เรียกสองตำรวจผู้ที่ขับรถไปส่งสารวัตรศิว และ รองผู้กำกับการทางหลวง ที่ถูกยิงไปส่งโรงพยาบาล เค้าให้ปากคำในฐานะพยาน และกลุ่มเป็นตำรวจไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเนื่องจากเป็นคนช่วยเหลือ

ขณะที่ชุดสอบสวนคลี่คลายคดี ได้เรียก ด.ต.ชนาณัฐ วุฑฒยากร ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ซึ่งเป็นคนขับรถของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ ผู้กำกับเบิ้ม ซึ่งเป็นผู้ขับรถไปส่งสารวัตรศิว ที่ถูกยิงที่โรงพยาบาล และยังได้เรียก ด.ต.สราวุธ เชียงทอง ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ผู้ที่ขับรถไปส่ง พ.ต.ท.วศิน ลองผู้กำกับการทางหลวง ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม ในฐานะพยานซึ่งสองคนนี้ไม่ได้ถูกแกล้งเขากล่าวหาแต่อย่างใด

ภายหลังสอบปากคำ ด.ต.ชนาณัฐ ได้ออกมาจากห้องสอบสวน โดยเปิดเผยสั้นๆ ว่า ยังไม่พร้อมจะให้ข้อมูล หากพร้อมเมื่อไหร่จะให้สัมภาษณ์ และได้ให้การทุกอย่างไปหมดแล้ว รายละเอียดอยู่ในสำนวน

 

ผู้กำกับพญาไท เปิดใจได้ยินเสียงปืนและเห็นหน่องยิง สารวัตรศิว ยืนยันว่าไปส่งโรงพยาบาลด้วยแต่หลงทางเลยไปถึงช้า

พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผกก.สน.พญาไท ได้ออกจากห้องสอบสวน หลังเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกว่า 2 ชั่วโมง โดย พ.ต.อ.กฤษฎาพร ได้เปิดเผยว่า ตอนนี้ไม่เครียดแล้ว และไม่กังวลเรื่องที่จะมีการแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจเพิ่มเติม เพราะให้การไปหมดแล้ว รายละเอียดอยู่ในสำนวน

ยืนยันว่า หลังเกิดเหตุ ตนได้ขับรถตามประกบท้ายรถที่พาสารวัตรศิว และ พ.ต.ท.วศิน ไปส่งโรงพยาบาลจริง แต่ว่าไปหลงตรงบริเวณแยกปั๊มน้ำมันพีที เพราะลูกน้องเลี้ยวผิด ทำให้เสียเวลาไปประมาณ 8 นาที จึงตามไปถึงช้า ซึ่งชุดสืบสวนมีภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณที่ตนหลงทางแล้ว

ส่วนกรณีที่ภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีการเปิดเผยออกมา ไม่ปรากฏภาพตนนั้น จริงๆ แล้วมีภาพอีกมุมหนึ่งก่อนหน้านั้นที่เห็นตน ยังอยู่ตรงโต๊ะที่เกิดเหตุเหมือนเดิม และได้มีการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ด้วยการสั่งการให้ลูกน้องเข้าไปช่วย

