็นเจ้าบ้านที่ดี สมมติว่าเราเป็นเจ้าของบ้านแล้วเชิญแขกมาเลี้ยงที่บ้าน เราก็ต้องคอยดูแลความปลอดภัยของแขกทุกคนที่มาอยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นหลักสากลและเป็นหลักของลุกผู้ชาย ที่ต้องให้เกียรติกับผู้ที่เข้ามาอยู่ในบ้านให้มีความปลอดภัย เราต้องห่วงแม้กระทั่งการก้าวย่างในบ้านว่าแขกจะสะดุดไหม ไม่ค่อยมีเหตุที่แขกถูกยิงโดยคนของเจ้าของบ้าน หรือเจ้าภาพ
นอกจากนี้เมื่อเกิดเหตุร้ายกับแขกในบ้าน คนที่เป็นเจ้าของบ้านต้องยืนอยู่ในบ้านและเป็นพยาน ไม่ใช่หนีออกไปจากบ้านกับคนที่ทำความผิด จะเป็นคนทำหรือไม่ทำ จะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง เจ้าของบ้านจะหนีออกจากบ้านทำไม นี่มันไม่ใช่ร้านอาหารหรือโรงแรมแต่เป็นบ้านตัวเอง จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวเกิดเหตุการณ์ขึ้นในบ้านตัวเองเป็นเจ้าบ้านต้องยืนตรงนั้นคอยบอกเหตุการณ์ทั้งหมด นอกจากนี้กำนันนกยังเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองด้วย เมื่อเกิดเหตุแบบนี้ต้องเข้าจับกุมผู้ก่อเหตุไม่ใช่หนีไปพร้อมกัน ตัวเองเป็นกำนันต้องจับคนร้าย
ส่วนเรื่องการพาคนเจ็บแบบถูกยิงหรือยิงตัวเองไป รพ.นั้น ตามปกติถ้ามีเหตุแบบนี้จะไม่ค่อยเห็นการนำตัวคนเจ็บไปส่ง รพ.เอง แต่จะต้องเรียกรถฉุกเฉินหรือกู้ชีพมารับตัวไปเพราะว่าเขาจะมีอุปกรณ์ในการกู้ชีพ และมีสัญญานไฟมีไซเรนจะมาเร็วกว่าและไปส่งได้เร็วกว่านำรถส่วนตัวไปส่ง และมีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ในการกู้ชีพ ซึ่งอันนี้คือสิ่งที่ตนสงสัย
"สันธนะ" เชื่อมันตั้งใจยิงให้ สารวัตรตาย และระยะยิงประชิดตัว
พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ เผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า หน่องมือปืนที่ยิงสารวัตร จากการยิงที่ติดกัน 4 ติดไม่ต้องบอกเลย มันตั้งใจยิงให้ สารวัตรตาย และระยะยิงประชิดตัวเลย อีกนัดคือการซ้ำ ไม่ให้รอดกลับมา ในวงนี้มีเรื่องการหักหลังกันขึ้นจนมีการเอาชีวิตกันขึ้น เรื่องนี้กำนันนกและหน่องมือปืน รู้กัน และมีการวางแผนไว้
เรื่องกล้องวงจรปิด เรื่องนี้มันน่าสงสัย กล้องที่เปิดไม่ได้ 2 ตัว ต้องมีการเตรียมการไว้ เพราะมันสำคัญแต่เปิดไม่ได้ อันนี้น่าสงสัย แต่ว่าจะวางแผนมัย อันนี้ไม่รู้ได้ แต่คิดว่า กำนันนก ต้องไปขออะไร สารวัตร แบงค์ สักอย่างแต่ไม่ได้ เลยโมโห ก่อนให้ไอ้หน่องมือปืนยิงและก่อนยิงน่าจะมีคนไปเอากล้อง 2 ตัวสำคัญนี้ออก ก็เป็นไปได้
การเปิดภาพวงจรปิดนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่มาก มันกระทบตำรวจทั้งหมด กระทบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจน แต่ถ้าปล่อยภาพออกมาตำรวจหนีกระเจิง แล้วความเชื่อมันประชาชนละ มองตำรวจยังไงอันนี่สำคัญมาก
ส่วนตัวผมเชื่อว่ากล้อง 2 ตัว ผมว่าได้หมดละ เพียงแต่จะหาทางออก และตัดสินใจในการปล่อยคริป หรือ หาภาพที่ไม่ให้เสียไปมากกว่านี้เสียหน้าตำรวจนะ ผมแนะนำภาพนิ่งก็ได้ ให้สังคม ประชาชนรู้ไปเลย ควรนำมาเผยได้แล้ว
