จากเหตุการณ์ นายหน่อง ลูกน้องของกำนันนก ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ภายในงานเลี้ยงของ "กำนันนก" เป็นเหตุให้ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา
เมื่อย้อนคำแถลงของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ระบุว่า กล้องวงจรปิดมีทั้งหมด 15 ตัว ในวันเกิดเหตุ มีกล้องวงจรปิด 1 ตัว ใช้งานไม่ได้ ส่วนอีก 1 ตัว กำนันนกกดสวิตช์ปิด ในช่วง 10.16 น. ทำให้ไม่สามารถบันทึกนาทีก่อเหตุไว้ได้ ซึ่งวงจรปิดจับภาพกำนันนก เดินเข้าไปปิดสวิตช์กล้องวงจรปิดด้วยตัวเองจริง
เมื่อลำดับเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ก่อนเริ่มงานเลี้ยง เป็นช่วงเวลาจัดเตรียมสถานที่
กำนันนกเดินไปจุดที่ติดตั้งกล้องวงจรปิด 1 ตัว ที่จะสามารถจับภาพบริเวณจัดงานเลี้ยงได้
กำนันนกกดปิดสวิตช์กล้องวงจรปิด เพื่อให้กล้องตัวนั้นหยุดทำงาน ก่อนเริ่มงานเลี้ยง
เมื่อ 10.16 น. กล้องวงจรปิดดับลง และไม่สามารถบันทึกภาพได้
ทีมข่าวช่อง8 สอบถามข้อมูลกับนายเบสท์ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ช่างติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม โดยเปิดเผยว่า บริเวณด้านหลังเซิร์ฟเวอร์จะต้องมีช่องสำหรับเชื่อมต่อแจ็คและสายไฟกล้องวงจรปิดทั้งหมด 16 ช่อง และแต่ละช่องจะระบุตัวเลขกล้องวงจรปิดตามจุดที่ติดตั้งในสำนักงานกำนันนก ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะมีเพียงเจ้าของบ้านและคนสนิทเจ้าของบ้านที่ทราบเท่านั้น จึงเชื่อว่ากำนันนกได้ดึงสายแจ็คกล้องวงจรปิด 2 ตัว ที่เชื่อมต่อด้านหลังของเซิร์ฟเวอร์ออก ส่งผลให้กล้องวงจรปิดสองตัวที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมากที่สุดดับลงตั้งแต่วินาทีที่ดึงสายแจ็คกล้องวงจรปิดออก แต่หากจะถามว่าสามารถกู้ข้อมูลกล้องวงจรปิดสองตัวได้หรือไม่ สามารถกู้ได้ แต่กู้ภาพที่บันทึกได้ก่อนวินาทีที่จะดึงสายแจ็คกล้องวงจรปิดออกเท่านั้น
เมื่อย้อนคำให้การนายโบ้ท ซึ่งเป็นคนนำเซิร์ฟเวอร์วงจรปิดไปทิ้งน้ำ โดยถูกดำเนินคดี
วันนี้ทีมข่าวช่อง8 ได้พูดคุยกับครอบครัวของนายโบ้ท ซึ่งวันนี้ทีมข่าวได้มีโอกาสไปเจอกับพ่อของนายโบ้ท บอกว่า ลูกชายไม่ได้กลับมาบ้านหลายวันแล้ว ส่วนเรื่องคดี ไม่ขอให้ข้อมูลอะไร เนื่องจากให้ปากคำกับตำรวจไปหมดแล้ว ถามว่าเรื่องคดีที่พ่อไปมีชื่ออยู่ในงานเลี้ยงด้วยในคืนเกิดเหตุพ่อเครียดหรือไม่ ซึ่งบอกว่า ส่วนตัวไม่ได้เครียดอะไร เนื่องจากตนเองออกมาจากงานเลี้ยงก่อนเกิดเหตุ
ส่วนประเด็นของลูกชายที่ถูกแจ้งข้อหาในการนำเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดไปทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน เรื่องนี้ในฐานะคนเป็นพ่อ เชื่อว่าลูกชายไม่ได้จงใจหรือตั้งใจไปช่วยทำลายหลักฐาน ซึ่งในความเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ใช้ไปทำอะไรก็ต้องทำตาม และพ่อก็เชื่อว่า คนอย่างลูกชายไม่กล้าที่จะทำความผิดกับเรื่องใหญ่แบบนี้
ซึ่งในขณะที่ทีมข่าวสอบถามกับพ่อของนายโบ้ท ได้ยินเสียงของคนในบ้าน ตะโกนออกมาว่า อย่าไปฟังอะไรมากนะ พ่อนายโบ้ท เขาเป็นอัลไซเมอร์ จำอะไรไม่ค่อยได้ ถามไปก็ไม่มีประโยชน์
ทีมข่าวช่อง 8 สอบถามข้อมูล กับ พล.ต.ต.อังกูร อาทรไผท อดีต ผบก.ทล. กล่าวถึงเรื่องกล้องวงจรปิดว่า กล้องวงจรปิด 2 ตัว ที่ภาพหายไป เหมือนกับขว้างงูไม่พ้นคอ มีคำถามที่เกิดขึ้น มีการปกปิดกับภาพวงจรปิดหรือไม่ เนื่องจากภาพมุมนี้ จับภาพสำคัญ