พ.ต.ท.กฤษฎาพร ยัง ได้เล่าเหตุการณ์จังหวะที่สารวัตรศิวถูกยิงว่า ตนเห็นนายหน่องเดินมา และได้ยินเสียงปืนนัดแรก ซึ่งตอนแรกยังคิดว่าเป็นการยิงขึ้นฟ้า จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนอีก รวมทั้งหมด 7 นัด แบ่งเป็นการยิง 5 นัด แล้วพักยิงต่ออีก 2 นัด โดยตนหันไปเห็นจังหวะที่กำลังยิงประมาณนัดที่ 6-7 แล้ว จึงเห็นว่าเป็นปืนกล็อก ตอนนั้นเห็นสารวัตรศิว กำลังจะตกจากเก้าอี้ และ ด.ต.ชนาณัฐ ก็บอกกับตนว่า “นายๆ พี่ศิวโดนยิง” ทั้งนี้ ตนไม่เห็นว่าใครเป็นคนสั่งการ โดยหลังเกิดเหตุ ตำรวจในงานต่างก็ตกใจ ส่วนอาวุธปืนนั้น ตนเอาไว้ในรถ ไม่ได้พกไว้กับตัว ส่วนก่อนเกิดเหตุ มีการดวลเหล้ากันจริง แต่ตนไม่เห็นว่ามีการผูกมือกันหรือไม่ และเมื่อถามว่าผู้กำกับเบิ้มได้เข้าไปอุ้มสารวัตรแบงค์หรือไม่ ผู้กำกับพญาไท ระบุว่า ไม่ได้อุ้ม

 

หลังจากที่ให้สัมภาษณ์แล้ว ผู้กำกับพญาไทได้เดินเข้าไปห้องสอบสวน และเดินออกมาอีกครั้งผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามว่า เป็นผู้ที่อยู่ในคลิปเสียงที่บอกว่าจะยิงนักข่าวใช่หรือไม่ผู้กำกับพญาไทตอบว่า ”ไม่มีไม่กล้าแล้วกลัวครับ”

 

ย้อนฟังคำพูด รองต่อศักดิ์ สรุปสารวัตรแบงค์โดนยิงกี่นัด

พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เคยพูดว่า หน่อง ไม่ได้ยิง สารวัตรแบงค์ แค่ 4 นัด เพราะมันมีมากกว่านั้น เพราะกระสุนเข้าร่างของสารวัตรแบงค์จำนวน 5 นัด ส่วน รองผกก.วศิน อาจจะโดนกระสุน 2 นัด ทำให้จะมีกระสุนในเหตุการณ์นี้ 7 นัด


พยานปากเอก ขอเปิดใจกับช่อง 8 เป็นที่แรก ยอมรับเห็นเหตุการณ์ในคืนเกิดเหตุทั้งหมดว่าใครทำอะไรบ้าง

ล่าสุดวันนี้ (16 ก.ย.66) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางย้อนกลับไปที่จุดเกิดเหตุ เพื่อจะไปสอบถามกับพยานฝ่ายพลเรือน ก็คือคนงานของกำนันนกที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งวันนี้ในช่วงบ่าย บ้านที่เป็นจุดเกิดเหตุปิดประตูรั้วเอาไว้ไม่มีรถของบุคคลภายนอกขับเข้าออก แต่จะมีรถตำรวจที่มาเฝ้าจุดเกิดเหตุขี่รถจักรยานยนต์เข้าออกและก็จะมีตำรวจชุดสืบสวนบางสวนเข้ามาในที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดและเดินเช็คตัวกล้องที่ติดอยู่บริเวณหน้าบ้านกับภายในบ้านเท่านั้น

ส่วนประเด็นสำคัญเรื่องพยานที่เป็นคนงานของกำนันนก ซึ่งจะอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ วันนี้ทีมข่าวได้ไปเจอกับพยานคนสำคัญในคดีนี้ ก็คือ นางนกแก้ว (นามสมมติ) อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นคนงานของกำนันนกที่อยู่ในเหตุการณ์ ขอเปิดใจกับช่อง 8 เป็นที่แรกว่า วันเกิดเหตุในขณะที่ตนเองไปถึงที่เกิดเหตุช่วงบ่ายๆเห็นโต๊ะจีนกับเครื่องเสียงมาตั้งอยู่ภายในบ้านอยู่แล้ว จากนั้นในช่วงเย็นแขกก็เริ่มทยอยเข้ามาภายในงานเลี้ยง ส่วนกำนันนก ตนเองไม่รู้ว่าเขาเข้ามาที่บ้านตั้งแต่ตอนไหน เนื่องจากตลอดทั้งวันก่อนเริ่มงานเลี้ยง ตนเองและเพื่อนร่วมงานก็ต่างแยกกันทำงานตามหน้าที่ของตัวเองกันภายในบ้าน ส่วนหน้าที่ในงานเลี้ยงคืนนั้น ตนเองและเพื่อนร่วมงานมีหน้าที่หลักๆคือดูแลความเรียบร้อยและคอยเก็บกวาดทำความสะอาดหลังงานเลี้ยงเลิก