ในมุมมองผมครั้งนี้ เป็นเรื่องส่วยรถบรรทุกแน่นอน มีทั้งสติ๊กเกอร์ เกี่ยวข้องกันโดยตรงหน่วยงานที่เข้ามาชัดเจน กองบังคับการตำรวจทางหลวง
บิ๊กแจ๊ส ตำหนิตำรวจในงานไร้จิตวิญญาณตำรวจ ไม่รักษาที่เกิดเหตุ รอภาพวงจรปิดชี้ชัดตำรวจคนไหนโกหก หักหลังสารวัตร
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวช่อง 8 ถึงเหตุการณ์ที่มีตำรวจระดับสารวัตรโดนยิงตายวันที่ 6 กันยายน ตนบอกตรงๆ ว่า รับไม่ได้กับพฤติกรรมของตำรวจที่รับผิดชอบในพื้นที่ภาค 7 ว่าทำไมไม่ไปคุมที่เกิดเหตุ เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และถูกทำลายไปเยอะ ซึ่งตำรวจในพื้นที่ต้องรู้เหตุการณ์ตั้งแต่คืนเกิดเหตุแล้ว อยากถามถึงจิตวิญญาณของตำรวจ แต่ตอนนี้คดีเดินหน้าไปมาก
ส่วนประเด็นตำรวจในที่เกิดเหตุไม่ช่วยตำรวจนั้น ทางพล.ต.ท.คำรณวิทย์ พูดเลยว่าตำรวจที่อยู่ในงานเลี้ยงกำนันนกคืนนั้นไม่ควรเป็นตำรวจ เพราะรับไม่ได้ที่มีตำรวจถูกยิงตายในงาน ทำไมตำรวจไม่จับ ไม่ตอบโต้ทั้งๆ ที่มีปืน
“มันหัวหดกันหมดหรืออะไร มันมุดลงโต๊ะกันหมด ความรู้สึกผม ผมถึงรับตรงนี้ไม่ได้ ไอ้พวกนี้ไม่ควรอยู่สัมผัสกับประชาชน เพราะดูแลตำรวจด้วยกันในที่เกิดเหตุ มึงยังดูแลไม่ได้ มึงจะไปดูและประชาชนอะไรได้”
ถามว่าเกรงใจใครหรือไม่ ตรงนี้บิ๊กแจ๊ส บอกมันแน่นอน ถามว่าตำรวจปล่อยให้กำนันนกมีอิทธิพลในพื้นที่ขนาดทุกเดือนเรียกตำรวจเข้าไปกินข้าวประชุมในบ้าน ถึงขนาดให้คนไปกินข้าวถอดเสื้อ คนที่ไปด้วยคงไม่มีศักดิ์ศรีแล้ว
ตอนนี้มั่นใจว่าคดีเดินถูกต้องเพราะมี 2 รองผบ.ตร.ลงไปทำเอง ขยายผลไปถูกต้อง เพราะเจอปืน และผู้ต้องหา รวมถึงเจอเซิร์ฟเวอร์ เอามาประกอบหลักฐาน แล้วขยายผลต่อทั้งเรืองฮั้วประมูล และรวยผิดปกติ
ส่วนเรื่องวงจรปิด ภาพจะปรากฎชัดว่าใครทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดีให้หมด อาจจะมีตำรวจโดนดำเนินคดีอีก เพราะสอบปากคำไปบางคนพูดไม่ตรงกับภาพในกล้อง ก็เท่ากับให้การเท็จดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา ส่วนประเด็นที่ว่า ทำไมไม่เปิดให้คนรู้ความจริง เรื่องนี้บิ๊กแจ๊ส ตัวผมยังอยากเห็นเลย แต่อยากให้คนเข้าใจการทำงานของพนักงานสอบสวน การเปิดเผยภาพอาจกระทบกับรูปคดี และถ้าภาพออกมาจริงๆ คนสยองขวัญหรือไม่ ซึ่งเป็นการตัดสินใจของพนักงานสอบสวน เพราะพยานหลักฐานมันต้องขึ้นศาล
มีข้อสงสัยตำรวจช่วยกันเองทำให้กำนันนกรอด ประเด็นนี้ท่านบอกว่าตอนนี้ไม่มีใครช่วยแล้ว เพราะคดีนี้กองปราบทำแล้ว และมีรองผบ.ตร.มาดูคดีเอง ตำรวจเหล่านี้เขามีอนาคต เขาไม่เอาอนาคตมาแลกกับการช่วยคนชั่วอย่างนี้หรอก ส่วนตำรวจคนไหนช่วยเหลือ บางคนมาจากชั้นประทวนขยับยศขึ้นมาตำแหน่งยศนายร้อย อายุ 50 กว่าจะ 60 ปี อยู่ในพื้นที่จนเกิดความสนิทสนมคุ้นเคยกับกำนันนก แล้วเพราะความคุ้นเคยเลยช่วยแนะนำมือปืน ซึ่งเป็นตำรวจต้องแนะนำทุกอย่างตั้งแต่ทำลายหลักฐาน ไปถึงมามอบตัว ซึ่งการรีบมามอบตัวก็ดูเร่งรีบ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แล้วรู้จากไหนถึงรีบมามอบตัวก่อน