ส่วนประเด็นเรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดว่าคนในงานทำอะไรกันบ้างทั้งก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ แต่ไม่ขอเปิดเผย เนื่องจากให้ปากคำกับตำรวจตามความเป็นจริงไปหมดแล้ว บอกได้อย่างเดียวคือช่วงที่เกิดเหตุและหลังเกิดเหตุมันชุลมุนวุ่นวายมาก ไม่รู้ว่าใครเป็นใครและไม่รู้ว่ากำนันนกออกจากบ้านไปก่อนหรือหน่องออกไปก่อน

ส่วนประเด็นที่อยากจะพูดกับช่อง 8 ในวันนี้ ตนเองขอแก้ข่าวเรื่องของข้อมูลที่สื่อทุกช่องไปนำเสนอกันว่า หลังเกิดเหตุคนงานในบ้านมีการช่วยกันทำลายหลักฐานโดยการใช้สายยางฉีดน้ำล้างเลือดที่พื้น เรื่องนี้ขอยืนยันกับช่อง 8 ว่าหลังเกิดเหตุ ไม่มีคนงานคนไหนฉีดน้ำล้างเลือดหรือช่วยกันนำผ้าไปเช็ดเลือดที่พื้นตามที่เป็นข่าว เพราะตอนเกิดเหตุ เลือดของผู้บาดเจ็บและผู้ตาย ไม่ได้ไหลนองที่พื้นเป็นกองๆตามที่เป็นข่าว แต่ความเป็นจริงร่องรอยเลือดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีแค่หยดเลือดที่กระเด็นไปติดกับพื้นแค่หยดเลือดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ซึ่งหลังเกิดเหตุเท่าที่ตนเองกับเพื่อนร่วมงานทำความสะอาดในที่เกิดเหตุ มีแค่ช่วยกันกวาดพื้นและขอยืนยันว่าไม่ได้มีการฉีดน้ำใดๆทั้งสิ้น

ส่วนประเด็นเรื่องที่บิ๊กโจ๊ก แถลงข่าวเมื่อคืนนี้ว่า กล้องหนึ่งตัวที่ไม่มีภาพเป็นเพราะกำนันนกเดินไปปิดกล้อง เรื่องนี้ตนเองไม่เห็นเหตุการณ์ เนื่องจากช่วงเวลาตามไทม์ไลน์ก็คือเวลาประมาณ 10.00 น. ตนเองยังไม่ได้เข้ามาทำงานในบ้าน ส่วนประเด็นเรื่องที่ว่าบ้านหลังที่เกิดเหตุ จัดงานเลี้ยงบ่อยหรือไม่ ในฐานะที่ทำงานกับกำนันนกมาประมาณ 3 ปี มีการจัดงานเลี้ยงครั้งที่เกิดเหตุเป็นครั้งที่ 2 ส่วนงานครั้งแรก ไม่แน่ใจว่าจะใช่งานวันเกิดกำนันนกตามในคลิปที่สื่อนำไปเสนอข่าวหรือไม่ และสองครั้งที่มีการจัดงานเลี้ยง ก็ขอยืนยันว่า ไม่มีการปาร์ตี้เล่นการพนันกันในงานเลี้ยงหรือให้ตำรวจถอดเสื้อกระโดดน้ำทั้งนั้น

 

คนรับเหมาจัดโต๊ะจีนเปยได้ยินเสียงปืนดัง 4 นัด ยันไม่มีใครสั่งเก็บของหลังเกิดเหตุ

ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้ายพักของนายหม้อ (นามสมมติ) พ่อเจ้าของวงดนตรี ที่ทางกำนันนกจ้างไปเล่นเพลงงานเลี้ยงวันเกิดเหตุ บอกว่า ทางกำนันนกติดต่อลูกชายตนเองไปเล่นวงดนตรีในงานในวันเกิดเหตุช่วง 16.00 น. โดยระบุให้ไปถึงในงานประมาณ 18.00 น. ลูกชายจึงต่อรองขอให้ไปถึงในงาน 18.30 น.

เมื่อไปถึงก็ไปเตรียมข้าวของและเปิดเครื่องเสียงคาราโอเกะ ช่วง 19.30 น. ตอนนั้นไม่ได้สังเกตว่าใครที่มาร่วมงานบ้าง แต่จำได้เพียงมีคนที่มาร่วมงานเลี้ยงมากกว่า 40 คน ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้สังเกตเช่นกันว่าบรรยากาศในงานเป็นเช่นไรและมีคนในงานคนไหนที่มีอาการเมาบ้าง

จนกระทั่งเวลา 21.00 น. มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาบอกลูกชายของตนว่า งดใช้เสียงก่อน ลูกชายจึงทำการปิดเครื่องเสียงคาราโอเกะชั่วคราวก่อน ยืนยันตอนนั้นตนและลูกชายนั่งอยู่ไกลจึงไม่ได้ยินเสียงคนในงานทะเลาะกัน ซึ่งก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาบอกตนว่า “งานเลิกแล้วเก็บเครื่องได้แล้วเก็บของได้แล้ว” พร้อมกับจ่ายเงินค่าจ้างให้ลูกของตน 2,500 บาทแล้วก็มีทิปเพิ่มอีก 500 บาท

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีตนก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นและเหตุการณ์ก็ชุลมุน คนที่อยู่ในงานเลี้ยงก็ต่างวิ่งกระเจิงเอาตัวรอด ยืนยันตนเองยังอยู่ในที่เกิดเหตุและได้ยินเสียงช่วงที่คนในงานนำตำรวจที่ถูกยิงออกจากที่เกิดเหตุเพื่อนำส่งโรงพยาบาล แต่ตอนนั้นตนไม่กล้าออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้ยินแต่เสียงเท่านั้น โดยตะโกนว่า “ ถอยรถมาๆมาเอาคนเจ็บไปโรงพยาบาล” แล้วหลังจากนั้นก็มีรถหลายคันออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ

ซึ่งพอเหตุการณ์สงบลงตอนกับลูกชายก็รีบเก็บเครื่องเสียง ตอนนั้นไม่ได้สังเกตว่าใครอยู่ในที่เกิดเหตุบ้างแต่มีจำนวนน้อยมากที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ซักพักได้ยินเสียงคนตะโกนออกมาว่า “ อย่าไปยุ่งกับโต๊ะนั้น อย่าไปทำลายหลักฐาน” ตนจำไทม์ไลน์เวลาไม่ได้ที่ออกจากที่เกิดเหตุแล้วกลับบ้านกี่โมง ทราบแต่เพียงลูกชายบอกว่ากลับมาประมาณ 4 ทุ่มกว่า โดยช่วงเวลาที่กลับบ้านก็จำไม่แม่นว่า4 ทุ่ม หรือ 5 ทุ่ม

เผยตนไม่เครียดที่ถูกตำรวจเรียกตัวไปสอบปากคำเพราะไม่ใช่หนึ่งในคนที่ร่วมทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุ แต่ที่ผ่านมาก็ถูกตำรวจเรียกตัวไปสอบปากคำ3ครั้งแล้ว

ครั้งแรก! พยานเอกเปิดปาก สารวัตรถูกยิง 7 นัด แถมสั่งห้ามจับโต๊ะจีนเลือด